เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 26, 2024, 04:26:45 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กลาโหม ล็อบบี้ทั่วโลกประณาม เขมร ชนวนระเบิดศึก เขาพระวิหาร ภาค 2  (อ่าน 4143 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 12:35:55 PM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
ต.แม่สาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 490
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6544



« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 01:29:06 PM »

ผมเข้าใจว่าคนเขียนประวัติศาสตร์ คือคนที่มีอำนาจสูงสุดในยุคสมัยนั้นครับ เหมือนกับประวัติ ของ 14 ตุลา 16 - 6 ตุลา 19 ก็มีคนพยายามจะบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ผมเชื่อคนที่อยู่ในประวัติศาสตร์ยุคนั้นออกมาเล่าเองมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า

ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 02:15:41 PM »

ไหว้ ตัวอย่าง..พระแก้วมรกตอันเป็นทีเคารพสักการะสูงสุดนั้น...มีที่มาอย่างไร..คงทราบดี

             ดังนั้นผมเห็นด้วยที่จะพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

             ส่วนกรณีเขาพระวิหาร.....ได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า....
   
             โบราณท่านสร้างมาให้เคารพสักการะร่วมกัน     เพื่อให้เกิดสามัคคีธรรมในภูมิภาค   
            
             ใครฝ่ายไหนคิดละโมบเอาเป็นของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว   มันต้องมีอันเป็นไป! 

              อันนี้เป็นนิทาน.....แต่เมื่อเปรียบเทียบความจริงแล้ว  เหมือนนิทานเลย
พระแก้วมรกต
เดิมพบที่เชียงรายถูกหุ้มโดยพระพุทธรูปปูนปั้น  พอถูกฟ้าผ่าก็เลยเห็นองค์พระแก้วมรกต(เดิมสร้างโดยใครไม่มีใครรู้)  เชียงรายตอนนั้นก็คืออาณาจักรล้านนา  ( เมืองใหญ่ของล้านนามีเชียงราย เชียงใหม่  เชียงตุง)  สมัยหนึ่งของล้านนาขาดกษัตริย์ปกครอง   ขุนนางเลยไปทูลเชิญกษัตริย์ล้านช้าง(ลาวในปัจจุบัน)มาปกครองระยะหนึ่ง  เมื่อพระองค์เสด็จกลับล้านช้างก็นำของมีค่าในอาณาจักรล้านนาไปด้วย   มี  พระแก้วมรกต  รวมอยู่ด้วย  จนต่อมาอาณาจักรสยามส่งกองกำลังไปปราบลาวจึงอัญเชิญมาที่กรุงเทพ  ประดิษฐานที่วัดพระแก้วจนถึงปัจจุบัน
จาก
อันนี้ผมอ่านจากลานนาเวิรลด์
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
คนแปลกหน้า - รักในหลวง
" ลุกปืน สั่งให้ไปได้แต่สั่งให้หยุดและเรียกกลับไม่ได้ "
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 126
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 956



« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 08:19:59 PM »

อ่านตอบกระทู้แล้วเหมือนได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์แต่ไม่รู้จะเชื่อเล่มใหนดี   ผมว่าก.ห. จะทำอะไรก็รีบทำอย่ารอรัฐบาล เพราะงานเร่งด่วนของรัฐบาลคือแก้ร.ธ.น. อนุมัติเงินโครงการประชานิยม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็จะเน้นไปในทางความร่วมมือทางการค้าเสืยมากกว่า ถ้าประเทศใหนให้โอกาศทางการค้าแก่นายทุนไทย เขาว่าอะไรก็คงยอมเขาหมด ยิ่งกระทรวงต.ป.ท.แล้วไม่เคยได้ยินว่าจะชนะหรือได้เปรียบ หรือแม้แต่ได้ความยุติธรรมในการเจรจาหรือทำสัญญาใดๆกับต่างปกระเทศเลย     แล้วทำไมก.ห.ไม่ตั้งพล.อ. สพรั่ง  แทน พล.อ. ชวลิต ละครับหรือคนอื่นก็ได้    ประวัติศาสตร์ผ่านมานานมากแล้ว       แต่ปัจจุบันถ้าเกิดอะไรขื้น   ทหารกองหนุน  ทร.3/2528 นาวิกโยธิน  พร้อมให้เรียกตัวครับ  อ้อขอเอาของส่วนตัว  cz 75 compact  ไปด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 09:30:18 PM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ


คือนักประวัติศาสตร์ฝ่ายไทย  เขียนว่า king เป็นห่วงสนมนางในตกใจเสียงปืนใหญ่ มากกว่าผลของการรบ   และเมื่อเสียกรุงก็หลบหนีไปจนอดตาย
ส่วนคำให้การของเชลยชาวไทย  ที่พม่าบันทึกไว้ และอังกฤษส่งมาให้ในสมัยรัชกาลที่สาม  ระบุว่า king ของเราสิ้นพระชนม์ในระหว่างการรบอยู่ในพระราชวัง  ในมือยังกำดาบ
บันทึกการเข้า
NAPALM
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 66
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1589



« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 25, 2008, 09:49:06 PM »

ไหว้ ตัวอย่าง..พระแก้วมรกตอันเป็นทีเคารพสักการะสูงสุดนั้น...มีที่มาอย่างไร..คงทราบดี

             ดังนั้นผมเห็นด้วยที่จะพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

             ส่วนกรณีเขาพระวิหาร.....ได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า....
   
             โบราณท่านสร้างมาให้เคารพสักการะร่วมกัน     เพื่อให้เกิดสามัคคีธรรมในภูมิภาค   
            
             ใครฝ่ายไหนคิดละโมบเอาเป็นของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว   มันต้องมีอันเป็นไป! 

              อันนี้เป็นนิทาน.....แต่เมื่อเปรียบเทียบความจริงแล้ว  เหมือนนิทานเลย


      มิตรสหายผม   เป็นดรุณีสามนาง    เธอพากันไปเทียวเมืองลาว    ด้วยว่าอยากจะไปชื่นชมศิลปวัฒนธรรมของลาว

เมื่อเยื้องย่างยังวัดหนึ่ง     และมีโอกาสเจรจาพาทีกับเจ้าบ้าน  ณ. บริเวณนั้น     เพียงไม่กี่คำ   คนที่เจรจาด้วยก็ว่า

" พระแก้วมรกตเคยอยู่ที่วัดนี้มาก่อน "   พร้อมพูดในทำนองว่า   เป็นสมบัติของบ้านของเมืองเขา  ฯลฯ

        สามใบเถาเธอรู้สึกกร่อยสุด ๆ     ย่างอีกไม่กี่ก้าว     เธอก็พากันหายจากบริเวณนั้นในบัดดล..................
บันทึกการเข้า

..........ขอเพียงมีความหวัง       ย่อมมีโอกาส...............
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 55
ออฟไลน์

กระทู้: 906


« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 26, 2008, 11:13:39 AM »

เขาพระวิหารนี่ ผมเคยได้ไปเที่ยวชมมาครั้งหนึ่ง นานแล้ว รู้สึกว่าจะชำรุดทรุดโทรม ไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไหร่ สู้ปราสาทหินพิมายและปราสาทพนมรุ้งไม่ได้ จะดีกว่าก็ตรงทำเลที่ตั้งเท่านั้น เพราะอยู่บนเนินยอดเขาพอดี ถ้าเขมรจะรื้อเอาตัวปราสาทไปไว้ที่ประเทศเขมร ผมในฐานะคนไทยก็ไม่รู้สึกเสียดายเลยครับ แต่เรื่องดินแดนนี่คงต้องว่ากันยาวครับ
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 26, 2008, 12:33:15 PM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ


ตอนเสียกรุงครั้งที่สอง  พงศาวดารพม่าเขียนไว้ว่าทางกรุงศรีอยุธยาได้ทำการรบอย่างสุดความสามารถ    นักประวัติศาสตร์มองว่าเหตุที่เสียกรุง เนื่องจากความเพลี้ยงพล้ำทางยุทธศาสตร์  มากกว่าสาเหตุอื่น

บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 55
ออฟไลน์

กระทู้: 906


« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 26, 2008, 01:24:48 PM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ


ตอนเสียกรุงครั้งที่สอง  พงศาวดารพม่าเขียนไว้ว่าทางกรุงศรีอยุธยาได้ทำการรบอย่างสุดความสามารถ    นักประวัติศาสตร์มองว่าเหตุที่เสียกรุง เนื่องจากความเพลี้ยงพล้ำทางยุทธศาสตร์  มากกว่าสาเหตุอื่น



ข้างฝ่ายพม่าคงจะมองภาพในฐานะเป็นคู่ศึก คือมองจากภายนอก ไม่ทราบความเป็นไปภายในวัง และผมคิดว่าเป็นวิสัยของคนไทย ที่เมื่อมีศึกสงครามมาประชิดติดเมืองจะเกิดความสำนึกรักชาติและสู้จนตัวตาย ไม่สนใจว่าผู้นำทัพจะเป็นอย่างไร
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #24 เมื่อ: มีนาคม 27, 2008, 12:16:00 AM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ


ตอนเสียกรุงครั้งที่สอง  พงศาวดารพม่าเขียนไว้ว่าทางกรุงศรีอยุธยาได้ทำการรบอย่างสุดความสามารถ    นักประวัติศาสตร์มองว่าเหตุที่เสียกรุง เนื่องจากความเพลี้ยงพล้ำทางยุทธศาสตร์  มากกว่าสาเหตุอื่น



ข้างฝ่ายพม่าคงจะมองภาพในฐานะเป็นคู่ศึก คือมองจากภายนอก ไม่ทราบความเป็นไปภายในวัง และผมคิดว่าเป็นวิสัยของคนไทย ที่เมื่อมีศึกสงครามมาประชิดติดเมืองจะเกิดความสำนึกรักชาติและสู้จนตัวตาย ไม่สนใจว่าผู้นำทัพจะเป็นอย่างไร

ผู้นำทัพได้ทำการปกป้องพระนครอย่างสุดความสามารถ  ความเชื่อที่ว่า ผู้นำไม่เข้มแข็ง , การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น , การทรยศของขุนนางชั้นสูง  จนเป็นเหตุให้เสียพระนคร  ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ว่ากันภายหลังทั้งนั้น 

จุดที่ทำให้แพ้ คือ อยุธยา ยังใช้ยุทธวิธีเดิมในการป้องกันพระนคร  โดยใช้แม่น้ำล้อมรอบ รอฤดูน้ำหลากมาท่วมทัพข้าศึก  และจะแต่งทหารเรือเข้าโจมตีระหว่างนั้น    ทัพพม่าอ่านกลยุทธ์นี้ออก  โดยเลือกจุดตั้งทัพหลวงที่โคก  มีการเตรียมเสบียงให้เพียงพอ พอจนถึงฤดูน้ำลด
ในขณะที่ภายในพระนคร ถูกตัดขาดจากภายนอก เสบียงเริ่มร่อยหรอ คาดว่าทัพพม่าจะถอนทัพไปก่อน ก่อนที่ตนจะหมดเสบียง หวังการหน้าจะหาเสบียงเพิ่มเติม  ครั้นพอทัพพม่ายันได้ถึงฤดูน้ำลด  ภายในพระนครก็ไม่สามารถฝ่าล้อมหาเสบียงเพิ่มได้ 

ทัพที่มาล้อม เป็นทัพใหญ่ มีการเตรียมการณ์เป็นอย่างดี  ไม่ใช่ทัพโจร อย่างที่เราเรียนกันมา

ด้วยเหตุนี้ พอถึงสงครามเก้าทัพ  ยุทธศาสตร์การป้องกันพระนครจึงเปลี่ยนไป
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
VENDY
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1482
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6755



« ตอบ #25 เมื่อ: มีนาคม 27, 2008, 12:26:09 AM »

เห็นด้วยกับ อาจารย์ สุพินท์ ครับ
ต่อไปผมจะพยายามศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านเทียบเคียงด้วย  แต่ก็คงปลงใจไม่ได้ว่าอันไหนจริง   เพราะไม่ได้พบกับตัวเอง
 

ลองดูตอนเสียกรุงครั้งที่สองซิครับ   พม่าเขียนถึง king ของไทยเรา   ดีกว่าคนไทยเรากันเองเสียอีก
ตอนเสียกรุงครั้งที่สองที่ทำเป็นละคร  พอเข้าใจคร่าวๆว่า  มีการแก่งแย่งราชสมบัติ   เจ้าฟ้าอุทุมพรเสด็จออกผนวช  เจ้าฟ้าเอกทัศครองราช ชื่อ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์แต่มิได้ทรงพระปรชาสามารถอะไร  มีขุนนางทรยศ   ตกลงบ้านเมืองเรามีวิบากกรรมเสียกรุงเพราะปัญหาความซื่อสัตย์ตลอดเลยนะครับ  ไม่ทราบว่าที่ผมเข้าใจนี้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่าครับ


ตอนเสียกรุงครั้งที่สอง  พงศาวดารพม่าเขียนไว้ว่าทางกรุงศรีอยุธยาได้ทำการรบอย่างสุดความสามารถ    นักประวัติศาสตร์มองว่าเหตุที่เสียกรุง เนื่องจากความเพลี้ยงพล้ำทางยุทธศาสตร์  มากกว่าสาเหตุอื่น



ข้างฝ่ายพม่าคงจะมองภาพในฐานะเป็นคู่ศึก คือมองจากภายนอก ไม่ทราบความเป็นไปภายในวัง และผมคิดว่าเป็นวิสัยของคนไทย ที่เมื่อมีศึกสงครามมาประชิดติดเมืองจะเกิดความสำนึกรักชาติและสู้จนตัวตาย ไม่สนใจว่าผู้นำทัพจะเป็นอย่างไร

ผู้นำทัพได้ทำการปกป้องพระนครอย่างสุดความสามารถ  ความเชื่อที่ว่า ผู้นำไม่เข้มแข็ง , การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น , การทรยศของขุนนางชั้นสูง  จนเป็นเหตุให้เสียพระนคร  ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ว่ากันภายหลังทั้งนั้น 

จุดที่ทำให้แพ้ คือ อยุธยา ยังใช้ยุทธวิธีเดิมในการป้องกันพระนคร  โดยใช้แม่น้ำล้อมรอบ รอฤดูน้ำหลากมาท่วมทัพข้าศึก  และจะแต่งทหารเรือเข้าโจมตีระหว่างนั้น    ทัพพม่าอ่านกลยุทธ์นี้ออก  โดยเลือกจุดตั้งทัพหลวงที่โคก  มีการเตรียมเสบียงให้เพียงพอ พอจนถึงฤดูน้ำลด
ในขณะที่ภายในพระนคร ถูกตัดขาดจากภายนอก เสบียงเริ่มร่อยหรอ คาดว่าทัพพม่าจะถอนทัพไปก่อน ก่อนที่ตนจะหมดเสบียง หวังการหน้าจะหาเสบียงเพิ่มเติม  ครั้นพอทัพพม่ายันได้ถึงฤดูน้ำลด  ภายในพระนครก็ไม่สามารถฝ่าล้อมหาเสบียงเพิ่มได้ 

ทัพที่มาล้อม เป็นทัพใหญ่ มีการเตรียมการณ์เป็นอย่างดี  ไม่ใช่ทัพโจร อย่างที่เราเรียนกันมา

ด้วยเหตุนี้ พอถึงสงครามเก้าทัพ  ยุทธศาสตร์การป้องกันพระนครจึงเปลี่ยนไป


อันนี้อ้างอิงจากไหนคะพี่โทน เอ๋เห็นว่าน่าจะใกล้เคียง
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #26 เมื่อ: มีนาคม 27, 2008, 12:35:29 AM »

หนังสือของ อาจารย์สุเนตร  ของท่านอื่นๆก็มี
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 22 คำสั่ง