*** หุ้ น 2 5 5 7 ***

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

เป็นไปได้มั๊ยครับอ.สมชาย ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนซ้อนแผน

ถูกหลอกให้ตายใจ..แล้วเอามีดตัวเองเชือดคอตัวเอง..

คนโง่มันไม่คิดมากหรอกครับ มันอยากเอาใจนาย...

เอาแค่เรื่องในสภาฯ นั่นก็แค่อยากเอาชนะ,
กำหนดการเขามีไว้ประชุม 3 วันแล้วลงมติในวันที่ 3 โดยไม่อภิปราย,

ทีนี้เถียงกันไปเถียงกันมา มันก็อยากสั่งสอนให้ผู้อื่นรู้เสียบ้างว่า"เสียงส่วนใหญ่"นั้นใหญ่จริง...
ก็เลยดันทุรังเอาให้ได้แบบโชว์พลัง ผ่านวาระ 3 เอาตอน 04.25 น. ...

หรือไม่ก็ดูอีกเรื่องนึงเขาออกมา"เป็นล้าน!!!
"แต่จ่าประสิทธิ์ เกิดขัดข้องใจที่"โดนข่ม",
ก็เลยไปยืนพูดบนเวทีว่า"รอให้พ้น 180 วันเถิด ในวันที่ 181 จะเอาเข้าสภาใหม่
แล้วยืนยันร่าง จากนั้นประกาศใช้ พรบ. ก็ด๊ายยย"...

ปัญหามันเกิดเพราะคนอย่างจ่าประสิทธิ์ไม่ใช่โนเนม
แต่เป็นถึงคนมีตำแหน่ง สส. ผู้ทรงเกียรติ,
เวลาพูดอะไรแล้วคนอื่นเขาต้องเงี่ยหูฟัง(ก็เลยหลุดไต๋ออกมา)...

ทั้งหมดก็แค่อยากบอกให้โลกรู้ว่า"พวกกูใหญ่"เท่านั้นเองครับ...
เรื่องแบบนี้ในทางอาชญวิทยาเขาบอกเอาไว้ ว่า
ผู้ร้ายมักจะภูมิใจ พล่ามไม่หยุดปากให้โดนอัดเทปเป็นหลักฐาน
เมื่อมันเข้าใจผิดว่ามันกำลังชนะ/ได้เปรียบ...

สรุปว่าไอ้แม้วมันดวงซวย ที่ลูกน้องโง่ๆ อยากเอาใจนาย,
ก็อย่างที่เคยบอกแล้วครับ, ว่าคนโง่อยู่ตรงไหน
มันจะทำคนรอบข้างเดือดร้อนไปหมด... ฮา...

Ha Ha Ha  ฮา  " Oh yes "  จ๊านโฉมชาย (ฮา) อ่ะ 5555

ไอ้ จ่าประสาท ไช สี สะ   เนี่ยะ เหรอ เป็น "ขุน"  ฮา
ดูยังงัย  ดูกร๊าฟ ดูเทียน อีกหรือเปล่า อ่ะ ฮา

มันเป็น  "ม้าล่อ"  คอย จุ๊กจิ๊ก  แค่ กวนใจ แค่นั้น อ่ะ ฮา

ไอ้ที่มา  เป็น "ล้าน" เนี่ยะ  ฮา
มัน เป็น  ทุ่งหมาหลง  ดงช้างข้าม  ง่ามเทโพ
เป็นเรื่อง หัวล้าน หัวเถิก หรือเปล่า อ่ะ ฮา   

เป่า  "ปรี๊ด" นกหวีดแทบทะลุ  หมื่นเดียวก็เก่ง ตายห้า แล้วอ่ะ ฮา 

ยายเพิ่งดูคลิป นปช  แถลง  "เกี๊ยเซี๊ยะ" กับ แม้ว ได้แล้วอ่ะ ฮา
ฝั่งเขาก็เตรียม   "เป่านกหวีด"    เหมือนกัน  อ่ะ ฮา 
แล้ว  ชื่อชั้น  ของ นปช.  เนี่ยะ  ไม่ธรรมดา   "มาตามนัด" ตลอด อ่ะ ฮา
ห้าหมื่น  หรือ แสน  เขาทำได้  เพราะเคยทำมาให้เห็น หลายครั้งแล้วอ่ะ ฮา 

ไอ้ ลายจุด เคยวิเคราะห์ว่า  ครั้งต่อไป ฮา
หากมีการ "สัพประยุทธ์"  ไสช้างเข้าชน ทำศึก ฮา
มันจะรุนแรง  ระดับ  " Jasmine Revolution " เลยอ่ะ ฮา 

มันจะเป็น  "สงคราม ครั้งสุดท้าย" ของเมืองไทยเชียวแหละ อ่ะ ฮา

เอ้า  ใครจะไป มัฆวาน ใครจะไป อุรุพงษ์  ใครจะไปทำเนียบ เลือกกันตามสบายเลยอ่ะ ฮา

55555 ยายจะนอนเชียร์  แดกเบียร์ อยู่ที่บ้าน คอยแจกรางวัล อ่ะ ฮา

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

เซทปรับตัวลง   ลองดูครับ แนวรับ รับอยู่่ไหม

็Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่  carrera อ่ะ ฮา

โธ่  .... ถามจานแกทำมั้ย  ฮา
ทุกวัน  แกรอ "สี่โมงครึง"  แค่นั้นอ่ะ ฮา
แล้วเอามาเขียน  เป็นเฮดไลน์  ยี่สิบ นอ อ่ะ ฮา

ยายพยากรณ์  เลยน๊าาา  ยายคนละเจ้ากับ ปลา มัง กรณ์ อ่ะ ฮา
หรือไอ้โย่ง คนที่ยิ้ม นั่งรอส้มหล่น แทนพี่มาร์ค อ่ะ ฮา

" The next week "  ฮา 

555 พี่ carrera เคยเห็นเครื่อง  แลนดิ้ง ตอนน้ำมัน ติดก้นถัง มั้ย อ่ะ ฮา 

[naisomchai]

มันจะเป็น  "สงคราม ครั้งสุดท้าย" ของเมืองไทยเชียวแหละ อ่ะ ฮา
เอ้า  ใครจะไป มัฆวาน ใครจะไป อุรุพงษ์  ใครจะไปทำเนียบ เลือกกันตามสบายเลยอ่ะ ฮา
55555 ยายจะนอนเชียร์  แดกเบียร์ อยู่ที่บ้าน คอยแจกรางวัล อ่ะ ฮา

สงครามไม่ใหญ่หรอกยายบ๊าบ... มีแต่เสาไฟฟ้าเท่านั้นแหละที่ไม่ต่อต้าน พรบ.หมาๆ...

คนโง่มันไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้ดูถูกดูหมิ่นอะไรนะ สมัยก่อนโน้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำอะไรก็เพราะความหน่อมแน๊ม ควายแดงมันก็เลยย่ามใจ, มาคราวนี้เขาไม่ยอมกันแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แผล็บเดียวหากปะทะกัน ฝ่ายคนโง่ก็ราบคาบแล้ว... ที่บอกอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าใครเขาจะเข้าปะทะกันตรงๆเหมือนสงครามกลางเมืองเมื่อร้อยกว่าปี หรือสงครามกลางเมืองแถวตะวันออกลาง ซึ่งนั่นก็คนละแบบ เพราะที่โน่นคนมันโหดตามประสาแขกทะเลทราย...

ยายบ๊าบเอารูปที่เห็นอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยว่างๆ เวลากลางคืนนั่นน่ะ เห็นแล้วก็ยังไม่รู้อีกว่าม็อบคนฉลาดเขาเป็นแบบนั้นแหละ กลางวันก็มากัน ตกกลางคืนก็กลับบ้าน... แล้วถ้าหากปะทะกัน ก็จะปะทะแต่กลุ่มการ์ดที่เขาให้เฝ้าเวที แต่ตัวฝูงชนของม็อบน่ะหายจ้อย, ปะทะทีไรก็หนีหายจ้อยไม่มีใครปะทะหนักๆด้วยหรอก แต่ประเดี๋ยวก็มาใหม่เหมือนเงาตามหลอกหลอนไม่รู้จักจบสิ้น และเล่นไม่เลิกด้วย...

แต่ที่หายไปน่ะ พวกเสื้อแดงระวังจะเอาชีวิตมาทิ้งเสีย หากก้าวร้าวมากไป, อยากรู้ต้องคอยดูต่อไป บอกล่วงหน้าไม่ได้หรอก ของแบบนี้... ฮา...

แล้วยายบ๊าบก็อย่าคิดอะไรไปไกลจน"สูง"เกินการณ์, ตระกูลหมาๆ ทั้งตระกูลมันไปได้ไม่ถึงข้างบนโน้นหรอก แม้แต่เป็นเถ้าฯ ก็ไม่ได้เอาไปลอยกลางทะเล เพราะจะโดนชาวบ้านรุมฉี่รด... ฮา...

[naisomchai]

เซทปรับตัวลง   ลองดูครับ แนวรับ รับอยู่่ไหม

ใกล้สุดคือ 1388/1383 ครับ...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

มันจะเป็น  "สงคราม ครั้งสุดท้าย" ของเมืองไทยเชียวแหละ อ่ะ ฮา
เอ้า  ใครจะไป มัฆวาน ใครจะไป อุรุพงษ์  ใครจะไปทำเนียบ เลือกกันตามสบายเลยอ่ะ ฮา
55555 ยายจะนอนเชียร์  แดกเบียร์ อยู่ที่บ้าน คอยแจกรางวัล อ่ะ ฮา

สงครามไม่ใหญ่หรอกยายบ๊าบ...
มีแต่เสาไฟฟ้าเท่านั้นแหละที่ไม่ต่อต้าน พรบ.หมาๆ...

คนโง่มันไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้ดูถูกดูหมิ่นอะไรนะ

สมัยก่อนโน้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำอะไร ก็เพราะความหน่อมแน๊ม
ควายแดงมันก็เลยย่ามใจ,  มาคราวนี้เขาไม่ยอมกันแล้ว
ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แผล็บเดียวหากปะทะกัน ฝ่ายคนโง่ก็ราบคาบแล้ว...

ที่บอกอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าใครเขาจะเข้าปะทะกันตรงๆ
เหมือนสงครามกลางเมืองเมื่อร้อยกว่าปี หรือสงครามกลางเมืองแถวตะวันออกลาง
ซึ่งนั่นก็คนละแบบ เพราะที่โน่นคนมันโหดตามประสาแขกทะเลทราย...

ยายบ๊าบเอารูปที่เห็นอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยว่างๆ เวลากลางคืนนั่นน่ะ
เห็นแล้วก็ยังไม่รู้อีกว่าม็อบคนฉลาดเขาเป็นแบบนั้นแหละ
กลางวันก็มากัน ตกกลางคืนก็กลับบ้าน...
แล้วถ้าหากปะทะกัน ก็จะปะทะแต่กลุ่มการ์ดที่เขาให้เฝ้าเวที
แต่ตัวฝูงชนของม็อบน่ะหายจ้อย,

ปะทะทีไรก็หนีหายจ้อยไม่มีใครปะทะหนักๆด้วยหรอก
แต่ประเดี๋ยวก็มาใหม่เหมือนเงาตามหลอกหลอนไม่รู้จักจบสิ้น
และเล่นไม่เลิกด้วย...

แต่ที่หายไปน่ะ พวกเสื้อแดงระวังจะเอาชีวิตมาทิ้งเสีย หากก้าวร้าวมากไป,
อยากรู้ต้องคอยดูต่อไป บอกล่วงหน้าไม่ได้หรอก ของแบบนี้... ฮา...

แล้วยายบ๊าบก็อย่าคิดอะไรไปไกลจน"สูง"เกินการณ์,
ตระกูลหมาๆ ทั้งตระกูลมันไปได้ไม่ถึงข้างบนโน้นหรอก
แม้แต่เป็นเถ้าฯ ก็ไม่ได้เอาไปลอยกลางทะเล เพราะจะโดนชาวบ้านรุมฉี่รด... ฮา...

" Wait and See "  อ่ะ ฮา

[naisomchai]

กลัวจะไม่แน่จริง ถอย พรบ. เสียก่อน แล้วจากนั้นก็"ขี้โกงตอดโน่นนี่"ต่อไปเรื่อย ตามประสาคนมันขี้โกง... บอกตรงๆ ไม่อยากให้รัฐบาลถอย พรบ. เพราะไม่อยากคนขี้โกงบริหารประเทศต่อไป อย่างน้อยก็เห็นแน่ๆว่าจะโดนโกงเรื่องงบก่อสร้างโครงการน้ำ, เรื่องเงินกู้ 2 ล้านๆ, หรือเรื่องอืนๆอีก เพราะอำนาจอยู่ในมือคนขี้โกงอยู่แล้วนี่นา...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

  ตอน " หัก งวง ไอยรา " ฮา


วรพล พรหมิกบุตร: การเมืองไทยปลาย ๒๕๕๖ : ตลกหน้ากากขาว
โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล พรหมิกบุตร

ส่วนที่ ๒

นับตั้งแต่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
เปิดเผยการแก้ไขร่างกฎหมายของตนจากฉบับวรชัย เหมะ กลายเป็นฉบับสุดซอย
ภายในเวลาเพียง ๑ สัปดาห์ก็ปรากฎเสียงตำหนิและการแถลงคัดค้าน
ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก 
ขณะที่เสียงสนับสนุนมีเพียงเล็กน้อยจากภายในองคาพยพของมวลชนเสื้อแดงกลุ่มย่อย

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้าแถลงคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ของกรรมาธิการเสียงข้างมากอย่างถึงที่สุด  เช่นเดียวกับที่เคยเคลื่อนไหวขัดขวางคัดค้าน
และพยายาม “คว่ำ” การผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน
ในฉบับวรชัย เหมะ วาระที่ ๑ มาก่อนแล้วแต่ไม่ประสบผลที่ต้องการ

พรรคประชาธิปัตย์ยกระดับการต่อสู้ด้วยการชุมนุมใหญ่
ดึงดูดชนชั้นกลางกรุงเทพฯและมวลชนจัดตั้งจากจังหวัดต่าง ๆ ของตน
ได้โดยอาศัยเหตุผลข้ออ้างต่าง ๆ ทางกฎหมายและพยายามสร้างความเชื่อในหมู่ประชาชนว่า
กฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวมุ่งทำประโยชน์ทางการเงินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 

ข้ออ้างเหตุผลนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ชนชั้นกลางกรุงเทพฯจำนวนมากเชื่อ

เที่ยงวันที่ ๕ พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แถลงต่อประชาชนว่ารัฐบาลเคารพอำนาจของรัฐสภาและวุฒิสภา
หากจะมีการยับยั้งร่างกฎหมายฉบับกรรมาธิการฯ 
และรัฐบาลจะไม่ฝ่าฝืนความต้องการของประชาชน
เมื่อเห็นแล้วว่า “ประชาชนยังไม่พร้อมให้อภัยต่อผู้กระทำผิด”

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ประธานวุฒิสภาแถลงว่า
วุฒิสภามีหน้าที่ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร
และมีแนวโน้มชัดเจนว่าสมาชิกวุฒิสภาจะไม่ยอมให้ร่างกฎหมาย
ที่สร้างปัญหาผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา

พรรคประชาธิปัตย์น่าจะพึงพอใจ ที่รัฐบาลและวุฒิสภาต่างก็แถลงจุดยืนคล้ายคลึงกัน
กับความต้องการ “คว่ำ” ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยต่อผู้ประชุมและแถลงผ่านกลไกประชาสัมพันธ์ของพรรค 

แต่ปรากฎว่าในค่ำวันเดียวกันนั้นนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แสดงความไม่สบอารมณ์ต่อคำแถลงของประธานวุฒิสภาดังกล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพรรคคนอื่น ๆ
ที่เคยปราศรัยกล่าวอ้าง  การยึดมั่นหลักการนิติรัฐนิติธรรม

จึงกลายสภาพเป็น “ตลกการเมืองถอดหน้ากากขาว” ที่ดูบริสุทธ์ผุดผ่องจากภายนอก 
กลายเป็นเนื้อในที่แสดงถึงความไม่ยึดมั่นในหลักการที่ตนประกาศหาเสียง

หรือปราศรัยหาพลังมวลชนมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของตน

ในบรรดาผู้แสดงหรือแถลงคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ทุกรายทุกกลุ่มที่กล่าวอ้างเหตุผลต่าง ๆ บางส่วนคล้ายกัน
บางส่วนต่างกันนั้นมีจุดยืนที่อาจจำแนกอย่างคร่าว ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ

(๑) ต้องการรักษาหลักการทางกฎหมายในการนิรโทษกรรม
ไม่ให้เกินเลยไปเป็นกฎหมายที่ขัดหลักนิติรัฐนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนสากล

และ (๒) ต้องการฉวยโอกาสใช้จุดอ่อนทางกฎหมายของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ในการเคลื่อนไหวเพื่อ “ล้ม” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
(ผู้สนใจอาจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การล้มพรรคร่วมรัฐบาล
ที่ผู้เขียนเคยนำเสนอก่อนหน้านี้ทางระบบอินเตอร์เน็ต)

คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อค่ำวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ยืนยันเนื้อในภายใต้หน้ากากขาวที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องจากภายนอก  อีกวาระหนึ่ง 
แต่วาระนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ลากเอาบรรดาที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัย 
ที่ประชุมองค์กรเครือข่ายธุรกิจเอกชน  ที่ประชุมดารานักแสดง 
ที่ประชุมชมรมบุคคลากรทางสาธารณสุข
และชนชั้นกลางกรุงเทพฯ อีกเป็นจำนวนมากให้แสดงภาวะตัวตน
เช่นเดียวกับภาวะตัวตนของนายอภิสิทธิ์และคณะออกมาให้สาธารณชนพิจารณาด้วยเช่นกัน

วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

[naisomchai]

  ตอน " หัก งวง ไอยรา " ฮา
วรพล พรหมิกบุตร: การเมืองไทยปลาย ๒๕๕๖ : ตลกหน้ากากขาว
โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล พรหมิกบุตร

ส่วนที่ ๒

นับตั้งแต่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
เปิดเผยการแก้ไขร่างกฎหมายของตนจากฉบับวรชัย เหมะ กลายเป็นฉบับสุดซอย
ภายในเวลาเพียง ๑ สัปดาห์ก็ปรากฎเสียงตำหนิและการแถลงคัดค้าน
ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก 
ขณะที่เสียงสนับสนุนมีเพียงเล็กน้อยจากภายในองคาพยพของมวลชนเสื้อแดงกลุ่มย่อย

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้าแถลงคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ของกรรมาธิการเสียงข้างมากอย่างถึงที่สุด  เช่นเดียวกับที่เคยเคลื่อนไหวขัดขวางคัดค้าน
และพยายาม “คว่ำ” การผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน
ในฉบับวรชัย เหมะ วาระที่ ๑ มาก่อนแล้วแต่ไม่ประสบผลที่ต้องการ

พรรคประชาธิปัตย์ยกระดับการต่อสู้ด้วยการชุมนุมใหญ่
ดึงดูดชนชั้นกลางกรุงเทพฯและมวลชนจัดตั้งจากจังหวัดต่าง ๆ ของตน
ได้โดยอาศัยเหตุผลข้ออ้างต่าง ๆ ทางกฎหมายและพยายามสร้างความเชื่อในหมู่ประชาชนว่า
กฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวมุ่งทำประโยชน์ทางการเงินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 

ข้ออ้างเหตุผลนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ชนชั้นกลางกรุงเทพฯจำนวนมากเชื่อ
เที่ยงวันที่ ๕ พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แถลงต่อประชาชนว่ารัฐบาลเคารพอำนาจของรัฐสภาและวุฒิสภา
หากจะมีการยับยั้งร่างกฎหมายฉบับกรรมาธิการฯ 
และรัฐบาลจะไม่ฝ่าฝืนความต้องการของประชาชน
เมื่อเห็นแล้วว่า “ประชาชนยังไม่พร้อมให้อภัยต่อผู้กระทำผิด”

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ประธานวุฒิสภาแถลงว่า
วุฒิสภามีหน้าที่ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร
และมีแนวโน้มชัดเจนว่าสมาชิกวุฒิสภาจะไม่ยอมให้ร่างกฎหมาย
ที่สร้างปัญหาผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา

พรรคประชาธิปัตย์น่าจะพึงพอใจ ที่รัฐบาลและวุฒิสภาต่างก็แถลงจุดยืนคล้ายคลึงกัน
กับความต้องการ “คว่ำ” ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยต่อผู้ประชุมและแถลงผ่านกลไกประชาสัมพันธ์ของพรรค 

แต่ปรากฎว่าในค่ำวันเดียวกันนั้นนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แสดงความไม่สบอารมณ์ต่อคำแถลงของประธานวุฒิสภาดังกล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพรรคคนอื่น ๆ
ที่เคยปราศรัยกล่าวอ้าง  การยึดมั่นหลักการนิติรัฐนิติธรรม

จึงกลายสภาพเป็น “ตลกการเมืองถอดหน้ากากขาว” ที่ดูบริสุทธ์ผุดผ่องจากภายนอก 
กลายเป็นเนื้อในที่แสดงถึงความไม่ยึดมั่นในหลักการที่ตนประกาศหาเสียง

หรือปราศรัยหาพลังมวลชนมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของตน

ในบรรดาผู้แสดงหรือแถลงคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ทุกรายทุกกลุ่มที่กล่าวอ้างเหตุผลต่าง ๆ บางส่วนคล้ายกัน
บางส่วนต่างกันนั้นมีจุดยืนที่อาจจำแนกอย่างคร่าว ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ

(๑) ต้องการรักษาหลักการทางกฎหมายในการนิรโทษกรรม
ไม่ให้เกินเลยไปเป็นกฎหมายที่ขัดหลักนิติรัฐนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนสากล

และ (๒) ต้องการฉวยโอกาสใช้จุดอ่อนทางกฎหมายของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ในการเคลื่อนไหวเพื่อ “ล้ม” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
(ผู้สนใจอาจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การล้มพรรคร่วมรัฐบาล
ที่ผู้เขียนเคยนำเสนอก่อนหน้านี้ทางระบบอินเตอร์เน็ต)

คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อค่ำวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ยืนยันเนื้อในภายใต้หน้ากากขาวที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องจากภายนอก  อีกวาระหนึ่ง 
แต่วาระนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ลากเอาบรรดาที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัย 
ที่ประชุมองค์กรเครือข่ายธุรกิจเอกชน  ที่ประชุมดารานักแสดง 
ที่ประชุมชมรมบุคคลากรทางสาธารณสุข
และชนชั้นกลางกรุงเทพฯ อีกเป็นจำนวนมากให้แสดงภาวะตัวตน
เช่นเดียวกับภาวะตัวตนของนายอภิสิทธิ์และคณะออกมาให้สาธารณชนพิจารณาด้วยเช่นกัน

วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

ยายบ๊าบก็โชว์โง่อีกเหมือนเดิม คือ"สรุปเรื่องไม่เป็น"... แล้วก็เลยใช้วิธีมาตรฐานของคนเสื้อแดงคือ"ตัดแปะ"เหมือนเดิม, ดังนั้นคราวหน้าคราวหลังหากจะช่วยให้ตนเองไม่โดนดูหมิ่นดูแคลนอีก ก็น่าจะสรุปออกมาแบบย่อๆ ต่อท้าย Post ก็ดีนะเออ...

ช่วยสรุปให้ก็ได้หว่า, ว่าหัวข้อเรื่อง"ตลกหน้ากากขาว ตอนหักงวงไอยราฯ"มันมีตรรกะแบบเบาโหวงเหมือนขี้หมาแห้งลอยในน้ำครำดังนี้...

1) เกริ่นเริ่่มเรื่องว่าประชาธิปัตย์อาศัยเหตุผลข้ออ้างต่าง ๆ ทางกฎหมายและพยายามสร้างความเชื่อในหมู่ประชาชนว่า กฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวมุ่งทำประโยชน์ทางการเงินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วบอกว่าข้ออ้างเหตุผลนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ชนชั้นกลางกรุงเทพฯจำนวนมากเชื่อ...

ข้อนี้เหตุผลอ่อน เพราะไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมไม่น่าเชื่อ... แต่ที่แน่ๆ ได้เงินคืน 4.6 หมื่นล้านบาท จากการโดนอายัดเอาไว้ ที่โดนอายัดก็เพราะแก้คดีในศาลไม่หลุด, เอาเฉพาะแค่เรื่องขายหุ้นได้กำไรแล้วไม่จ่ายภาษีนี่ก็เถียงไม่ออกแล้ว(มีเรื่องอื่นอีก เช่นเรื่องติดคุกคดีที่ดินรัชดาฯ) แต่คนเสื้อแดงมันตรรกะอ่อน(แม้แต่คนเขียนเรียนถึง ป.เอก แต่ตรรกะอ่อน) ซึ่งเรื่องทำไมโดนอายัดนี่ก็แต่งทนายสู้กันในศาลมาแล้ว ซึ่งตรรกะเรื่องนี้เถียงกันไปได้จนสุดซอยมาแล้ว...

2) จากข้อ 1 ก็บอกว่าทางรัฐบาล+วุฒิสภาแถลงว่า"ถอยแล้ว"แล้วทำไมประชาธิปัตย์ไม่เลิกม็อบเล่า(แล้วก็ค่อนแคะว่าเป็นตลกหน้ากากขาว)... ข้อนี้ก็ยิ่งอ่อนกันเข้าไปใหญ่ เหมือนพยายามเอาขี้หมาท้องเสียมาคั้นเอากากให้ได้ในที่คั้นกระทิฯ ซึ่งไม่ไหวหรอกเชิญเล่นขี้ไปฝ่ายเดียวเถิด เพราะมันเหม็น...

เรื่องนี้อธิบายได้ว่าก็เพราะกฎหมายที่ผ่านสภาฯไปแล้วนั่นหากโดนวุฒิคว่ำฯ ก็แปลว่าหากเลย 180 วันแล้วสภาล่างเอามยืนยันใหม่แล้วก็ทูลเกล้าได้ทันที, แล้วที่แสบก็คือหากทูลเกล้าแล้วตีเรื่องกลับลงมา ก็รอได้อีกระยะหนึ่งแล้วก็สามารถประกาศได้ใช้เลยโดยไม่ต้องมีพระปรมาภิไธยฯ... ตรงนี้นี่แหละเป็นที่มาของการใช้คำพูดแฝงเชิงสัญญลักษณ์ว่า"หักงวงไอยรา", หากยายบ๊าบไม่รู้เรื่องฯ ก็ให้ดูที่ด้ามกระบี่พระราชทานแก่พวกนายร้อย ว่าเป็นรูปอะไร!!!!...

3) ต่อจากข้อ 2 ไปต่อว่าต่อขานพวกม็อบว่าทำนองถอย พรบ.นิรโทษกรรมแล้วทำไมไม่ถอยหลัง ไม่เลิกม็อบเล่า, สงสัยว่าเป็นเพราะอยากไล่รัฐบาลกระมัง... โห...

ตอบตรงนี้เลยว่าก็เพราะอยากไล่รัฐบาลนั่นแหละ ก็มีอย่างที่ไหนเผลอไม่ได้ มันจ้องตอดเล็กตอดน้อยจะขี้โกงกันทุกเรื่อง แล้วก็จ้องแต่จะนิรโทษคนขี้โกง เอาเงินที่โดนอายัดคืนให้คนขี้โกงอยู่ตลอดเวลา... มันน่ารำคาญเหมือนหมาข้างถนนที่เผลอเมื่อไหร่มันก็ย่องเข้ามาลักขโมยอาหารบนโต๊ะ หันไปไล่มันก็วิ่งหนีไป"ทั่วซอย"...

คนเสื้อแดงอย่างยายบ๊าบไม่รู้เรื่องกับคำว่า"ความชอบธรรม"หรอก... เรื่องเทคนิคทางกฎหมายทั้งหลายแหล่ นั่นเป็นเรื่องของความรับผิดชอบของรัฐบาลที่มีหน้าที่ทำนุบำรุงบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นศรีธนนชัยเล่นแง่เล่นมุมหลอกล่อทำนอง"ขี้โกงคือการโกงแล้วโดนจับได้ ถึงเรียกว่าขี้โกง"...

สรุปต่อท้ายว่าครั้งหน้ายายบ๊าบควรจะ"เอาความเข้าใจของตัวเอง"มาพูดคุยกันดีกว่า อย่าไปตัดแปะความเห็นของด๊อกเตอร์ที่ไหนมาเลย... หากคิดตกจะรู้ว่าด๊อกเตอร์นั่นเขาต้องดูกันเป็นคนๆไป(และเป็นเรื่องๆไป) ก็มันมีทั้งโง่และมีทั้งฉลาดตามประสามนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่ว่าด็อกเตอร์แล้วจะฉลาดเสมอไป เพราะคำว่าโง่แปลว่ายังไม่รู้, ดังนั้นหากด๊อกเตอร์คนไหนยังไม่รู้ ก็โง่ในเรื่องนั้นเหมือนกัน เช่นเดียวกับด๊อกเตอร์คนนี้นี่แหละ... โง่...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

ยายบ๊าบก็โชว์โง่อีกเหมือนเดิม คือ"สรุปเรื่องไม่เป็น"...
แล้วก็เลยใช้วิธีมาตรฐานของคนเสื้อแดงคือ"ตัดแปะ"เหมือนเดิม,
ดังนั้นคราวหน้าคราวหลังหากจะช่วยให้ตนเองไม่โดนดูหมิ่นดูแคลนอีก
ก็น่าจะสรุปออกมาแบบย่อๆ ต่อท้าย Post ก็ดีนะเออ...

ช่วยสรุปให้ก็ได้หว่า, ว่าหัวข้อเรื่อง"ตลกหน้ากากขาว
ตอนหักงวงไอยราฯ"มันมีตรรกะแบบเบาโหวงเหมือนขี้หมาแห้งลอยในน้ำครำดังนี้...

1) เกริ่นเริ่่มเรื่องว่าประชาธิปัตย์อาศัยเหตุผลข้ออ้างต่าง ๆ ทางกฎหมาย
และพยายามสร้างความเชื่อในหมู่ประชาชนว่า กฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าว
มุ่งทำประโยชน์ทางการเงินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แล้วบอกว่าข้ออ้างเหตุผลนี้เป็นเรื่องไร้สาระ
แต่ชนชั้นกลางกรุงเทพฯจำนวนมากเชื่อ...

ข้อนี้เหตุผลอ่อน เพราะไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมไม่น่าเชื่อ...
แต่ที่แน่ๆ ได้เงินคืน 4.6 หมื่นล้านบาท จากการโดนอายัดเอาไว้
ที่โดนอายัดก็เพราะแก้คดีในศาลไม่หลุด,
เอาเฉพาะแค่เรื่องขายหุ้นได้กำไรแล้วไม่จ่ายภาษีนี่ก็เถียงไม่ออกแล้ว
(มีเรื่องอื่นอีก เช่นเรื่องติดคุกคดีที่ดินรัชดาฯ)
แต่คนเสื้อแดงมันตรรกะอ่อน(แม้แต่คนเขียนเรียนถึง ป.เอก แต่ตรรกะอ่อน)
ซึ่งเรื่องทำไมโดนอายัดนี่ก็แต่งทนายสู้กันในศาลมาแล้ว
ซึ่งตรรกะเรื่องนี้เถียงกันไปได้จนสุดซอยมาแล้ว...

2) จากข้อ 1 ก็บอกว่าทางรัฐบาล+วุฒิสภาแถลงว่า"ถอยแล้ว"
แล้วทำไมประชาธิปัตย์ไม่เลิกม็อบเล่า(แล้วก็ค่อนแคะว่าเป็นตลกหน้ากากขาว)...
ข้อนี้ก็ยิ่งอ่อนกันเข้าไปใหญ่ เหมือนพยายามเอาขี้หมาท้องเสียมาคั้นเอากากให้ได้ในที่คั้นกระทิฯ
ซึ่งไม่ไหวหรอกเชิญเล่นขี้ไปฝ่ายเดียวเถิด เพราะมันเหม็น...

เรื่องนี้อธิบายได้ว่าก็เพราะกฎหมายที่ผ่านสภาฯไปแล้วนั่นหากโดนวุฒิคว่ำฯ
ก็แปลว่าหากเลย 180 วันแล้วสภาล่างเอามยืนยันใหม่แล้วก็ทูลเกล้าได้ทันที,
แล้วที่แสบก็คือหากทูลเกล้าแล้วตีเรื่องกลับลงมา ก็รอได้อีกระยะหนึ่ง
แล้วก็สามารถประกาศได้ใช้เลยโดยไม่ต้องมีพระปรมาภิไธยฯ...

ตรงนี้นี่แหละเป็นที่มาของการใช้คำพูดแฝงเชิงสัญญลักษณ์ว่า"หักงวงไอยรา",
หากยายบ๊าบไม่รู้เรื่องฯ ก็ให้ดูที่ด้ามกระบี่พระราชทานแก่พวกนายร้อย ว่าเป็นรูปอะไร!!!!...

3) ต่อจากข้อ 2 ไปต่อว่าต่อขานพวกม็อบว่าทำนองถอย พรบ.นิรโทษกรรมแล้วทำไมไม่ถอยหลัง ไม่เลิกม็อบเล่า,
สงสัยว่าเป็นเพราะอยากไล่รัฐบาลกระมัง... โห...

ตอบตรงนี้เลยว่าก็เพราะอยากไล่รัฐบาลนั่นแหละ
ก็มีอย่างที่ไหนเผลอไม่ได้ มันจ้องตอดเล็กตอดน้อยจะขี้โกงกันทุกเรื่อง
แล้วก็จ้องแต่จะนิรโทษคนขี้โกง เอาเงินที่โดนอายัดคืนให้คนขี้โกงอยู่ตลอดเวลา...
มันน่ารำคาญเหมือนหมาข้างถนนที่เผลอเมื่อไหร่
มันก็ย่องเข้ามาลักขโมยอาหารบนโต๊ะ หันไปไล่มันก็วิ่งหนีไป"ทั่วซอย"...

คนเสื้อแดงอย่างยายบ๊าบไม่รู้เรื่องกับคำว่า"ความชอบธรรม"หรอก...
เรื่องเทคนิคทางกฎหมายทั้งหลายแหล่ นั่น
เป็นเรื่องของความรับผิดชอบของรัฐบาลที่มีหน้าที่ทำนุบำรุงบ้านเมือง
ซึ่งไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นศรีธนนชัยเล่นแง่เล่นมุมหลอกล่อทำนอง
"ขี้โกงคือการโกงแล้วโดนจับได้ ถึงเรียกว่าขี้โกง"...

สรุปต่อท้ายว่าครั้งหน้ายายบ๊าบควรจะ"เอาความเข้าใจของตัวเอง"มาพูดคุยกันดีกว่า
อย่าไปตัดแปะความเห็นของด๊อกเตอร์ที่ไหนมาเลย...

หากคิดตกจะรู้ว่าด๊อกเตอร์นั่นเขาต้องดูกันเป็นคนๆไป(และเป็นเรื่องๆไป)
ก็มันมีทั้งโง่และมีทั้งฉลาดตามประสามนุษย์ปุถุชน
ไม่ใช่ว่าด็อกเตอร์แล้วจะฉลาดเสมอไป เพราะคำว่าโง่แปลว่ายังไม่รู้,
ดังนั้นหากด๊อกเตอร์คนไหนยังไม่รู้ ก็โง่ในเรื่องนั้นเหมือนกัน

เช่นเดียวกับด๊อกเตอร์คนนี้นี่แหละ... โง่...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

เซทปรับตัวลง   ลองดูครับ แนวรับ รับอยู่่ไหม

็Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่  carrera อ่ะ ฮา

โธ่  .... ถามจานแกทำมั้ย  ฮา
ทุกวัน  แกรอ "สี่โมงครึง"  แค่นั้นอ่ะ ฮา
แล้วเอามาเขียน  เป็นเฮดไลน์  ยี่สิบ นอ อ่ะ ฮา

ยายพยากรณ์  เลยน๊าาา  ยายคนละเจ้ากับ ปลา มัง กรณ์ อ่ะ ฮา
หรือไอ้โย่ง คนที่ยิ้ม นั่งรอส้มหล่น แทนพี่มาร์ค อ่ะ ฮา

" The next week "  ฮา 

555 พี่ carrera เคยเห็นเครื่อง  แลนดิ้ง ตอนน้ำมัน ติดก้นถัง มั้ย อ่ะ ฮา 

Ha Ha H a  ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่  carrera  อ่ะ  ฮา

ได้ยินมั้ย  เสียงอะไร  ฮา 

5555  เสียง  "หมูสับ"  งัย  ฮา 

[carrera]

low -22 จุด ดูครับ เสียงสับหมู เสียงหมูสับ ผมรอได้หมดครับ

รอดู 5555

[carrera]

เซทปรับตัวลง  ลองดูครับ แนวรับ รับอยู่่ไหม

ใกล้สุดคือ 1388/1383 ครับ...

รับทราบ ขอบคุณครับ

[carrera]

ฝรั่งยังขายต่อเนื่องเฮะ แถมมีข่าวย้ายการลงทุนออกอีก

[naisomchai]

ถึงแม้ไม่มีเหตุการณ์การเมือง หุ้นมันก็จะลงครับ, กราฟมันออกอาการตั้งแต่ Set เกิด Double Head เมื่อวันที่ 22 ต.ค. แล้วครับ... แล้วภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศก็อาการไม่ดีตั้งแต่กำลังซื้อของประชาชน โดนโครงการรถยนต์คันแรกซับเงินออกจากตลาดไปหมด...

ถึงแม้ไม่มีเหตุการเมืองเข้ามากระทบ เมื่อถึงช่วงประกาศผลประกอบการฯ, ทั้งตลาดก็จะค่อยๆลงไปข้างล่าง เพราะผลประกอบการย่ำแย่ครับ... การเมืองเป็นแค่เร่งปฏิกริยาเท่านั้นเอง...

[carrera]

ถึงแม้ไม่มีเหตุการณ์การเมือง หุ้นมันก็จะลงครับ, กราฟมันออกอาการตั้งแต่ Set เกิด Double Head เมื่อวันที่ 22 ต.ค. แล้วครับ... แล้วภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศก็อาการไม่ดีตั้งแต่กำลังซื้อของประชาชน โดนโครงการรถยนต์คันแรกซับเงินออกจากตลาดไปหมด...

ถึงแม้ไม่มีเหตุการเมืองเข้ามากระทบ เมื่อถึงช่วงประกาศผลประกอบการฯ, ทั้งตลาดก็จะค่อยๆลงไปข้างล่าง เพราะผลประกอบการย่ำแย่ครับ... การเมืองเป็นแค่เร่งปฏิกริยาเท่านั้นเอง...

fundamental analysis ขอบคุณครับ