*** หุ้ น 2 5 5 7 ***

โอ้....แม่เจ้า คอนโด200ล้าน Shocked

"ไมเนอร์"ลุยลงทุนรับศก.ฟื้น ขายเพนต์เฮาส์ยูนิตละ200ล.

"ไมเนอร์กรุ๊ป" ชี้บรรยากาศการลงทุนในไทยดีแน่ ถ้าปัญหาการเมืองไม่บานปลาย คาดธุรกิจในเครือมีอัตราเติบโต 7-10% เผยธุรกิจอาหารสร้างรายได้และกำไรพรวด ปีนี้ไม่ยอมตกขบวน เร่งฉวยโอกาสทอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว เปิดโครงการหรู 5 พันล้านชูแบรนด์ใหม่ "เซนต์ รีจิส" ติดรถไฟฟ้าราชดำริ ขายคอนโดฯยูนิตละ 200 ล้าน เจาะตลาดลูกค้ามหาเศรษฐีทั่วโลก

นายวิลเลี่ยม ไฮเนกี้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงบรรยากาศการลงทุนในปีนี้ว่า ภาพรวมน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา หากปัญหาการเมืองในประเทศไม่ยืดเยื้อ ทั้งคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตโดยรวมของเครือไมเนอร์กรุ๊ปจะอยู่ที่ 7-10% ซึ่งมีทั้งธุรกิจอาหาร แฟชั่น และอสังหาริมทรัพย์

โดยเฉพาะธุรกิจอาหารนั้นถือว่าในปีที่ผ่านมาเป็นปีทองของบริษัท ที่มีอัตราการเติบโตและผลกำไรดีมาก ๆ ประมาณ 10% ทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2552 ตัวเลขน่าพอใจ และเป็นฐานรายได้หลักของกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่เร็วและดีต่อเนื่อง

เป็นไปได้ว่าภายในปี 2553 ไมเนอร์จะเปิดฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ใหม่ ไม่ใช่แบรนด์ โลคอลแต่จะเป็นแบรนด์อินเตอร์ฯ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของตลาดคนรุ่นใหม่และพฤติกรรมของคนเมืองที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจน

"ตอนนี้เราพยายามอยู่ และคงไม่สามารถบอกได้ว่าแบรนด์ที่จะนำเข้ามาชื่ออะไร แต่ธุรกิจอาหารในเมืองไทยมีหลายอย่างที่น่าเรียนรู้" นายไฮเนกี้กล่าว

เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งปีนี้ กลุ่มไมเนอร์มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ใหม่เข้ามาเสริมจาก 2 ธุรกิจหลักข้างต้น โดยจะเปิดโครงการใหม่มูลค่า 5,000 ล้านบาท ในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งมีทั้งโรงแรมและอาคารชุดในโครงการเดียวกัน ภายใต้ชื่อโครงการว่า "เซนต์ รีจิส โฮเท็ล แอนด์ เรสซิเด้นเซส กรุงเทพฯ" พัฒนาโดยบริษัท ราชดำริ เรสซิเด้นส์ ในเครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ

โครงการใหม่ของไมเนอร์จัดว่าเป็นโครงการที่หรูเริ่ด ประกอบด้วยห้องพักโรงแรมสุดหรู 227 ห้อง และอาคารชุดพักอาศัยอีก 53 ยูนิต แต่ละยูนิตจะเน้นพื้นที่ใช้สอยมากขนาด 3-4 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 320 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่มีความแตกต่างจากตลาดคู่แข่ง

นางแคโรไลน์ เมอร์ฟี่ รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มไมเนอร์ กล่าวเสริมว่า ห้องชุดของเซนต์ รีจิสฯ ถือว่าเป็นไพรมแอเรียแปลงสุดท้ายที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ เพราะมองเห็นวิวสนามกอล์ฟ 18 หลุม และสนามม้าราชดำริ รวมทั้งทิวทัศน์สวนลุมพินี ซึ่ง การันตีได้ว่าไม่มีโครงการไหนที่จะมีทัศนียภาพดีกว่าเราอีกแล้ว

"ที่สำคัญโครงการเรายังเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริด้วย จากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของการลงทุน ทำให้บริษัทเชื่อมั่นในตลาดระดับบนที่มีความต้องการสินค้าเฉพาะแบบนี้"

ล่าสุดทางโครงการได้เปิดรับจองห้องชุดแล้ว ซึ่งห้องตัวอย่างจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยห้องชุดหรูจะมีขนาด 320 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้อง 3-4 ห้องนอน ตั้งราคาขายไว้ที่ 62 ล้านบาท จนถึงขนาด 920 ตารางเมตร สำหรับ เพนต์เฮาส์แบบ 2 ชั้น โดยตั้งราคาไว้สูงถึง 193 ล้าน หรือประมาณ 200 ล้านบาทต่อยูนิต

ถามว่าราคาต่อตารางเมตรในห้องชุดของกลุ่มไมเนอร์ถือว่าแพงที่สุดในประเทศไทยหรือไม่ นางแคโรไลน์กล่าวตอบว่า "ไม่ใช่ ของไมเนอร์ราคาขายต่อตารางเมตรเฉลี่ยอยู่ที่ 1.86-2.2 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่ที่แพงที่สุดคงเป็นโครงการ สุโขทัย เรสซิเด้นซ์ ที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 แสนบาทต่อตารางเมตร"

"เซนต์ รีจิส โฮเท็ล แอนด์ เรสซิเด้นเซส กรุงเทพฯ" เป็นโครงการใหม่ที่กำลังเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนราชดำริ ติดกับโรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ ของเครือไมเนอร์ โดยเช่าที่ดินมาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ระยะเวลา 30 ปี และต่อสัญญาอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 30 ปี รวมเป็นการเช่าระยะยาวถึง 90 ปี ดังนั้นคอนโดมิเนียม 53 ยูนิตในโครงการนี้จึงเป็นเช่าซื้อระยะยาวไม่ใช่ขายขาด

"ปีนี้บริษัทจะทุ่มงบฯทางการตลาดกับธุรกิจอสังหาฯประมาณ 54 ล้านบาท เพื่อเปิดขายโครงการให้หมดโดยเร็ว และเพิ่มมูลค่าให้กับตัวโรงแรมแบรนด์เซนต์ รีจิส โฮเท็ลฯด้วย ทั้งนี้เราได้จัดพิธีฉลองงานโครงการหลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา บนยอดตึกชั้นที่ 47" นายไฮเนกี้กล่าวเสริม

http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0105140153&sectionid=0201&day=2010-01-14

	ผู้เขียน	หัวข้อ: * หุ้ น 2 5 5 7 * (อ่าน 981352 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้