ไม่ได้เป็นผู้รู้กฏหมายครับ แต่เห็นว่า ตั้งกระทู้นานแล้ว จึงเอาบทความมาให้อ่านและลองพิจารณาครับ
@@@@@@@@
PTT ยังลูกผีลูกคน
วิบากกรรมยังไม่พ้นไปจาก PTT แม้ศาลฯตัดสินให้เป็นบจ.ต่อไป แต่สั่งโอนท่อก๊าซคืนให้คลังเพราะเป็นสมบัติของชาติ วงการชี้ข้อมูลยังไม่ชัด ระบุหากต้องโอนฟรีๆมูลค่าหุ้นวูบเฉียด 100 บาท แต่หากคลังจ่ายเงิน จะกระทบมูลค่าหุ้นแค่ 5 บาท เท่านั้น ด้าน "ประเสริฐ" ลั่นไม่กระทบมากอย่างที่คิด ยันยังได้สิทธิในท่อก๊าซเหมือนเดิม งานนี้ถือว่ายังยืนอยู่บนปากเหว และต้องลุ้นว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เหตุจะกระเทือนดัชนีตลาดฯตั้งแต่ 2-40 จุด
ในที่สุดคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยก็ผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดลงมติให้ บมจ.ปตท.(PTT) ยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป แต่สั่งให้มีการโอนท่อก๊าซและที่ดินที่เวนคืนมากลับไปเป็นของรัฐ เนื่องจากถือเป็นสมบัติของแผ่นดินซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องติดต่อไปต่อการเจรจาระหว่าง PTTและ กระทรวงการคลัง ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เองทำให้เมฆหมอกยังไม่ได้หายไปจาก PTT ไปซะทีเดียว เพราะหากเจาะลึกลงไปแล้ว จะพบว่าประเด็นการโอนท่อก๊าซให้กับกระทรวงการคลังซึ่งยังต้องอาศัยการ "เจรจา" นั้นยังเป็นประเด็นที่คลุมเครืออยู่มาก ว่าข้อสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากผลกระทบที่จะเกิดจากข้อสรุปของการเจรจาดังกล่าวจะส่งผลต่อหุ้น PTT และต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างกันแบบสุดขั้ว
การที่ตลาดหลักทรัพย์ตัดสินใจขึ้นเครื่อง SP ห้ามการซื้อขายหุ้น PTT ในช่วงวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมาจึงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องทีเดียว เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ราคาหุ้น PTT ผันผวนมากไปตามการตีความของแต่ละค่าย แต่ละคน และย่อมส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยรวม เพราะ PTT มีมาร์เก็ตแคปคิดเป็นกว่า 16% ของตลาดหุ้นโดยรวม โดยในส่วนของนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PTT คาดว่าตลาดหลักทรัพย์จะปลดเครื่องหมาย SP ให้ซื้อขายหุ้นได้ตามปกติในวันพุธ (19 ธ.ค.) แต่คนในวงการหุ้นต่างคาดการณ์ว่า ตลาดหลักทรัพย์น่าจะปล่อยให้ซื้อขายหุ้น PTT ได้ในช่วงบ่ายของวันอังคารหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุม ครม. เพราะตลาดหลักทรัพย์เองไม่ต้องการให้ขึ้น SP นานเกินไป เพรราะจะกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายโดยรวม
ในส่วนของความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะสามารถยืนในแดนบวกได้ แต่ก็ค่อนข้างผันผวนและปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 3.31 จุด เท่านั้น โดยดัชนีฯปิดที่ 836.40 จุด ในช่วงที่มีการตัดสินคดี ปตท. ออกมา ตลาดหุ้นปรับตัวรับข่าวไปกว่า 10 จุด แต่สุดท้ายเจอแรงขายทำกำไรออกมา เพราะในที่สุดแล้วคดีของ PTT ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติแสดงยอดขายสุทธิกว่า 2,680 ล้านบาท
ขั้นตอนจากนี้ไปคือการเจรจาระหว่างกระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินของแผ่นดิน และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PTT ว่าจะตัดสินใจอย่างไรในกรณีของการโอนท่อก๊าซ และจากนั้น PTT จะต้องชี้แจงผลกระทบที่เกิดขึ้น และความชัดเจนของการสูญเสียจากการต้องโอนท่อก๊าซกลับคืนเป็นของรัฐ ตลาดหลักทรัพย์จึงจะปลดเครื่องหมาย SP ให้ซื้อขายได้ตามปกติ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานเตรียมที่จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ (18 ธ.ค.50) ในขณะที่การจัดตั้งคณะกรรมการกิจการพลังงานจะแต่งตั้งเสร็จสิ้นภายใน 120 วัน นับจากวันที่ 11 ธ.ค. ที่ พ.ร.บ. กิจการพลังงานมีผลบังคับใช้ ซึ่งหมายความว่าในอนาคตจะมีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลกิจการพลังงานอย่างถูกต้อง และไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนมากเกินไป จนทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ และยังเป็นสัญญาณว่าในอนาคตสามารถมีบริษัทอื่นๆ เข้ามาทำธุรกิจแข่งขันกับ ปตท. ได้ ในกรณีการสร้างท่อส่งก๊าซเส้นใหม่
**"ประเสริฐ" ยันกระทบมูลค่าหุ้นไม่มาก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงข่ายท่อก๊าซและที่ดินของปตท. ตามมูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 100,000 ล้านบาทคิดเป็น 10% ของมูลค่าสินทรัพย์ของปตท.ที่มีอยู่ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้นยังไม่ได้พิจารณาว่าจะโอนท่อส่วนไหนให้กระทรวงการคลังบ้าง ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวมีท่อบางส่วน ซึ่งเป็นท่อทางทะเลที่ไม่ต้องรอนสิทธิ
ทั้งนี้กระทรวงการคลังไม่ต้องจ่ายเงินให้ปตท. แม้ว่าบริษัทจะโอนท่อก๊าซไปให้ เนื่องจากการโอนท่อก๊าซครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งศาลฯ สำหรับการสร้างท่อก๊าซใหม่ในอนาคตจะต้องถูกกำกับดูแลภายใต้พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน
'ใจจริงก็อยากขอค่าลงทุนท่อก๊าซจากกระทรวงการคลังเหมือนกัน แต่ศาลฯสั่งให้โอนก็ต้องทำตามนั้น ส่วนการสร้างท่อก๊าซในอนาคต ต้องทำภายใต้พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานที่ออกมา'นายประเสริฐ กล่าว
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นคาดว่าจะเสียภาษีการโอนท่อก๊าซและภาษีอสังหาฯ รวมทั้งภาษีอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยโครงข่ายท่อก๊าซและที่ดินมูลค่า 100,000 ล้านบาทนั้นอาจโอนให้กระทรวงการคลังเพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าผ่านท่อก๊าซ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 1.4 ล้านล้านบาท
'ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นยังไม่แน่ว่าจะลงบัญชีภายในปีนี้หรือไตรมาส 1 ปีหน้า ขึ้นอยู่กับว่าจะโอนท่อก๊าซให้คลังเสร็จเมื่อไร แต่ขอยืนยันว่าการเสียค่าใช้จ่ายในการโอนท่อก๊าซจะไม่กระทบเงินปันผลของปตท. งวดปี 50 แต่อาจกระทบรายได้ของปตท.เล็กน้อย'นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภายหลังจากปตท.โอนท่อก๊าซให้คลังจะทำให้มูลค่าหุ้นลดลง 70-80 บาทนั้น
นายประเสริฐ กล่าวว่า มูลค่าหุ้นของปตท. ไม่ได้ลดลงมากอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เพราะปตท.ยังดำเนินธุรกิจท่อก๊าซตามปกติ โดยทรัพย์สินยังเป็นของปตท. แต่การใช้ท่อก๊าซจะต้องขออนุญาตคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน
'มูลค่าหุ้นที่นักวิเคราะห์ตีว่าจะหายไป 70-80 บาทนั้นเขาคงตีว่าจะเอาท่อก๊าซของปตท. ไปเป็นท่อประปา คือ ปตท.เลิกธุรกิจท่อก๊าซไปแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ปตท.ยังทำธุรกิจท่อก๊าซต่อได้ เอาก๊าซมาส่งตามปกติ เพียงแต่มีภาระจ่ายค่าตอบแทนให้กับกระทรวงการคลังเท่านั้น'นายประเสริฐ กล่าว
หุ้น ปตท.น่าจะเปิดการซื้อขายได้ตามปกติในวันพุธหน้า (19ธ.ค.) ภายหลังจากที่ครม.มีการพิจารณาเรื่องการโอนท่อก๊าซ ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่ปตท.จะดำเนินการให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยในวันอังคาร (18 ธ.ค.)
ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากที่ ครม.พิจารณาการโอนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังเสร็จเรียบร้อยในวันอังคารนี้ หุ้น PTT ก็น่าจะเปิดเทรดในวันพุธที่ 19 ธ.ค.นี้
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการหารือเรื่องการโอนท่อก๊าซว่าจะมีการโอนส่วนใด จะเก็บภาษีค่าโอนท่ออย่างไร และเรื่องการโอนที่ดินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ ประเด็นทั้งหลายเหล่านี้จะนำเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเรื่องทั้งหมดในวันอังคารนี้
"หลังจากนี้คงจะต้องดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 120 วัน นับตั้งแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ คือวันที่ 11 ธ.ค. 2550 ส่วนการโอนท่อก๊าซน่าจะเสร็จสิ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน"
อย่างไรก็ดี ให้โอนท่อก๊าซไปให้กระทรวงการคลัง ในส่วนของท่อก๊าซเส้นเดิมนั้น ปตท. ยังเป็นผู้ใช้บริการตามปกติ โดยจะไม่เปิดให้เอกชนรายใหม่มาเช่าเพิ่ม แต่ในส่วนของท่อก๊าซเส้นใหม่นั้นจะเปิดให้เอกชนที่สนในเข้าประมูลอย่างเสรี
เขากล่าวต่อว่า หลังจากมีพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานออกมา ภายหลังจากการโอนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของท่อก๊าซและเหล็กจะเป็นของปตท. แต่อำนาจในการรอนสิทธิจะเป็นของรัฐ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคดีแปรรูปปตท.นี้ จะไม่กระทบการแปรรูปกิจการไฟฟ้าอื่นๆ โดยคำสั่งศาลฯครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งแนวทางการปฏิบัติในอนาคต รวมทั้งการให้ความสำคัญกับพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน
**ลุ้นท่อก๊าซถูกยึดหรือซื้อคืน
นักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ให้ความเห็นว่า ยังต้องรอความชัดเจนว่าในส่วนของท่อก๊าซที่ต้องคืนให้กระทรวงการคลัง จะเป็นแบบการขายหรือถูกยึดคืน ซึ่งผลกระทบที่จะมีต่อราคาหุ้น PTT จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่าง 5 บาท และ 99 บาท แต่ถือเป็นเรื่องดีที่ PTT ไม่ถูกเพิกถอนออกไปจากตลาดหุ้น
ทั้งนี้ในกรณีที่แยกท่อก๊าซ และขายคืนให้รัฐ แล้วกลับมาเช่าแทน จะกระทบต่อมูลค่าหุ้น PTT ให้ลดลง 5 บาท จากราคาปิดล่าสุด 368 บาท เหลือ 365 บาท และส่งผลต่อ SET INDEX 1.8 จุด ภายใต้สมมติฐานที่ว่าราคาหุ้นตัวอื่นๆไม่มีการเคลื่อนไหว
แต่หากรัฐยึดคืนท่อก๊าซโดยไม่จ่ายเงินซักบาท จะกระทบมูลค่าหุ้นของ PTT ถึง 98.5 บาท หรือ 26.8% ทำให้ราคาหุ้น PTT ลดลงเหลือ 269.50 บาท ซึ่งจะกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ถึง 35.8 จุด ทำให้ดัชนีฯลดลงมาเหลือ 797 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจาก ปตท. จึงจะสามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
**กิมเอ็งมองดีสุดโต่ง ยืนยันเป้าหมายที่ 420 บาท
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำตัดสินในกรณีที่กลุ่มบุคคลประกอบด้วยมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคกับพวกรวม 5 คน ('ผู้ฟ้องคดี') ได้ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ('ผู้ถูกฟ้องคดี') ต่อศาลปกครองสูงสุดและขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ซึ่งเกี่ยวกับการแปลงสภาพการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ('พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ') โดยตัดสินให้ PTT พ้นข้อกล่าวหา ซึ่งส่งผลให้ PTT จะไม่ถูกเพิกถอนออกจากตลาดฯ แต่จะต้องโอนคืนท่อส่งก๊าซให้กับกระทรวงการคลัง ทำให้ราคาหุ้นจะไม่ถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าวอีกและสามารถปรับตัวไปตามปัจจัยพื้นฐานได้
เราเห็นว่ามีปัจจัยบวกอยู่หลายประการที่จะสนับสนุนผลการดำเนินงานและราคาหุ้นของบริษัทในปีหน้าประกอบไปด้วย 1) ปริมาณการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะเติบโต 10% หลังจากท่อก๊าซเส้นที่ 3 เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา 2) การเดินเครื่องเต็มที่ของโรงแยกก๊าซ 5 แห่งของ PTT กำลังการผลิตรวม 4.2 ล้านตัน/ปี 3) การลอยตัวก๊าซ LPG (ผลิตได้ 2.2 ล้านตัน/ปี) จะทำให้ราคาจำหน่ายในประเทศสูงขึ้นส่งผลให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นด้วย 4) การรับรู้ผลกำไรจาก PTTEP ที่จะเพิ่มขึ้นตามปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเติบโต 28% yoy จากโครงการอาทิตย์และโครงการเวียดนาม 9-2 บวกกับราคาจำหน่ายปิโตรเลียมที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันด้วย 5) ส่วนแบ่งผลกำไรจาก PTTCH ที่จะสูงขึ้นตามกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.7 ล้านตันและการเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตหลังจากที่ปีนี้มีหยุดซ่อมบำรุงไปหลายวัน 6) ส่วนแบ่งผลกำไรของ PTTAR (บริษัทที่เกิดจากการรวมกิจการของ ATC และ RRC) ที่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจากรวมกิจการกัน 7) ส่วนแบ่งผลกำไรจาก TOP ที่จะดีขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 50,000 บาร์เรล/วัน เป็น 275,000 บาร์เรล/วัน
กำไรพิเศษที่คาดว่าจะเกิดจากการนำหุ้นของ โรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) ที่ PTT ถือหุ้นอยู่ 36% เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
ราคาหุ้นของ PTT ได้ปรับตัวลดลงมา 16% นับจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 440 บาท ในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากความกังวลของคำตัดสินของศาลว่าจะต้อง
ถูกเพิกถอนหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่มีความชัดเจนแล้วว่าไม่ถูกเพิกถอน เราคาดว่าราคาหุ้นของบริษัทจะมีการฟื้นตัวได้อย่างดีเนื่องจากราคาหุ้นที่ยังมีราคาต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานอยู่มาก โดยซื้อขายอยู่ที่ PER 10.2 เท่า เทียบกับกลุ่มพลังงานที่ซื้อขายที่ PER 12.6 เท่าและตลาดฯ ที่ซื้อขายที่ PER 12.1 เท่า และมี upside อยู่ 14% จากราคาเป้าหมาย ของเราที่ 420 บาท (กรณีโอนคืนท่อส่งก๊าซให้กระทรวงการคลัง) เราคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน สำหรับ PTT
**SCIBS ดีดลูกคิดกรณีแย่ที่สุดลดลงไม่เกิน 60 บ. แนะซื้ออ่อนตัวที่ราคาต่ำกว่า 330 บ./หุ้น
บทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย ระบุว่า หลังศาลปกครองสูงสุดได้สรุปผลการพิจารณาคดีของ PTT ได้ดังนี้
1. ขั้นตอนการแปรรูปนั้นถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยคุณสมบัติของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง PTT หลังการแปรรูป PTT เป็นบริษัทมหาชน รวมถึงขั้นตอนการแปรรูปถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย
2. สำหรับกรณีการแยกท่อก๊าซนั้น ศาลฯ มีความเห็นให้แก้ไขประเด็นต่างๆ ที่ขัดต่อกฎหมายโดยเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเวนคืน และท่อส่งก๊าซ-น้ำมัน กลับคืนไปยังกระทรวงการคลังเพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องติดต่อไปต่อการเจรจาระหว่าง PTTและ กระทรวงการคลัง
3.ประเด็นสำคัญของการพิจารณาถอดถอน PTT ออกจากตลาดนั้น ศาลฯ ได้พิจารณายกคำร้องทำให้ PTT ยังคงสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไปผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ PTT
บทวิเคราะห์ระบุว่า มูลค่าตลาดบัญชี (Book valued) ของหุ้น PTT คาดว่าจะลดลงประมาณ 14 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการคืนสินทรัพย์ในส่วนของที่ดินและท่อก๊าซบางส่วนให้กับกระทรวงการคลัง
ส่วน ผลการดำเนินงานของ PTT ในส่วนของรายได้คงเดิม เนื่องจาก PTT ยังคงเป็นผู้ดำเนินงานธุรกิจท่อก๊าซต่อไป แต่กำไรสุทธิมีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก PTT จะต้องจ่ายค่าเช่าสินทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันยังคงไม่ทราบว่าจะตกลงกันที่อัตราเท่าไร ขณะที่มูลค่ากิจการ (NAV) ลดลงตามกำไรของธุรกิจท่อก๊าซ
ทั้งนี้ SCIBS ประเมินในกรณีที่แย่ที่สุดไว้ที่ 60 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นกรณีที่คืนสินทรัพย์ทั้งหมดและไม่มีกำไรจากธุรกิจท่อก๊าซเลย แต่ในความเป็นจริงคาดว่าธุรกิจท่อก๊าซจะยังคงมีกำไร เพียงแต่ยังคงไม่ชัดเจนพอที่จะประเมินมูลค่าได้ ส่งผลให้มูลค่าเหมาะสมของ PTT จะลดลงจาก 395 บาท เหลือ ไม่ต่ำกว่า 335 บาท ผลการพิจารณาดังกล่าวนั้นถือเป็น Positive ต่อภาวการณ์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น SCIBS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนดังต่อไปนี้
ซื้อ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) อย่าง PTTEP / TOP / RRC / KBANK/BAY / SCC / LH / QH รวมถึง TDEX
สำหรับ PTT นั้น SCIBS แนะนำว่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว หากราคาต่ำกว่า 330 บาท/หุ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงจากการเวนคืนที่ดิน และท่อส่งก๊าซ-น้ำมัน จะยังเป็นปัจจัยกดดันการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นPTT จนกว่าจะไดข้อสรุประหว่าง PTT - กระทรวงการคลัง
**ASP ประเมินกระทบไม่เกิน 100 บ.
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บล.เอเซียพลัส ได้กล่าวถึงผลกระทบหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้บมจ. ปตท.(PTT) ต้องโอนที่ท่อก๊าซ และที่ดินเวนคืนให้กลับไปเป็นของรัฐ แต่ไม่ต้องถูกเพิกถอนให้พ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ในเชิงเพื้นฐานย่อมมีผลกระทบต่อ PTT อย่างแน่นอน
'เราจะต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะสรุปเพื่อ ลดระดับราคาพื้นฐานที่เหมาะสม' นายภูวดล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นประเมินว่าผลการตัดสินครั้งนี้จะกระทบต่อมูลค่าราคาหุ้นที่เหมาะสมของPTT ไม่เกิน 100 บาท
ทั้งนี้บทวิเคราะห์ ล่าสุดของบล.เอเซีย พลัส ได้เคยให้ราคาพื้นฐานเหมาะสมของ PTT ที่ 425.92 บาท
**บัวหลวง ยังมองตลาดหุ้นผันผวน
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง ได้กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งว่าจะมีความผันผวนไม่ต่างจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ยังคงประเมินแนวโน้มภาพรวมยังเป็นเชิงลบ แม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีการตัดสินคดีความบมจ.ปตท.(PTT)ไปแล้ว แต่ตามขั้นตอนยังคงต้องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเรื่องท่อก๊าซที่ทาง PTT จะต้องจัดการโอนคืนประกอบด้วย
ขณะที่ในส่วนของการเลือกตั้งนักลงทุนบางส่วนยังกังวลว่า หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งแล้ว ภาพการเมืองก็มีโอกาสที่จะไม่นิ่ง ประกอบกับกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะยังไม่เข้าไปลงทุนในตลาดทุนทันที จากการที่พบว่าระยะหลังนักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากตลาดหุ้นและนำเงินไปพัก หรือลงทุนในพันธบัตรแทนมากขึ้น
"ต้นสัปดาห์คงยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หุ้นขนาดใหญ่ยังน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาน้อยอยู่ มองภาพรวมหุ้นมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น อีกทั้งพวกกองทุนต่างประเทศอาจมีการขายหุ้นไทยเพื่อปิดสถานะก่อนสิ้นปีในบ้านเรา"นายเผดิมภพ กล่าว
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อหุ้นที่มีอัตราปันผลน่าสนใจเช่น บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รวมถึงหุ้นขนาดเล็ก ที่นักลงทุนจะเก็งกำไรเป็นช่วงสั้นๆในสัปดาห์หน้า
ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมัน รวมถึง PTT คาดว่าในระยะสั้นจะยังไม่ปรับขึ้นมากนัก ในช่วงนี้หรือรับผลบวกเต็มที่ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นแรง
ทั้งนี้ประเมินกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ที่แนวรับ 832 จุด แนวต้าน 855 จุด
**ก.ล.ต. แนะ นลท.ติดตามข้อมูลและมูลค่าหุ้น PTT หลังศาลฯ ให้โอนทรัพย์สินคืนรัฐ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดการซื้อขายหุ้น ปตท. เป็นการชั่วคราว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์อีกครั้ง เมื่อ ปตท. ชี้แจงข้อมูลรวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบและขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทอย่างชัดเจน เพียงพอ มายังตลาดหลักทรัพย์ฯและข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนในวงกว้างแล้ว เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีเวลารับทราบข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์รวมทั้งผลกระทบต่าง ๆ
ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า คำพิพากษาดังกล่าวมิได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ ปตท. แต่อย่างใด อย่างไรก็ดี การที่ปตท.แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ ปตท. ขณะนี้ปตท. อยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบดังกล่าว และจะได้ชี้แจงให้ทราบต่อไป
สำหรับกรณีกองทุนรวม ผู้ลงทุนยังคงซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ ปตท.และตลาดหลักทรัพย์ฯ หยุดการซื้อขายหุ้น ปตท. เป็นการชั่วคราวซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มูลค่าหน่วยลงทุนราคาขายและราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้น ปตท. ได้
ก.ล.ต. จะได้ติดตามความคืบหน้าและชี้แจงให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป ก.ล.ต.จึงขอให้ผู้ลงทุนติดตามคำชี้แจงของปตท. บทวิเคราะห์หุ้น ปตท. จากบริษัทหลักทรัพย์และการประกาศเปิดให้มีการซื้อขายหุ้น ปตท. อีกครั้งของตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจในการลงทุน ทั้งนี้หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อกับ ก.ล.ต. ได้ที่ศูนย์ Hot Line โทร. 0-2695-9696 หรือที่ โทร. 0-2695-9999 กด 9
จาก........E-Finance Thai. 14/12/2007
@@@@@@@@@@@@@@@@