เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 29, 2024, 12:47:58 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 641 642 643 [644] 645 646 647 ... 1105
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** หุ้ น 2 5 5 7 ***  (อ่าน 988120 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9645 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 11:13:14 AM »

ลาละครับตลาดหลอกทรัพย์ ถอนเงินแล้ว เอามาดมเล่น สรุปก็กำไรนิดหน่อย นับเวลาที่เล่นจริงปีนี้ก็ไม่กี่เดือนครับ ส่วนมากไม่ค่อยได้เล่น ไม่ได้ถือยาว(ตามเคย) ทั้งที่อยากหัดถือยาวบ้าง คงต้องฝึกฝนกันต่อไป เอาไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ ค่อยหาจังหวะเข้ามาใหม่ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9646 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 01:37:19 PM »

แฮ่ๆ....ใครลุกคนสุดท้ายจ่ายตังค์  Cheesy


คำนี้มีความหมาย Grin Grin Grin ใกล้สิ้นปีอีกไม่กี่วัน ตลาด US มีข่าวดี กรีซ ก็มีีข่าวหน่อย วิ่งกันจ้าละหวั่น

แต่ฝรั่งขายต่อเนื่อง
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9647 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 01:37:58 PM »

ลาละครับตลาดหลอกทรัพย์ ถอนเงินแล้ว เอามาดมเล่น สรุปก็กำไรนิดหน่อย นับเวลาที่เล่นจริงปีนี้ก็ไม่กี่เดือนครับ ส่วนมากไม่ค่อยได้เล่น ไม่ได้ถือยาว(ตามเคย) ทั้งที่อยากหัดถือยาวบ้าง คงต้องฝึกฝนกันต่อไป เอาไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ ค่อยหาจังหวะเข้ามาใหม่ครับ  ไหว้

ว่างค่อยเล่นได้ครับดี Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9648 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 10:49:52 AM »

ถอนเงินเดี๋ยวนี้เร็วจังเลย สมัยก่อน3วันทำการ นี่ถอนเมื่อวาน เข้าตอนเช้านี้เลยครับ  เยี่ยม

ว่าจะถอนไปเข้าKbankด้วย SCBด้วย โบรคฯโทรบอกว่าถ้าเข้าKbankมีค่าทำเนียมหลักพันเลย เข้าscbไม่คิด อืมม...งั้นเข้าscbที่เดียวก็ได้ครับ

แปลกดี ทำไมสองแบงค์ไม่เหมือนกัน ผมใช้KTZMICOครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9649 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 10:50:49 AM »

Set จะดีมากหากทะลุ 1037 จะมีช่วงให้เล่นจนกว่ากระทบ 1051 ครับ...

หุ้นรายตัวก็มี Jas ตามน้ำเมื่อ New High... เล่นเด้งมีหลายตัวเช่น lanna solar ps ครับ...

วันนี้หาจังหวะทิ้ง Jas ได้แล้วครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9650 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 11:05:47 AM »

ทิ้ง Ps ด้วยครับ...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9651 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 11:07:45 AM »

ตั้งแต่เสียศูนย์1-2เดือนกะเซียนในพันทิพ(ตอนนี้หายตัวไปหมดแล้ว) เล่นเอาไปไม่ถูกเลยครับ

อย่าคิดว่าแค่เวปบอร์ดจะไม่มีผลทางจิตวิทยานะครับ เล่นกะทู้แนะนำติดต่อกันหลายสัปดาห์ คนเชื่อเพียบ ขาลงโง้นงี้ บลาๆๆๆ

ไม่รู้ประกอบกับน้ำท่วมด้วยหรือเปล่า ทำเอาบรรยากาศดูซึมๆไป วอลุ่มก็หดๆ

ขอพักก่อนดีกว่า ไว้panic sellเยอะๆค่อยเข้ามาใหม่ครับ Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2011, 11:10:53 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9652 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 01:58:00 PM »

ปิดกลางวัน - 6.22 จุด Set อยู่ 1037.53 วอลุ่มตลาดแค่ 8400 ล้าน  Grin Grin Grin  แนวรับแนวต้านช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างครับพี่สมชาย เมื่อวานฝรั่งซื้อ(มั้ง จำไม่ได้)
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9653 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 02:38:18 PM »

Set มีแนวรับแนวต้าน 3 เส้นครับ... 1030, 1041, และ 1051...

เมื่อเช้านี้มันหลุด 1041 ครับ มีโอกาสสูงที่จะไหลลงไปที่ 1030 แล้วถ้าเด้งตรงนั้นก็เล่นช่วง 1030 - 1041 ครับ... โดยเมื่อวานนี้มันเปิดกระโดดข้าม 1041 ขึ้นมาแล้วปิดต่ำ(แต่ไม่หลุด 1041) ซึ่งเปิดสูงปิดต่ำแปลว่าระวัง...

มาวันนี้มันหลุด 1041 ก็เลยขายพวกที่ขึ้นลงตาม Set ครับ...
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9654 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2011, 05:52:21 PM »

ปิด 1042 Grin Grin Grin 18000 ล้าน

ใกล้ปีใหม่แล้ว
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9655 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 11:36:20 PM »

วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับลูกชายผู้กลายเป็น "ชาวนา"     

โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
www.ClubVI.com

เมื่อวันก่อน “60 Minutes” รายการโทรทัศน์ชื่อดังระดับตำนานทางสถานี CBS ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตของ “โฮเวิร์ด บัฟเฟตต์” ลูกชายคนกลางของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งมีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย

โฮเวิร์ด (ที่จริงแล้ว พ่อของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ชื่อ “โฮเวิร์ด” เช่นกัน โดยวอร์เรนได้เอาชื่อของพ่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อลูก) ในวัย 57 ปี เป็นลูกคนที่สองของวอร์เรน ต่อจาก ซูซาน บัฟเฟตต์ พี่สาวของเขา และมีน้องชายหนึ่งคน คือ ปีเตอร์ บัฟเฟตต์

“โฮวี่” มีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากวอร์เรนผู้พ่อ โดยสิ้นเชิง เขาใช้ชีวิตในฐานะ “ชาวไร่” ทำไร่ข้าวโพดและถั่วเหลือง ต่างจากวอร์เรน พ่อของเขา ซึ่งเป็นนักลงทุนหมายเลขหนึ่งของโลก หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

สิ่งหนึ่งที่โฮเวิร์ดมีเหมือนกับพ่อก็คือ เขาเป็น “นักการกุศล” (Philanthropist) ตัวยงคนหนึ่ง โฮวี่มีมูลนิธิของตัวเอง ซึ่งขับเคลื่อนได้ด้วยเงินทุนจากหุ้นของ เบิร์คชัวร์ ฮาแธเวย์ ที่เขาได้จากบิดา

http://clubvi.files.wordpress.com/2011/ ... 60x345.jpg

มูลนิธิของโฮเวิร์ดใช้เงินราว 50 ล้านเหรียญต่อปี เพื่อช่วยเหลือคนจนในการต่อสู้กับความอดอยากหิวโหย โดยตัวเขาเองได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ เพื่อคลุกคลีกับผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้น

แม้โฮเวิร์ดจะเคยพูดว่า “ไม่ว่าผมจะทำอะไร ก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จเหมือนที่พ่อทำ” แต่ที่จริงแล้ว เขาหมายถึงความสำเร็จในสายตาของคนทั่วไป ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาไม่เก่ง ทว่าเขาเลือกเดินคนละทางกับพ่อ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับบิดา โฮวี่มองว่าเรื่องแบบนี้ ชีวิตใคร ชีวิตมัน

“พ่อเล่นเกมของพ่อ ผมเล่นเกมของผม” เขาบอกอย่างนั้น

เมื่อนักข่าวไปถามวอร์เรน บัฟเฟตต์ว่า คิดยังไงกับวิถีชีวิตของโฮเวิร์ด วอร์เรนบอกว่า ลูกของเขาคนนี้เป็น “ขาลุย” ชอบคลุกโคลน นอนกลางดินกินกลางทราย ทำไร่ไถนา ต่างจากตัวเขาลิบลับ เมื่อพิธีกรยิงมุขว่า ต่างกันคนละโลกขนาดนี้ แน่ใจหรือว่าโฮวี่คือลูกแท้ๆ ของคุณ วอร์เรนหัวเราะลั่น บอกว่า “นั่นสิ สงสัยผมต้องไปเช็คดูใหม่ซะแล้ว”

วิถีชีวิตในวัยหนุ่มของโฮวี่อาจไม่ได้เลิศหรูนัก เขาเรียนไม่เก่ง ดร็อปเรียนจากมหาวิทยาลัยถึงสองแห่ง แต่วอร์เรนผู้พ่อก็ไม่ห่วง เขาบอกว่าตอนนั้นลูกของเขากำลังค้นหาตัวเอง หาว่าตัวเองอยากทำอะไร และอันที่จริง เด็กวัยรุ่นอีกมากมายก็ไม่จบมหาวิทยาลัย ไม่เห็นจะเป็นปัญหา

ทว่าสิ่งหนึ่งที่วอร์เรนเน้นกับลูกชายตลอดก็คือ ต้อง “ทำในสิ่งที่รัก” หาไม่แล้ว ชีวิตจะไม่มีความสุข ทำอะไรก็ไม่ได้ดี

ที่สำคัญคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่อยากให้ลูกมองโลกนี้ด้วยเลนส์ของพวก “ซุปเปอร์ริช” คือมองอะไรแบบ “ลูกเศรษฐี” เขาอยากให้ลูกมีชีวิตแบบ “คนเดินดิน” ซึ่งจะทำให้เข้าใจโลกได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุที่คนในแวดวงการลงทุนอย่างเราๆ ควรรู้จักผู้ชายชื่อ โฮเวิร์ด บัฟเฟตต์ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นลูกชายของสุดยอดนักลงทุนระดับตำนาน แต่เป็นเพราะเขาได้รับมอบหมายให้สืบทอดตำแหน่งประธานของเบิร์คชัวร์ แฮธาเวย์ หลังจากวอร์เรนตาย เนื่องจากปู่บัฟฟ์ต้องการให้โฮวี่รักษาวัฒนธรรมขององค์กรเอาไว้

ที่สำคัญกว่าและยังไม่มีใครให้คำตอบได้แน่ชัดก็คือ ใครจะมาเป็น CEO และทำหน้าที่ “เลือกหุ้น” ให้กับเบิร์คชัวร์ แฮธาเวย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ๆ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทำได้ดีที่สุดในโลก

แม้ วอร์เรน ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะบริจาคทรัพย์สินกว่า 90% ของตัวเองให้การกุศล ซึ่งนั่นหมายความว่าโฮเวิร์ดจะได้รับการผ่องถ่ายความมั่งคั่งจากพ่อเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมดของบิดา แต่บัฟเฟตต์ผู้ลูกก็ไม่ได้ขัดข้องอันใด เพราะแม้จะไม่ได้รับการจัดอันดับเป็นคนรวยอันดับต้นๆ ของโลกเหมือนพ่อ แต่โฮวี่ก็ยัง “รวย” ยังมีเงินไปช่วยคนจนได้อีกมากมาย ซึ่งนั่นก็พอแล้วสำหรับ “เศรษฐีชาวไร่” ผู้นี้

อีกจุดหนึ่งที่ฟังแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ก็คือ แม้วอร์เรนจะบริจาคทรัพย์สินให้มูลนิธิของบิลล์ เกตส์มากมายมหาศาล แต่โฮเวิร์ดกลับบอกว่า

“บิลล์ เกตส์ เป็นคนฉลาดที่สุดในโลก รองจากพ่อของผม”

[เรียบเรียงข้อมูลจากคลิปรายการ 60 Minutes ทางช่อง CBS และข้อมูลจากเว็บไซต์ของ CNBC]

พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ


บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9656 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 11:40:42 PM »

ปิด 1042 Grin Grin Grin 18000 ล้าน

ใกล้ปีใหม่แล้ว

ยิ่งใกล้ปีใหม่ยิ่งซึมนะครับพี่คาฯ ผมว่า ปีก่อนๆก็แบบนี้ พวกต่างชาติหยุดงานไปเที่ยวคริสมาสแล้ว วอลุ่มก็จะหดลงๆ เล่นไปก็ไม่ได้ตังค์ เสียสายตาดูจอ พักก่อนดีกว่า

เปิดต้นปี2555 งบไตรมาส4 ปี2554ออกล่ะสิทีนี้  ข่าวร้ายรออยู่เพียบ รอซื้อของถูกดีก่า  Cheesy
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9657 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 11:48:03 PM »

การจัดกลุ่มหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร      

การเลือกหาหุ้นลงทุนนั้น  วิธีที่ดีมากและได้ผลในทางปฏิบัติแบบหนึ่งก็คือ  การแยกแยะหุ้นออกเป็นกลุ่ม ๆ  ตามแบบของ ปีเตอร์ ลินช์ ซึ่งแยกหุ้นออกเป็น 6 กลุ่มด้วยกัน  แต่ละกลุ่มนั้น  เมื่อกำหนดได้แล้ว  เราก็สามารถตัดสินใจลงทุนได้  นอกจากนั้น  เมื่อลงทุนไปแล้ว  เราก็สามารถกำหนดเวลาหรือผลตอบแทนที่เราจะคาดหวังก่อนที่จะทำการขายหุ้นทิ้งได้  อย่างไรก็ตาม  การพิจารณาว่าหุ้นอยู่ในกลุ่มไหนนั้น  บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  บ่อยครั้งเราอาจจะจัดผิดและทำให้การลงทุนของเราผิดพลาด  มาดูกันว่าหุ้นแต่ละกลุ่มเป็นอย่างไรและโอกาสที่จะผิดพลาดอยู่ตรงไหน
  
กลุ่มแรกคือหุ้นกลุ่มโตช้า   นี่คือหุ้นที่มักอยู่ในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่  ในอดีตอาจจะเคยเป็นอุตสาหกรรมที่โตเร็วมาก่อน  แต่ปัจจุบันกลายเป็นอุตสาหกรรมที่โตช้าและอาจจะเริ่มหดตัวลง  เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอหรือผลิตภัณฑ์การเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร  หุ้นพวกนี้จะเติบโตพอ ๆ  กับการเติบโตของเศรษฐกิจเช่นประมาณปีละไม่เกิน 5%   การพิจารณาว่าหุ้นตัวไหนเป็นกิจการหรือหุ้นที่เติบโตช้านั้นไม่ยากนัก  เพราะยอดขายมักจะเพิ่มขึ้นช้า  กำไรก็อาจจะทรง ๆ  หรือเพิ่มขึ้นไม่มากในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา  บริษัทที่โตช้าหลายบริษัทอาจจะมีฐานะทางการเงินที่ดีไม่มีหนี้สิน  มีกำไรต่อเนื่อง  มีการจ่ายปันผลที่ดี  ค่า PE และ PB อาจจะต่ำมาก เช่น PE 7 เท่าและ PB 0.7 เท่า  ในขณะที่เงินปันผลสูงทีเดียวเช่นอาจจะ 7-8 หรือ 10% ต่อปี    มองในแง่ของ Value Investor แล้ว  หุ้นแบบนี้เข้าข่ายที่จะซื้อลงทุนเพราะมีราคาถูกมาก  อย่างไรก็ตาม  ผมไม่แนะนำให้ซื้อ  เพราะในอนาคต  กำไรอาจจะถดถอยลงและราคาหุ้นก็มักจะไม่ไปไหน  ปันผลที่ได้ก็ไม่คุ้ม  โดยเฉพาะถ้ามันต้องลดลงในอนาคต
  
กลุ่มที่สองคือหุ้นแข็งแกร่ง  นี่คือหุ้นขนาดใหญ่  อยู่มานาน  มีกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ  และมีการเติบโตเหนือกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจบ้างเช่นอาจจะประมาณปีละ 7-10% โดยเฉลี่ย  เป็นกิจการที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักและยอมรับถึงความยิ่งใหญ่ในสายตาของคนทั่วไปมาช้านาน  หุ้นเหล่านี้ก็เช่นหุ้นของธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศ  หุ้นของกิจการพลังงานขนาดใหญ่ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ  หุ้นของกิจการวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น  หุ้นแข็งแกร่งนั้น  จุดเด่นก็คือ  ยอดขายและกำไรมักจะไม่ผันผวนนักและเติบโตไปได้เรื่อย ๆ  อย่างไม่เร็วนัก  และสามารถทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร  ในบางครั้ง  นักลงทุนก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่ากิจการปิโตรเคมีขนาดใหญ่ทุกแห่งนั้นเป็นหุ้นแข็งแกร่ง  แต่จริง ๆ  แล้วมันอาจจะไม่ใช่  เพราะผลประกอบการของกิจการปิโตรเคมีจำนวนมากนั้นขึ้น ๆ  ลง  ๆ  ตามราคาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้มันไม่ใช่หุ้นที่แข็งแกร่งแต่เป็นหุ้นวัฏจักร   ในกรณีที่เรากำหนดได้ว่าหุ้นเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งแล้ว  เราก็ลงทุนได้  เพราะความเสี่ยงในการลงทุนจะต่ำ  แต่หุ้นในกลุ่มนี้เรามักจะหวังผลได้ไม่มากนัก ถ้าได้กำไร 30-50%  ในช่วงภายในเวลา 2-3 ปี ก็ควรพิจารณาขายได้
 
 กลุ่มที่สามคือหุ้นโตเร็ว  นี่คือหุ้นของกิจการที่โตเร็ว ปีละเฉลี่ย 15-20% ขึ้นไปอย่างน้อยใน 5 ปีข้างหน้า  การเติบโตนั้นโตขึ้นทั้งยอดขายและกำไรและเป็นการโตจากภายในธุรกิจเองไม่ได้โตจากการซื้อกิจการ  หรือถ้าเป็นการซื้อกิจการก็ต้องเป็นกิจการแบบเดียวกัน  หุ้นโตเร็วนั้น  เป็นหุ้นที่มักมีความเข้าใจผิดหรือจัดหุ้นผิดบ่อยนั่นคือ  นักลงทุนอาจจะจัดหุ้นวัฏจักรหรือหุ้นฟื้นตัวเป็นหุ้นโตเร็วซึ่งทำให้การวิเคราะห์และให้มูลค่าหุ้นผิดเพื้ยนจากที่ควรจะเป็น  ประเด็นสำคัญก็คือ  ถ้าเป็นหุ้นโตเร็วแล้ว  การเติบโตจะต้องเป็นทั้งรายได้  และกำไร  และเมื่อมันโตขึ้นแล้วจะต้องไม่ลดลงในอนาคต  ผมเคยเขียนไว้ว่าจะต้องเป็นการโตแบบ “สูง”  ไม่ใช่โตแบบ “อ้วน”    นอกจากนั้น  การเติบโตจะต้องไม่เป็นการ “ซื้อ” มาด้วยต้นทุนที่สูงเกินไป  นั่นหมายความว่าการโตนั้นไม่ควรจะต้องลงทุนมากเกินไป
  ถ้าเราเจอหุ้นที่โตเร็วจริง  การลงทุนซื้อหุ้นโดยเฉพาะในราคาที่ไม่แพงเกินไปเช่นที่ PE ไม่เกิน 15-20 เท่า  เราก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก  และหุ้นโตเร็วนั้น  เราสามารถถือยาวเพื่อทำกำไรได้นานมากตราบที่มันยังเติบโตดีอยู่  หุ้นโตเร็วนั้น  บางทีเราลืมเรื่องการขายหุ้นไปได้เลย  และผลตอบแทนนั้นอาจจะเป็นหลายเท่าหรือหลายสิบเท่าก็เป็นได้ในเวลาหลาย ๆ  ปี
 
 กลุ่มที่สี่คือหุ้นวัฏจักร  นี่คือหุ้นของกิจการที่มียอดขายขึ้น ๆ  ลง  ๆ  ตามวัฏจักรของเศรษฐกิจหรือตามวัฏจักรของอุตสาหกรรม   หุ้นที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่นั้นมักเป็นหุ้นวัฏจักรซึ่งทำให้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยจำนวนมากเป็นหุ้นวัฏจักร  ประเด็นก็คือ  ทั้งยอดขายและกำไรของหุ้นมักจะไม่แน่นอน  ในช่วง  “ขาขึ้น”  ยอดขายและกำไร ก็จะปรับตัวขึ้น  บางทีหลายปีจนทำให้เรานึกไปว่าเป็นหุ้นโตเร็ว  แต่ในช่วง “ขาลง”  ยอดขายและกำไรก็ลดลง  บางครั้งถ้าเราดูตัวเลขยอดขายและกำไรย้อนหลังไปยาวเป็น 10 ปีหรือมากกว่านั้น   ก็อาจจะเห็น  “วัฏจักร” ที่ชัดเจนขึ้น   หุ้นบริษัทขายบ้านและคอนโดมิเนียมหลายบริษัทนั้น  นักลงทุนอาจจะวิเคราะห์และสรุปว่าเป็นหุ้นโตเร็วเพราะยอดขายและกำไรอาจจะโตอย่างโดดเด่นมา 4-5 ปี  แต่ถ้าถามว่าอีก 5 ปีข้างหน้าบริษัทนั้นจะยังมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นหรือใกล้เคียงกับปัจจุบันไหม?  ผมเองก็ไม่แน่ใจ  โอกาสเป็นไปได้ว่ายอดขายและกำไรน้อยกว่านั้นเพราะการขายบ้านและคอนโดนั้นต้อง “เริ่มต้นใหม่”  กับ “ลูกค้ารายใหม่” ทุกปี  ซึ่งผมรู้สึกว่ามีความไม่แน่นอนสูง  ดังนั้น  สำหรับผมจะไม่จัดให้บริษัทในกลุ่มนี้เป็นหุ้นโตเร็ว
 
 หุ้นวัฏจักรนั้น  เนื่องจากการโตขึ้นของกำไรไม่แน่นอนและอาจจะตกกลับลงไปอีกในอนาคต  ดังนั้น  ความเสี่ยงจึงสูงและการกำหนดค่า PE ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนก็ทำได้ยาก  ว่าที่จริง ปีเตอร์ ลินช์ บอกว่าเราควรซื้อในยามที่ PE สูงและขายตอนที่ PE ต่ำ  การเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แล้วควรมองไปที่วัฏจักรมากกว่าตัวเลขความถูกความแพงของหุ้น  และถ้าเรารู้ว่ากำลังเป็นขาขึ้น  การลงทุนก็มักจะทำกำไรให้เรามหาศาล  บางทียิ่งกว่าหุ้นโตเร็ว  อย่างไรก็ตาม  วันหนึ่งหุ้นจะลง  ดังนั้น  เราจะต้องขายหุ้นก่อนที่วัฏจักรจะเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลง
 
 กลุ่มที่ห้าคือหุ้นฟื้นตัว  นี่คือหุ้นที่ใกล้จะ  “เจ๊ง”  หรือ  เจ๊งแล้วกำลังจะ “ปรับโครงสร้าง” ได้สำเร็จ  หุ้นฟื้นตัวนั้น  มีความเสี่ยงว่าถ้าไม่ฟื้น  การลงทุนก็เป็น “หายนะ”  การเล่นหุ้นฟื้นตัวนั้นจะต้องวิเคราะห์ให้ออกว่ามีคนต้องการฟื้นบริษัทจริงและเขามีศักยภาพที่จะทำ  ถ้าสำเร็จ  ผลตอบแทนก็มักจะสูงลิ่ว
 
 กลุ่มสุดท้ายก็คือ  หุ้นทรัพย์สินมาก  นี่คือหุ้นที่มีทรัพย์สินโดยเฉพาะที่เป็นอสังหาริมทรัพย์และ/หรือหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาก  และมูลค่าตลาดเมื่อหักหนี้แล้ว  สูงกว่ามูลค่าตลาดของหุ้นทั้งหมดของบริษัท  ดังนั้น  ในทางทฤษฎีแล้ว  ถ้าเราซื้อหุ้นทั้งหมดเป็นเจ้าของคนเดียวแล้วตัดทรัพย์สินไปขาย  เราก็จะได้กำไรอย่างงดงาม  แต่ในความเป็นจริงเราทำไม่ได้  การลงทุนในหุ้นทรัพย์สินมากนั้น  โอกาสที่จะ “ปลดปล่อย” มูลค่าของทรัพย์สินมีน้อย  ดังนั้น  สำหรับผมแล้ว  หุ้นเหล่านี้ส่วนมากไม่น่าสนใจ  ยกเว้นว่าจะมีปัจจัยประกอบอย่างอื่น
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #9658 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2011, 12:10:28 AM »

"วิธีทำเงินแสนให้เป็นร้อยล้าน"...     

เอาบทความจาก Road to Billion มาฝากครับ "วิธีทำเงินแสนให้เป็นร้อยล้าน"...

ใครรู้บ้างครับถ้าเราลงทุนกับ Berkshire Hathaway ในปี 1965 ที่ Warren Buffett เข้าบริหาร จำนวน 100,000 บาท คุณจะมีเงินในปัจจุบันจำนวนเท่าไหร่? คำตอบคือ 769,471,219 บาท ใช่ครับเจ็ดร้อยหกสิบเก้าล้านบาท นี่คือฝีมือของนักลงทุนที่ถูกกล่าวขานว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเฉลี่ย Buffett ทำผลตอบแทนได้ 22% ต่อปี ผิวเผินอาจจะฟังดูเหมือนไม่เยอะ แต่ผลตอบแทนที่ได้มานี่ผ่านช่วยวิกฤตเศรษฐกิจมาไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่ อเมริกาบุกอิรัก วิกฤตต้มยำกุ้ง เหตุการ์ตึกเวิล์ดเทรดถล่ม รวมถึงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2007 ถ้าเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 10% มาก ผลตอบแทนที่ Buffett ถือว่าเป็นขั้นเทพของจริง

ลงทุนแบบ Warren Buffett ทำอย่างไร

หลายคนมักจะพูดว่า Buffett เป็นนักลงทุนแบบคุณค่าหรือ Value Investor โดยหลักการวิเคราะห์แบบนี้ถูกคิดค้นโดยอาจารย์ของ Buffett คือ Benjamin Graham หมายถึงการซื้อหุ้นที่มีราคาถูก ตัวอย่างเช่นหุ้นที่มีสัดส่วนราคาต่อกำไร (Price/ Earning Ratio หรือ PE) หรือราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price / Book Value หรือ PB) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและหวังว่าตลาดจะรับรู้ว่าหุ้นตัวนี้ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) แล้วทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา

แต่ถ้าเราศึกษาการลงทุนของ Buffett จริงๆแล้วจะพบว่านั่นถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวครับ เพราะ Buffett ได้นำหลักของ Graham มาประยุกต์และปรับปรุงกลายเป็นหลักที่ Buffett ชอบเรียกว่า Selective Contrarian Strategy ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "กลยุทธ์ลงทุนแบบสวนกระแสอย่างคัดสรร" โดยหลักการนี้จะกล่าวว่าจะซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อตลาดมองหุ้นตัวนั้นๆในแง่ลบกว่าความเป็นจริง หมายถึงการซื้อเมื่อคนอื่นไม่อยากจะซื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิบัติจริงได้ยาก เพราะนอกจากจะอาศัยการทำการบ้านอย่างมาก ยังต้องอาศัยจิตใจที่มั่นคงไม่ไหวติงไปตามสภาวะตลาดด้วย

ยิ่งกว่านั้นการเข้าซื้อ “สวนกระแส” ต้องทำอย่าง “คัดสรร” หมายถึงไม่ใช่ว่าเห็นหุ้นตัวไหนปรับตัวลงมาเยอะก็เข้าไปซื้อ Buffett เป็นนักลงทุนที่เรื่องมากและอดทนที่สุดคนหนึ่ง ถ้าหุ้นตัวไหนไม่ผ่านเกณฑ์ที่ Buffett วางไว้เค้าจะไม่ลงทุนในหุ้นตัวนั้น ไม่แม้แต่หุ้นเดียว ถึงแม้ว่ามันจะถูกแค่ไหนก็ตาม

แล้ว Buffett มีหลักการในการคัดเลือกหุ้นดีออกจากหุ้นไม่ดีได้อย่างไร?

Buffett เชื่อว่าหุ้นที่ดีต้องมาจากบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี และธุรกิจที่ดีต้องมี “ความสามารถทางการแข่งขันที่คงทน” หรือ Durable Competitive Advantage ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะสามารถทำกำไรและสามารถเอาชนะ “ข่าวร้าย” ที่เกิดขึ้นกับบริษัทและกลับมาสร้างผลตอบแทนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ถือหุ้นได้ (ในส่วนนี้จะมีรายละเอียดค่อนข้างมากและซับซ้อน จึงขออนุญาตนำมาแชร์ให้ฟังในวันหลังนะครับ)

แต่จากประสบการณ์และการศึกษาของผมพบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในโลกการเงินไม่จำเป็นต้องใช้หลักการแบบ Buffett เหมือนกันทั้งหมด แต่ที่สำคัญคือนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องมีหลักยึดในการลงทุนที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนไปตามเวลาและสภาพแวดล้อมหรือที่เรียกว่า timeless principles ยิ่งกว่านั้นเป็นหลักการที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่แน่นอนได้จริงฉะนั้นเวลาคุณซื้อหุ้นคราวหน้า ถามตัวเองก่อนนะครับว่าเราเป็นนักลงทุนแบบไหน? แต่ถ้ายังตอบไม่ได้ จะลองเลียนแบบกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลกคนนี้ก็ได้นะครับ คุณปู่ Buffett แกไม่หวงวิชาอยู่แล้ว

ด้วยรักและพันล้าน
Road to Billion

แหล่งอ้างอิง: Wikipedia, New Bufettology by David Clark & Mary Buffett

จากคุณ : Wild Rabbit   
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6885


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #9659 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2011, 12:14:40 AM »

อิ  อิ   ตอนนี้  ทองถูก    ใครเงินเย็น   น่าสะสมไว้นะ

ผมว่าต้นปีหน้า   27000  แน่  ตอนนี้  23950  ไม่เกินสามเดือน
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
หน้า: 1 ... 641 642 643 [644] 645 646 647 ... 1105
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 22 คำสั่ง