เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 29, 2024, 07:42:53 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 633 634 635 [636] 637 638 639 ... 1105
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** หุ้ น 2 5 5 7 ***  (อ่าน 988354 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 15 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9525 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2011, 05:05:43 PM »

วันนี้ Set ปิดที่ 957.56 ครับ... ยืนพ้น 950 ด้วย Vol พอสมควร, โดยมี"พวกเล่นกราฟ"ไล่ราคาช่วงท้ายตลาดฯ...

หากวันพรุ่งนี้มีคนไล่ราคา ก็สามารถไปต่อได้ครับ... นายสมชายเข้า Bay ...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9526 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2011, 06:10:20 PM »

รถไฟเหาะจริงๆ ทุบแล้วช้อนกลับ เม่างง....  บู่

ณ วันที่ 03 พ.ย. 2554 หน่วย: ล้านบาท
   
 นักลงทุน ซื้อ ขาย สุทธิ 
 
 สถาบัน 873.03  1,403.89  -530.85   
 
 บัญชีบล. 4,598.73  4,898.89  -300.16   
 
 ต่างประเทศ 4,234.45  4,880.66  -646.22   
 
 ในประเทศ 12,268.31  10,791.08  1,477.23   
 
 มูลค่าการซื้อขายรวม 21,974.52 ล้านบาท

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9527 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 12:37:34 PM »

วันนี้จวนปิดครึ่งเช้าแล้ว Set บวกไม่มาก แค่ 8 จุดกว่า... ตลาดอืดๆ แต่กราฟพลิกนะครับ...
เหตุผลตามกราฟล้วนๆไม่เกี่ยวข่าวอะไรสักอย่าง บอกว่าวันนี้หากปิดเขียวไม่ลงมาปิดแก๊ปที่เปิดกระโดดตั้งแต่เช้า... นี่คือสัญญาณซื้อครับ...

เหตุผลตามตำรากราฟคือที่ขอบ Gap วันนี้คือแนวรับครับ... จะเป็นแนวรับได้ จะต้องปิดเย็นนี้แล้วทิ้ง Gap เอาไว้ให้เป็นแนวรับของวันต่อๆไปครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 04, 2011, 02:11:57 PM โดย นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9528 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 12:41:02 PM »

 ไหว้ขอบคุณครับพี่สมชาย


ปล.น้าแอ็ดผมสังหรแล้ว ว่าจะไป135 แต่ขายไปวันก่อน เอาชัวร์ดีกว่า เสียดายนิดหน่อยครับ  Grin
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9529 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 02:11:13 PM »

ไหว้ขอบคุณครับพี่สมชาย


ปล.น้าแอ็ดผมสังหรแล้ว ว่าจะไป135 แต่ขายไปวันก่อน เอาชัวร์ดีกว่า เสียดายนิดหน่อยครับ  Grin

เดี๋ยวก็เห็นตัวใหม่ครับ, ช่วงนี้หุ้นเป็นขาขึ้นครับ Set มีแนวคลองให้เล่นคือ 960 - 972 มันก็มีโอกาสใหม่ครับ... ลองดู Tcap กับ asp ครับ...
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9530 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 03:34:15 PM »

วันนี้จวนปิดครึ่งเช้าแล้ว Set บวกไม่มาก แค่ 8 จุดกว่า... ตลาดอืดๆ แต่กราฟพลิกนะครับ...
เหตุผลตามกราฟล้วนๆไม่เกี่ยวข่าวอะไรสักอย่าง บอกว่าวันนี้หากปิดเขียวไม่ลงมาปิดแก๊ปที่เปิดกระโดดตั้งแต่เช้า... นี่คือสัญญาณซื้อครับ...

วอลุ่มมันสนับสนุนหรือครับพี่สมชาย Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9531 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 03:42:31 PM »

วันนี้จวนปิดครึ่งเช้าแล้ว Set บวกไม่มาก แค่ 8 จุดกว่า... ตลาดอืดๆ แต่กราฟพลิกนะครับ...
เหตุผลตามกราฟล้วนๆไม่เกี่ยวข่าวอะไรสักอย่าง บอกว่าวันนี้หากปิดเขียวไม่ลงมาปิดแก๊ปที่เปิดกระโดดตั้งแต่เช้า... นี่คือสัญญาณซื้อครับ...

วอลุ่มมันสนับสนุนหรือครับพี่สมชาย Grin Grin Grin

Vol มันจวนใด้แล้วครับ... คือ Vol ต้องมากกว่าเมื่อวานพร้อมกับบวกด้วย, คือคุณลักษณะของขาขึ้น ต้องขึ้นพร้อม Vol เพิ่มครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9532 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 03:45:51 PM »

ส่วนหุ้นรายตัว บางทีก็ไม่แน่... บางทีราคาขึ้นแต่ Vol หาย, เขาบอกว่ารายใหญ่อมหุ้นครับ(ดังนั้นดูทะลุแนวต้านซื้อ/หลุดแนวรับขาย จะชัวร์กว่า)...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9533 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 04:23:12 PM »

ไอ้ที่กลัวคือ Set มันห้อยหางลงมาปิด Gap ... มันปิดไปแล้วครับ, ดังนั้นไม่ใช่แนวรับเสียแล้ว... เฮ้อ...

เหลือแค่ปิดเขียว+Vol มากกว่าเมื่อวาน... ก็คือยังอยู่ในขาขึ้น แต่ฐานแน่นสู้เกิด Gap ไม่ได้ครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9534 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 04:50:07 PM »

ปิดแดงอีกต่างหาก... โหย...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9535 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2011, 11:21:37 AM »

ฮับชิ้นส่วนไทยสะเทือนหนัก! "โตโยต้า-ฮอนด้า"ระงับผลิต ฟาก "ฮาร์ดดิสก์" ขาดยาว โน้ตบุ๊กจ่อปรับราคา
Share 


 
โลกปั่นป่วนครั้งใหญ่ อุตสาหกรรมไฟฟ้า-รถยนต์-คอมพิวเตอร์สะดุด "ไทยแลนด์ฮับชิ้นส่วน" สำลักน้ำ โตโยต้า-ฮอนด้า สั่งระงับการผลิตหลายโรงงาน "ฮาร์ดดิสก์" ขาดยาว ผู้ค้าส่งสัญญาณกลางเดือน ธ.ค.นี้ ปรับราคาโน้ตบุกทุกรุ่น


ประเทศไทยกำลังเผชิญน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปี ความเสียหายจากน้ำท่วมถูกประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 1 แสนล้านบาท และวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ทำให้บริษัทญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยได้รับความเสียหายมาก การที่นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี จมน้ำ และมีแนวโน้มอีก 2 นิคมใน กทม. ส่งผลกระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นราว 320 แห่ง และทั่วโลกอีกหลายร้อยบริษัท เพราะไม่มี ชิ้นส่วนอะไหล่ไปผลิต กำลังกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนนักวิชาการบางคนมองว่า "น้ำท่วมประเทศไทยสะเทือนกันทั้งโลก"

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลกระทบน้ำท่วมในประเทศไทยได้ลุกลามไปทั่วโลก ผลพวงจากประเทศไทย ถือเป็น "ฮับด้านชิ้นส่วน" ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โรงงานขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเทียร์ 2-เทียร์ 3 ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก กว่าจะฟื้นตัวคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่

สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ถึง ตอนนี้ผ่านไปกว่า 3 สัปดาห์แล้ว ถ้าจะประเมินความเสียหายน่าจะถึง 7 หมื่นล้าน คำนวณจากประเทศไทยผลิตรถยนต์ต่อเดือนประมาณ 1.50 แสนคัน ผลกระทบครั้งนี้ทำให้รถยนต์หลายยี่ห้อผลิตไม่ได้เลย คาดว่าน่าจะหายไปประมาณ 3/4 ของตลาด ดังนั้นต่อเดือนรถยนต์ที่หายไปประมาณ 1.125 แสนคัน เฉลี่ยรถยนต์หนึ่งคันราคา 6 แสนบาท ยิ่งผลกระทบนี้ทอดเวลานานออกไปมากเท่าไหร่ ความเสียหายก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ ส่วนตลาดส่งออกเราผลิตป้อนตลาดประมาณ 1 ล้านคัน ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมครั้งนี้ไปด้วย

นายฮิโรทากะ มุราคามิ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มบริษัท พานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวถึง ภาพรวมของผลกระทบที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมโรงงานต่าง ๆ ของกลุ่มอุตสาห กรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ว่า ปัจจุบันพานาโซนิคมีโรงงานในเมืองไทย 12 โรงงาน ในจำนวนนี้ถูกน้ำท่วม 3 โรงงาน (นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ 2 โรง และนวนคร 1 โรง) เป็นโรงงานผลิตโคมไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กที่ใช้ในบ้าน อุปกรณ์ประเภทสวิตช์ ปลั๊กไฟ และ ชิ้นส่วน (พาร์ต) รถยนต์ นอกจากจะทำให้โรงงานของพานาโซนิคที่เหลืออยู่อีก 9 แห่งไม่สามารถผลิตได้อย่างเต็มที่แล้ว บางแห่งก็ต้องชะลอการผลิตออกไปก่อนเนื่องจากไม่มีพาร์ต เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ทีวี อย่างไรก็ตามในแง่ของสต๊อกสินค้าในประเทศสำหรับของพานาโซนิคโดยรวมน่าจะอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน

พร้อมกันนี้ ซีอีโอพานาโซนิคยังแสดงทรรศนะด้วยว่า ขณะนี้แม้ว่าโรงงานของหลาย ๆ ค่ายอาจจะยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ที่สหรัฐก็ผลิตรถยนต์ไม่ได้เพราะพาร์ตที่จะไปจากเมืองไทยไม่มี ตอนนี้มีผลกระทบไปทั่วโลก

"เนื่องจากผู้ประกอบการแทบทุกค่ายใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออก ดังนั้นก็น่าจะกระทบกับทุกบริษัท โดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโตชิบา ฮิตาชิ มิตซูบิชิ โซนี่ ไพโอเนียร์ แคนนอน ฯลฯ ทุกคนน่าจะประสบปัญหาเดียวกันหมด และตอนนี้ซัพพลายเชนของทุกคนขาด น่าจะประสบปัญหา เหมือน ๆ กันทุกราย แม้แต่ค่ายเกาหลี ซัมซุง-เกาหลีเขาก็ซื้อพาร์ตจากบริษัทญี่ปุ่น ดังนั้นก็น่าจะมีปัญหาไม่ต่างกัน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ต้องประสบกับปัญหาชิ้นส่วนขาดเนื่องจากโรงงานที่ผลิตถูกน้ำท่วม สินค้าในกลุ่มกล้องถ่ายรูปของหลาย ๆ ค่ายก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของค่ายโซนี่ ที่เพิ่งย้ายฐานการผลิตกล้องดีเอสแอลอาร์มาไว้ที่นิคมไฮเทค (บางหว้า) ซึ่งเป็นฐานการผลิตใหญ่ ต้องย้ายไลน์การผลิตไปที่โรงงานที่ชลบุรีชั่วคราว และต้องเลื่อนการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ออกไปก่อน รวมทั้งแคนนอน ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 3 ฐานการผลิตใหญ่ของโลกที่เน้นการผลิตกล้องดีเอสแอลอาร์ ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ที่จีนและญี่ปุ่น

ส่วนผลกระทบด้านอุตสาหกรรม ยานยนต์ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า จะระงับการผลิตรถยนต์ในโรงงาน 4 แห่ง ที่รัฐอินเดียนาและเคนทักกีของสหรัฐ รวมทั้งที่มณฑล ออนตาริโอในแคนาดา และโรงงานผลิตเครื่องยนต์ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ของสหรัฐ จากปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์อันเนื่องมาจากน้ำท่วมในไทย โดยจะต้องจับตาดูสถานการณ์น้ำท่วมในไทยอย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งที่ทางบริษัทเป็นกังวลก็คือปัญหาการขาดแคลน ชิ้นส่วนรถยนต์มากถึงราว 100 รายการ ที่มีการผลิตอยู่ในประเทศไทย

เช่นเดียวกับบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ของฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เปิดเผยผลกระทบจากอุทกภัยในประเทศไทยที่มีต่อธุรกิจของฮอนด้าวˆาปัญหาน้ำท่วม ไม่สามารถจัดส่งชิ้นส่วนเพื่อการผลิตให้ได้ ซึ่งในส่วนของรถจักรยานยนต์ได้หยุดผลิตตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม ส่วนของเครื่องยนต์อเนก ประสงค์หยุดผลิตไปตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะหยุดการผลิตไปจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554

โรงงานผลิตของฮอนด้าบางแห่งในภูมิภาคเอเชียได้มีการปรับจำนวนการผลิต หรือหยุดดำเนินการผลิตไปแล้ว เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนจากประเทศไทย ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจของฮอนด้าในภูมิภาคอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งแต่ละบริษัทกำลังประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศส่งผลกระทบต่อยอดการผลิตรถยนต์ในช่วงที่เหลือ 3 เดือนของปีนี้ น่าจะหายไป 150,000 คัน

"ส.อ.ท.ปรับลดลง เป้าหมายปีนี้ 1,800,000 คัน ลดลงเหลือ 1,700,000 คัน"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาย เจ.ที. หวัง ประธานเอเซอร์ อิงก์ ประเทศไต้หวัน กล่าวว่า บริษัทมีแผน จะขึ้นราคาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นผลจากปัญหา HDD ขาดตลาดเพราะวิกฤต น้ำท่วมโรงงานใหญ่ในไทย จนทำให้ราคา HDD สูงขึ้นราว 5-20% โดยราคาใหม่จะเปลี่ยนแปลงในระดับร้อยดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่าจะปรับราคาขึ้นหรือลงมากน้อย เพียงใด

รวมทั้งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เอซุสเทค, ควอนต้า และคอมปาล อิเล็คทรอนิกส์ ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ยอดการผลิตโน้ตบุ๊กในไตรมาสที่ 4 อาจลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและปัญหาฐานการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย

โดยเอซุสเทค จากประเทศไต้หวัน คาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 อาจลดลง 5-10% จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทำให้บริษัทอาจต้องขึ้นราคาโน้ตบุ๊ก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น คาดว่าในไตรมาส 1 ปีหน้า โน้ตบุ๊กหลายรุ่นอาจต้องปรับราคาขึ้น โดยนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่จะออกมาในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ คงจะต้องปรับราคาขึ้นทุกรุ่นเฉลี่ยไม่เกิน 1,000 บาท เพราะตอนนี้ฮาร์ดดิสก์ขึ้นราคาหมด เฉพาะตัวฮาร์ดดิสก์ราคาขึ้นประมาณ 30-40%

โดยก่อนหน้านี้บริษัทวิจัยตลาดไอเอชเอส ไอซัพพลาย ออกมาเตือนว่า กำลังการผลิตฮาร์ดดิสก์ในตลาดโลกในไตรมาส 4 จะหายไปประมาณ 30% ของตัวเลขการผลิตเฉลี่ย 120 ล้านชิ้น ที่ผลิตได้จากประเทศไทย เพราะปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย ซึ่งจะกระทบต่อโครงสร้างราคาคอมพิวเตอร์พีซีทั้งระบบ รวมทั้ง "ทิม คุก" ซีอีโอแอปเปิล ก็ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับซัพพลายฮาร์ดดิสก์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจากปัญหาน้ำท่วมในไทย

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1320459870&grpid=00&catid=no
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9536 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2011, 08:41:59 PM »

พิษน้ำท่วม อ่วมน้ำลาย : ไ ท ย ... ตกชั้น A S E A N      

Post Today   :  ไทย ตกชั้น... ASEAN ไล่หลังเพื่อนบ้านพิษการเมืองแย่ น้ำท่วมถล่มซ้ำ

ขณะที่หลายฝ่ายกำลังวิตกว่าวิกฤตการณ์น้ำท่วมไทยครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนต่างชาติอย่างหนัก

ขณะที่หลายฝ่ายกำลังวิตกว่าวิกฤตการณ์น้ำท่วมไทยครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนต่างชาติ... อย่างหนัก หลายฝ่ายอาจยังนึกไม่ถึงหรือไม่กล้าวิเคราะห์ลงไปให้ลึกกว่านั้นว่า แท้จริงแล้วอุทกภัยครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 50ปีครั้งนี้ อาจสร้างความเสียหายต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของไทยรุนแรงกว่า... ที่คาดการณ์กันไว้มากนัก

โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบดูกับตัวเลขย้อนหลังในรอบ 10 ปีมานี้ และพบว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างน่าผิดหวัง จนอาจเรียกได้ว่าเป็นช่วง “ทศวรรษที่หายไป” หรือ “The Lost Decade” ของไทย ซึ่งทำให้ไทยแลนด์ที่เคยมีเศรษฐกิจโชติช่วงในกลุ่มประเทศอาเซียนเตลอด 20 ปีก่อนหน้านี้ กลับถูกเพื่อนบ้านแซงหน้ากันอย่างก้าวกระโดด

และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทวีความเสียหายรุนแรงขึ้นจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ก็อาจเป็นตัวเร่งฉุดให้ประเทศไทยยิ่งรั้งท้าย...

จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้รวดเร็วที่สุดประเทศหนึ่งของโลกในช่วงทศวรรษที่80 & 90 ประเทศไทยกลับต้องพบกับอันดับและดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายด้านที่ตามหลังประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วยกัน ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะขยายตัวขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่การเติบโตอย่างน่าจับตาเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน อาทิ จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งรายหลังกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้

นับตั้งแต่ปี 2543 มาจนถึงวิกฤตการณ์ภาคการเงินโลกในปี 2550 ประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5.1% โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในฝั่งเอเชียตะวันออกโดยรวม ที่ขยายตัวได้ 7.8% และแม้จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งเอาเมื่อปี 2553 แต่ระหว่างปี 2551-2552 เศรษฐกิจไทยก็ได้รับความเสียหายหนักกว่าเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศในAsia

จุดหนึ่งที่ไทยกำลังตามหลังอย่างเห็นได้ชัด คือ การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ใหม่ๆ ที่แพ้ให้กับเวียดนาม & อินโดนีเซีย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทั้งที่เคยเป็นผู้นำมาตลอด โดยมีตัวเลขการลงทุน_FDI เฉลี่ยที่ระหว่าง 3,000-6,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี & เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ไทยสามารถดึงดูดFDI ได้เพียง 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียที่ 1.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

วอลสตรีต เจอร์นัล รายงานโดยอ้างความเห็นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ว่า สาเหตุที่ทำให้อดีตดาวรุ่งอย่างไทยต้องกลายเป็น... ดาวตก เป็นเพราะการประสบกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่หลายครั้ง ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่บั่นทอนเสถียรภาพของประเทศ

จากสึนามิครั้งใหญ่ถล่มหลายจังหวัดในภาคใต้เมื่อปี 47 ไปสู่รัฐประหารในปี 49 จากนั้นต่อเนื่องกับคลื่นการประท้วงทางการเมืองที่นำไปสู่การบุกยึดสนามบินในปี 51 จนมาถึงการชุมนุมเผาเมืองในปี 53 ซึ่งจบลงอย่างนองเลือด 90ศพ

ทั้งหมดนี้ กำลังถูกซ้ำเติมต่อด้วยวิกฤตการณ์น้ำท่วมล่าสุด ที่เขย่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและอาจเบี่ยงเบนรัฐบาลไทยให้เขวไปจากแผนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ จากต่างชาติ

ปัจจุบันนักลงทุนรายใหญ่ๆ ในไทย อาทิ Ford Motors ยังคงเลือกที่จะปักหลักหรือกระทั่งขยายการลงทุนในอยู่ไทย แต่สิ่งที่ประเทศไทยยังไม่สามารถทำให้สำเร็จก็คือ การดึงดูดบรรดานักลงทุนหน้าใหม่ในเวลานี้ ที่เต็มไปด้วยประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ที่น่าสนใจ

“นักลงทุนที่มีฐานในไทยอยู่แล้วมีแนวโน้มที่จะลงทุนเพิ่ม เพราะรู้จักและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแล้ว แต่ในกรณีที่จะขนเงินทุนใหม่มาลงทุนใหม่ๆ ในไทยนั้น ณ เวลานี้ หลายบริษัทคงจะไม่ได้มองประเทศไทย” เฟรเดอริก นิวแมน นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารHSBC สาขาฮ่องกง กล่าวกับวอลสตรีต เจอร์นัล

นิวแมน ยังให้รายละเอียดภาพของทศวรรษที่หายไปในช่วง 10ปีที่ผ่านมาของไทยด้วยว่า ในขณะที่ไทยมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงเล็กน้อยตลอด10ปีมานี้ ค่าจ้างในอินโดนีเซีย เวียดนาม หรือจีน กลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภาพที่สวนทางกันหากย้อนไปเมื่อ 10-15ปีก่อนหน้า อาทิ ค่าจ้างโดยเฉลี่ยต่อเดือนในภาคการผลิตของจีนที่ 400 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไทยที่ 250 เหรียญสหรัฐ

เป็นการให้รายละเอียดที่บ่งชี้ว่า แม้จะถูกกว่าแต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ให้เข้ามาได้

และอุทกภัยในวันนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 400คน ก็อาจยิ่งฉุดให้สถานการณ์เลวร้ายลง เมื่อบรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เบื้องต้นว่า มูลค่าความเสียหายทั้งหมดอาจพุ่งสูงถึง 3แสนล้านบ. ขณะที่ธปท. เพิ่งลดคาดการณ์GDPปี 54 ลงมาอยู่ที่ 2.6% จากเดิมที่ 4.1% ซึ่งน้อยลงเท่าตัวจากคาดการณ์GDP โดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 5.4% & จีนที่ 9%

ด้าน ทิม คอนดอน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารING ในสิงคโปร์ มองว่า ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ขึ้นในเมืองไทย กลุ่มคนชั้นกลางที่อยู่ชายขอบก็จะตกลงไปสู่ความยากจนอีกครั้ง & หากเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาก่อนยุควิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540-41 ที่GDPขยายตัวได้เฉลี่ย 7% คนจำนวนมากที่หล่นจากระดับชนชั้นกลางไปแล้ว ก็จะไม่สามารถไต่กลับขึ้นมาได้อีก *

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในภาพรวมก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นไต่ลงเหว อัตราการว่างงานยังนับว่าต่ำมากที่ระดับ 1% & รัฐบาลก็ยังมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อยู่

นักเศรษฐศาสตร์ของHSBC มองว่า ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ความพยายามจัดการกับภาวะน้ำท่วมในขณะนี้ของไทย เป็นเหมือนกับจุดเปลี่ยนชี้ชะตาอนาคตประเทศ

“หากไทยมีการรับมือที่เด็ดขาด แก้ปัญหาได้ตรงจุด ฟื้นฟูความเสียหายบนท้องถนน และหันมาลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก วิกฤตก็อาจกลายเป็นโอกาสในการปฏิรูป & ช่วยให้ดึงดูต่อการลงทุนใหม่ๆ” นิวแมน กล่าว

ทว่า หากไร้ซึ่งแผนการรับมือกับวิกฤตการณ์ เงินทุนเริ่มไหลออกตามช่องทางต่างๆ & รัฐบาลมัวแต่มุ่งกับนโยบายเฉพาะหน้าแล้ว ปัญหาน้ำท่วมก็จะกลายเป็นวิกฤตการณ์ที่ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของบรรดานักลงทุนต่างชาติที่ว่า ไทยแลนด์ อาจจะไม่ใช่ประเทศที่เป็นมิตรต่อการลงทุน... อีกต่อไป
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9537 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2011, 11:03:15 AM »

อย่างที่เขาว่า ไม่นานโดย เขมร เวียดนามแซงหมดแล้ว
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9538 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2011, 11:21:59 AM »

อย่างที่เขาว่า ไม่นานโดย เขมร เวียดนามแซงหมดแล้ว

นับวันยิ่งมืดมนครับพี่คาฯ โดยเฉพาะปัญหาความแตกแยก ขาดความสามัคคีในชาติ  ไหว้

2558เปิดเสรีอาเซียนแล้ว ไทยจะเป็นไงหน๋อ..จะสู้เขาไหวมั้ย ดูมาเลฯ,สิงค์โปร,อินโดฯ,เวียดนาม ไม่ธรรมดาทั้งนั้น  อ๋อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 07, 2011, 11:35:12 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9539 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2011, 11:33:52 AM »

อย่างที่เขาว่า ไม่นานโดย เขมร เวียดนามแซงหมดแล้ว

นับวันยิ่งมืดมนครับพี่คาฯ โดยเฉพาะปัญหาความแตกแยก ขาดความสามัคคีในชาติ  ไหว้

2555เปิดเสรีอาเซียนแล้ว ไทยจะเป็นไงหน๋อ..จะสู้เขาไหวมั้ย ดูมาเลฯ,สิงค์โปร,อินโดฯ,เวียดนาม ไม่ธรรมดาทั้งนั้น  อ๋อย

หนักใจจริงครับ...

ปัญหาคือคนไทย"ส่วนใหญ่"สติปัญญาด้อยกว่าเมื่อก่อนครับ... เฉพาะนายตัวสมชายเองเชื่อว่าเกิดจากระบบการศึกษาเมื่อช่วง 20 กว่าปีที่แล้วครับ แต่มาส่งผลเอาเมื่อคนกลุ่มนี้เริ่มเข้ามารับผิดชอบอนาคตประเทศในช่วงนี้...

คือช่วงก่อนหน้านี้เขาถือหลักว่าให้ศึกษาของเก่าๆก่อน เมื่อรู้ถ่องแท้แล้วค่อยปรับใช้+ดัดแปลงให้ดีขึ้น อย่างนี้เรียกว่าวิวัฒนาการ วิธีการบังคับให้ศึกษาของเก่าส่วนหนึ่งคือให้ท่องสูตร สูตรทั้งหลายแหล่ แล้วจึงศึกษาที่มาที่ไป จากนั้นจึง"ต่อยอด"... แต่ของใหม่เขาไม่ให้ติดกับของเก่าโดยบอกว่าท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ให้"กล้าคิดใหม่ กล้าทำใหม่" ซึ่งถ้ารู้ของเดิมแล้วมันก็ดี, บังเอิญพวกกล้าคิดกล้าทำ ดั๊นน ไม่เคยรู้ของเดิมมาก่อนครับ...

เมื่อไม่รู้ของเดิม ก็เลยกลายเป็นต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่... เริ่มตกหลุมตกท่อเดิมๆ ที่คนรุ่นก่อนเคยตกกันมาแล้ว และหาทางป้องกันเอาไว้แล้ว แต่คนรุ่นใหม่มาตกใหม่ แข้งขาถลอกกันใหม่...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 633 634 635 [636] 637 638 639 ... 1105
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 22 คำสั่ง