ถ้าพูดถึงความพิเรนสมัยเด็กๆ ผมว่าไม่น่าเป็นรองใครเลยครับ ตอนนั้นไม่ทราบว่าเป็นอะไร มี
ความรู้สึกว่า จะคลั่งไคล้ เสียงปืนและเสียงประทัดกันเหลือเกิน ขนาดเขามีการยิงกัน วางระเบิด
กัน ก็ดิ้นรนขวยขวายไปดูให้ได้ ตอนนั้นมีการฝึกรบ คอบบร้าโกลด์ ที่อำเภอเทพา จังหวัด
สงขลา ซึ่งสมัยนั้นผมยังเรียน มัธยมศึกษาตอนต้นอยู่เลย ประมาณว่า 14 15 ปีเอง ขโมยรถ
มอเตอร์ไซค์ของพ่อไปดู ระยะทางจากบ้านผมถึง อำเภอ เทพา ประมาณ 50 กิโลเมตร ไปกลับก็
100 กิโลเมตร ถ้าเทียบรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว คนอื่นไม่กล้าหรอกครับ เพื่อนๆเชื่อมั้ยครับว่า แต่
ก่อนพวกผมทำประทัดเล่นกันเอง คือเอาลูกประทัดหลายลูกมาแกะแล้วทำใหม่เป็นลูกเดียว บาง
ครั้งใส่ในขวดพลาสติกแล้วลอยน้ำ ในคูเล็กๆ แล้วระเบิดปลากัน ใส่ปากคางคกก็ยังเคยเลยครับ
เล่ามาถึงตอนนี้ยังเสียวเพื่อนๆด่าอยู่เลย แล้วยังมีความพิเรนอีกอย่างหนึ่งที่เฉียดๆคุกโดยไม่ได้ ก็
คือทำไปตามความซน ประสาเด็กกัน เคยได้ยินผู้ใหญ่ว่า ไก่ตาบอดสีมั้ยครับ ผมลองมาแล้ว ผมว่า
ไม่บอดสีหรอกครับ แต่ว่าบอดสนิทเลยครับ พอตกค่ำเราจะหมายตากันใว้แล้ว ว่าบ้านหลังใหนมี
เป็ดมีไก่กัน เชื่อมั้ยครับว่าไก่ที่ไม่เชื่อง ตกดึกเราสามารถเอาแขนช้อนตรงหน้าอก ให้ไก่เกาะแขน
เราได้โดยไม่ร้องสักเอะเดียว พอพ้นเขตบ้านเป็นอันเรียบร้อย วันนั้นเป็นความคิดไอ้อ๊อด มัน
บอกว่าทำไก่หมกทรายกินกันดีกว่า ในใจเราก็นึกว่ามันจะกินกันยังงัย แต่มันก็รับปากรับคำว่ามัน
เคยเห็นเขาทำกัน เราก็เลยต้องยอมมัน ตอนนั้นเราไปตั้งแคมป์กันริมทะเล ก็เลยเผากันริมทะเลกัน
เลยครับ จัดแจงฝังไก่แล้วเอาทรายกลบ แล้วก่อไฟข้างบน หลังจากเผาจนได้ที่แล้วก็ขุดขึ้นมา
เรียบร้อยครับ ทรายเพียบกินกันไม่ได้ ไล่ความกันไปไล่กันมา มันบอกว่าลืมขั้นตอนไป คือขุด
หลุม ให้กว้างพอปิ๊บลงได้ แล้วนำไก่ที่ทำเรียบร้อยแล้วไปล้างกับน้ำทะเล ไม่ต้องปรุงอะไรทำแบบ
โจรสลัด (เลียนแบบน้ำพริกโจร) นำไม้มาเสียบให้ลอยๆ แล้วใช้ปิ๊บคลุม แล้วจัดการฝังดิน แล้วก่อ
กองไฟใว้ข้างบน คงคล้ายๆกับไก่อบฟางนั้นแหละครับ แต่นี่มันผิดขั้นตอนกันไป คนละเรื่องกัน
เลย ตกลงงานนั้น ไอ้อ๊อดรับและ เมื่อสักครู่ที่กล่าวถึงน้ำพริกโจร ไม่ทราบว่าเพื่อนเคยได้ยินกัน
หรือเปล่า ตามที่เขาเล่ามา พวกโจรเวลาอยู่ในป่า จะไม่กล้าก่อกองไฟ หรือหุงหาอาหารกัน (ก็ยัง
งงๆอยู่ว่าจะหุงข้าวยังงัย) เผอิญอยากจะกินน้ำพริก ก็เลยเอา ด้ามมีดมาขยี้กระเทียม กะปิ (ตอนนี้มี
สิทธได้กลิ่น)พริก ใครยังไม่เคยลอง รีบเข้าครัวเลยครับ แต่ผมว่าให้ได้บรรยากาศจริงต้องอยู่ในป่า
ครับ พูดถึงน้ำพริก นี่ก็แปลกเป็นของคู่ครัวคนไทยเลยครับ ตอนที่ผมไปเที่ยว เยอรมัน นึกในใจว่า
เพื่อนที่อยู่ที่นั่นมันต้องอยากกินของเผ็ดๆแน่ ก็เลยซื้อไตปลาแห้ง (ต้องแม่จู้ที่ภูเก็ต) ไปฝากครับ
มันดีใจมากครับ ตกเย็นผมอุ่นแกงให้มัน ทอดไข่เจียว กับ คะน้าปลาเค็ม เท่านั้นแหละครับ ฝรั่ง
ออกมาดูกันเต็ม เราก็ลืมจุดนี้ไป อ้อลืมบอกไปว่าเราไปกันประมาณ 13 คน บ้านที่เราเช่าเป็นบ้าน
ฝรั่งให้เช่า คือยกกระเป๋าเข้าไปอย่างเดียว คิดค่าหัวๆละ 800 บาท หลังหนึ่งให้นอน 5 คน แต่จริงๆ
แล้วนอนเป็น 10 คนก็นอนได้ เราบอกว่าขอนอน 10 คน แต่จ่ายเท่ากัน มันก็ไม่ยอม หลังจากทำ
กับข้าวเสร็จ ก็มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน นึกในใจ สงสัยฝรั่งมันมาด่าแน่ แต่กลายเป็นผู้หญิงคนไทย
ครับ เขาบอกว่าได้กลิ่นแกงไตปลาเลยเดินมาดู(ตรงนี้เห็นเพื่อนบอกว่า ถ้าเป็นอเมริกา ตำรวจมา
แน่ จริงเท็จเป็นอย่างไรต้องถามพี่บุญ แล้วครับ) เขาบอกว่ามาอยู่ เยอรมันหลายปีแล้วได้กลิ่น
เลยอยากกินผมเลยให้ไปกระป๋องหนึ่ง แกดีใจมาก เลยเขียนแผนที่ร้านขายของๆคนไทยที่ เมือง
แฟรงค์เฟิตส์ เดี๊ยวเที่ยวหน้าเล่าเรื่องกะเหรี่ยงบุกแฟรงค์เฟิตส์