คุณจะเด็ดบ้านอยู่บางบัวทองหรือครับ ผมไม่ทราบว่าถ้าบ้านอยู่บางบัวทอง
จะต้องอยู่ริมน้ำหรือเปล่า ผมมีความประทับใจกับบางบัวทองมาก
ขั้นตอนต่อไปไม่ทราบว่าของจะส่งถึงบ้านหรือต้องไปรับเอง
ถูกต้องครับ แต่เป็นบ้านศรีภรรยาครับ แต่ไม่ได้อยู่ริมน้ำ ส่วนบ้านเก่าบ้านเกิดอยู่ริมน้ำท่าจีน เมื่อยังเล็กเป็นเด็กน้อย ชอบว่ายน้ำไปเก่าเรือโยง จมน้ำเกือบตาย เลยทำให้ทุกวันนี้เป็นโรคกลัวน้ำอยู่เลย
ผมเข้าใจว่า จะมีใบแจ้งมาจากศุลกากร ผ่านทางไปรษณีย์ จากนั้นผมจึงนำเอาใบแจ้งและหลักฐาน ป.2 ที่ได้รับการลงชื่อของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ไปรับที่สุวรรณภูมิ เอาเป็นว่ารับมาถึงมือเมื่อไหร่ จะแฉหมดทุกโต๊ะที่ต้องเดินเรื่องเลย ใจเย็นๆนะครับ
คุณจะเด็ดเคยเกือบจมน้ำตายหรือครับ เหมือนผมเลย ก็เพราะผมเกือบจมน้ำตายจึงทำให้
มีโครงการหลอกผมไปเที่ยวบ้านบางบัวทอง บ่อย ๆ
ตอนเด็ก ๆ ผมเคยไปนอนค้างบ่อย ๆ ปลายสัปดาห์ ที่บ้านแม่ที่ผมเคารพเป็นแม่คนหนึ่งอยู่ที่บางบัวทอง
เป็นบ้านสวนริมน้ำครับ เวลาไปต้องไปลงปากเกร็ดแล้วนั่งเรือหางยาวไปอีกไกล
แต่พอถึงบ้านสวนแล้ว มันอิสระครับ น้าและคุณแม่ไม่เคยดุ จะขุดดินเล่นก็ไม่ถูกว่า จะปีนต้นไม้ก็ไม่ถูกห้าม
ยิงหนังสะติ๊กก็ได้ พายเรือในคลอง สวนเก็บผลไม้กินก็ได้ ขึ้นต้นหมาก มะพร้ามก็ปืนได้แต่ต้องระวังตก
"จับให้แน่นหน่อยนะลูก" จะมีเสียงตะโกนมาแบบไม่ได้ห้ามแต่ให้ระวัง ซึ่งผมก็จะตะโกนกลับไปว่า "ครับคุณแม่"
เล่นไฟเล่นไม้ขีดก็เล่นไปตามเรื่องตามราวบนคันดิน วิดปลาในคูเปื้อนโคลนไปหมด
ก็ไม่เห็นเป็นไร เวลาปวดฉี่ก็ไปยืนฉี่โคนต้นไม้ใกล้ ๆ ก็ไม่มีใครว่า อาหารก็อร่อย โดยเฉพาะปลากดทาเกลือย่าง
ล้อมวงทานกันร้อนๆ ปลากดก็ได้มาจากเบ็ดราว ในคลองหน้าบ้าน หรือเป็นเรือก๋วยเตี๋ยวพายมาเทียบท่าหน้าบ้าน
ผมก็ลงไปนั่งทานที่ขอบแพไม้ไผ่เอาเทาราน้ำทานไปด้วย เคยทำชามตกน้ำ คนขายดำลงไปหยิบชามได้
ทำเอาผมทึ่ง เลยบอกว่าขอดูอีกทีได้หรือเปล่า คนขายก๋วยเตี๋ยวก็บอกว่าพอก่อนเถอะลุงเหนื่อยแล้ว
ผมชอบต้นไม้ทุกต้นในสวนล้วนเป็นต้นไม้ที่ไม่ใช่ไม้ประดับแต่มีประโยชน์เรืองปากท้องทุกต้น
ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีพิธีรีตรอง สบายใจสำหรับเด็กๆ อย่างผมมาก
ไม่เหมือนอยู่บ้านเลยพวกผู้ใหญ่ที่บ้านรายนั้นแค่จับเงินก็ถูกไล่ให้ไปล้างมือ ก่อนทานต้องล้างมือ
หลังทานต้องแปรงฟัน เล็บมือต้องไม่ดำ เสื้อผ้าสกปรกไม่ได้ เล่นดินไม่ได้ถ้าเห็นให้เลิกเล่นทันที ถ้าอยู่บนต้น
หูกวางจะถูกเรียกลงมาดุ แล้วบังคับให้อ่านหนังสือ ถ้าเอาเชือกไปมัดต้นตะโกจะถูกดุเพราะซื้อมาแพง
ถ้าเอาจักรยานไปพิงต้นปาล์มก็จะถูกสอนว่าทีหลังอย่าทำเพราะจะทำให้ผิวต้นปาล์มเป็นรอยดูไม่สวย
ในตอนนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันสวยตรงไหน (สายตาเด็กนะ) เอามาปลูกทำไมปีนก็ไม่ได้
เวลาพูดถามจะตะโกนก็ไม่ได้ต้องเดินเข้าไปใกล้แล้วค่อยพูด อะไรกันนักกันหนา
ผู้ใหญ่ 2 กลุ่มนี้ไม่ถูกกันนะ สไตล์ก็ไม่เหมือนกัน กลุ่มหนึ่งระเบียบจัดไฮโซอีกกลุ่มเรียบ ๆ ง่าย ๆ
เวลาผมไปเที่ยวบางบัวทองผู้ใหญ่กลุ่มแรกก็ไม่ตามไป เวลาผมกลับมาบ้านผู้ใหญ่ที่บางบัวทอง
ก็ไม่ตามมา ผมก็ชอบแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ นะ แต่ชีวิตส่วนใหญ่ถูกบังคับให้อยู่กลับกลุ่มแรก
ผมจะซนได้ก็ต้องรอปิดเทอม
เรื่องเกือบจมน้ำตายของผมมีตอนเด็กกับผู้ใหญ่
ตอนอยู่ ปอ3 ผมเคยเกือบจมน้ำตายที่ วังตะไคร่ ตอนนั้นไปกับพี่ชายเขาเรียนอำนวยศิลป์และพากัน
ไปเที่ยววังตะไคร่ก็พาผมไปด้วย พวกพี่เอาแต่กินเหล้า ผมแยกตัวก็ไปเล่นน้ำ ตอนจมน้ำมีคนแปลก
หน้ามาช่วยไว้ อันที่จริงน้ำตื้นแค่อกผู้ใหญ่ครับ แต่สำหรับเด็กปอ 3 ก็ลึกพอตายได้เหมือนกัน
ตอนอยู่ ปอ4 เกือบจมน้ำตายที่คลองบางกอกน้อย ตอนนั้นพายเรือเล่นหลังบ้าน แล้วเรือก็เข้าหาฝั่ง
หมาเฝ้าสวนเห่าทำท่าจะกระโจนลงเรือผมกับเพื่อนก็กลัวทำให้เรือล่ม ผมจมน้ำพยายามเกาะเรือ
แต่ท้องเรือที่โผล่มามีแต่ตะไคร่น้ำทำให้ลื่นมากเกาะไม่ได้ จึงจมผลุบโผล่อยู่นานกว่าจะมีผู้ใหญ่มาช่วยไว้ได้
แล้ววันที่ผมว่ายน้ำเป็นก็มาถึง วันหยุดปลายสัปดาห์ พวกพี่ๆพาผมไปนอนบ้านที่บางบัวทอง
แล้วก็พาผมลงเล่นน้ำในคลอง มันลึกมากผมก็ไม่ออกห่างจากท่อนไม้ไผ่ที่มัดรวมกันหลายท่อน
เอาไว้เป็นสะพานเดินจากตลิ่งมาขึ้นเรือ กำลังเล่นอยู่ดี ๆ น้าอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้รับอาสาจะสอน
ว่ายน้ำให้ผมโดยผมไม่รู้ว่าได้มีการวางแผนกันมาแล้ว ตอนแรกน้าเข้าเรียกให้ผมลองใช้มะพร้าว 2 ลูก
ฉีกเปลือกเป็นเสี้ยวมัดกันแล้วพาดหน้าอกผมทำให้ผมไม่จมน้ำ ผมก็ซ่าออกทันทีตีน้ำออกไปกลางคลอง
ไป ๆ มา ๆ ในที่สุดเวลาก็มาถึงน้าคนนั้นเรียกให้ผมขึ้นมาก่อน พอผมขึ้นมาก็จับผมโยนไปที่น้ำลึก
พอหล่นไปในน้ำ ลืมตาใต้น้ำน้ำเป็นสีเขียวอ่อน เสียงเงียบไปหมด แล้วผมก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ
และก็จมลงไปอีก รู้สึกว่ากินน้ำเข้าไปด้วย มารู้ตัวอีกทีก็มาเกาะทุ่นไม้ไผ่แล้ว พอมาเกาะทุ่นไม้ไผ่
ก็โดนจับโยนออกไปอีก ผมก็เข้ามาได้อีก เห็นน้าบอกว่าถ้าฝึกแบบนี้ว่ายน้ำเป็นท่าแรกจะเป็นท่าหมาว่ายน้ำ
บางบัวทองก็เป็นอดีตที่ทำให้ผมว่ายน้ำเป็นตั้งแต่อยู่ปอ 4
พอโตขึ้นมาอยู่ ปอ 6-7 ก็ได้มีโอกาสไปว่ายในแม่น้ำเจ้าพระยาหลังบางซื่อที่เป็นโรงไม้ ด้วยคุณพ่อผมมีอาชีพ
ค้าขายพวกไม้จึงรู้จักคนแถวนี้ไม่น้อย และบ้านเพื่อนผมก็ค้าไม้แปรรูปด้วย จึงได้มาเที่ยวบ้านเพื่อนที่เป็นโรงไม้
หลังโรงไม้อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาวันแรกผมเห็นด้ามปืนอัดเทียนของเพื่อนแล้วอดชมไม่ได้เพระมันสวยมาก
คนงานฝีมือไม้ทำให้ ถ้าประเมินราคาก็คงหลายร้อยบาทในสมัยนั้น ในที่สุดผมก็ได้ลงไปเล่นน้ำเจ้าพระยา
มันลึกมาก พวกผมชวนกันดำลอดแพไม้ที่กว้างมาก ถ้าหมดลมหายใจก็ต้องเอาปากขึ้นดูดอากาศตาม
ช่องที่เจาะร้อยโซ่ลากไม้ โดยอาศัยดูแสงสว่าง ตอนเล่นน้ำก็มองไปทางสะพานพระรามหก
เห็นกลุ่มวัยรุ่นผู้ใหญ่แล้วเล่นกระโดดมาจากสะพานลงมาเลย ผมก็คิดว่าถ้ามีโอกาสโตขึ้นก็จะลองดู
เหมือนกัน ตอนหลังโรงไม้เชิงสะพานระเบิดทำให้มีคนงานตายหลายคน แล้วเขาว่าผีเชิงสะพานดุมาก
ก็ไม่กล้าไปบ้านเพื่อนอีก การเล่นดำใต้แพไม้ในตอนนั้นก็เป็นเหตุทำให้ผมดำน้ำอึดได้นานและเป็นพื้นฐาน
อีก 10 กว่าปีในภายหน้าที่ผมไม่รู้ตัวว่าจะได้ไปเที่ยวอยู่ภูเก็ต พังงา ดำน้ำทะเลดูปะการัง นานเกือบ 3 เดือน
ก่อนพายุเกย์จะเข้ามาไทยจึงหนีพายุกลับเชียงใหม่และเห็นรถติดยาวจากกรุงเทพถึงนครสวรรค์
ผมมีโอกาสได้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาแบบใกล้ชิดเป็นครั้งสุดท้ายจำได้ว่าอยู่ ปอ 7 เพราะว่า ปิดเทอม มศ1 ก็กลับเชียง
ใหม่แล้ว ตอนนั้นตามคุณพ่อไปเก็บเงินค่าไม้ ต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปท่าพระจันทร์ คือเขาจะสั่ง
สินค้าจากเชียงใหม่เราก็ส่งมาให้ทางรถไฟ ทางขนส่งบ้าง ปีหนึ่งจะลงไปเก็บเงินครั้งเดียว เรียกว่าติดเงินกันเป็นปี
ไปครั้งนี้ยังจ่ายไม่ครบ จะเก็บได้ก็ต้องไปปีหน้า เพราะรถราการสื่อสารไม่ค่อยจะสะดวกรวดเร็วเหมือนสมัยนี้
ภายหลังก็ส่งออกอย่างเดียวเพราะลูกค้าจ่ายเงินไม่ตรงเวลา ผมก็เลยไม่มีโอกาสไปเก็บเงินแถวท่าพระจันทร์อีกเลย
หลังจากคุณพ่อเสีย ลูกหนี้ก็เงียบ ที่บ้านก็ไม่รู้ว่ามีรายไหนใครเป็นหนี้เท่าไหร่บ้าง ดูบัญชี โซ้งสองหมื่น ศัก หมื่นห้า
ใครกันวะ โซ้ง ใครกันวะ ศัก หลายสิบรายที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ผมเองก็ได้เรียนเที่ยวเตร่โดยไม่ค่อย
ได้ขอเงินแม่ก็ด้วยการไปหาลูกหนี้ที่รู้จักในบัญชีแล้วเอาเงินมาใช้จ่าย แต่ก็ยังไงเก็บได้ไม่ครบ
บางคนเบี้ยวไม่จ่ายหน้าตาเฉยก็มี บางรายจ่ายไปส่วนหนึ่งแล้วก็ไม่จ่าย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง สัญญาก็ไม่มี
หลักฐานก็ไม่มี มันเป็นสัญญาลูกผู้ชายเชื่อใจกันระหว่างพ่อผมกับลูกค้าแต่เวลาไปเก็บเงินพ่อก็พกปืนไป
ด้วยทุกทีนะ ผมเคยถามพ่อว่าปืนที่พ่อพกเคยยิงหรือเปล่า พ่อบอกว่าซื้อมาได้แต่พกไม่เคยยิงสักลูก
ก็ไม่รู้ว่ามันยิงได้หรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ว่าพ่อพูดไปเรื่อยเปื่อยแบบผมชอบพูดกับสาวๆ หรือเปล่า
หลายปีก่อนผมไปเล่นสระที่เดอะมอล ผมดำน้ำไปกลับจากหัวสระท้ายสระได้ คนที่ยืนดู
ก็ถามว่ากลั้นได้อย่างไร ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเพราะมันกำลังเหนื่อยมากได้แต่หอบลมแฮก แฮแ
ปีที่แล้วผมดำได้แต่ขาไปเท่านั้น แค่ขาไปก็ทำให้คนที่เล่นในสระทึ่งได้แล้ว มีหลายครั้งที่ผมให้ลูกสาว
ตอนนั้นยังตัวเล็กนั่งหลังโดยผมคว่ำหน้าว่ายกบไปโดยไม่สามารถเงยหน้าได้เพราะมันจมน้ำ
ก็พาลูกสาวไปจนสุดสระลึก แต่ขากลับทำไม่ได้แล้วเพราะหมดแรงกลั้นเหนื่อยมาก
ที่ผ่านมาคงเพราะเห็นเพื่อนผมที่เล่นน้ำ ก็ดำน้ำได้นานพอกันทุกคนเหมือนกันหมด
ผมก็เลยเข้าใจว่าทั่วไปคนเราก็ทำได้เหมือนกัน
แต่เพิ่งมารู้หลังหลังนี้ว่าคนเราปกติทั่วไปกลั้นได้ไม่เกิน 1 นาที
บางครั้งผมก็ทดสอบเพื่อน ๆ ทีทำงานลองกลั้นใจแข่งกัน ก็พบว่าท่าน
นักกีฬาหนุ่มใหญ่ทั้งหลายก็กลั้นไม่เกิน 1 นาที บางคนไม่เกิน 30 วิด้วยซ้ำไป
อีกไม่นานผมคงจะต้องมีโรคประจำตัวที่เกิดจากการกลั้นใจนาน ๆ ผมจำไม่ได้ว่าโรคอะไร
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมลงไปล้างถังเก็บน้ำใต้ดินขนาด 2-3 เมตร สูงประมาณผมเอื้อมถึงผนังบน
คงเป็นเพราะช่างฉาบปูนเพดานพึ่งทำงานเสร็จเขาทำงานมาทั้งวัน อากาศในถังก็เลยมีแต่
คาร์บอนไดออกไซต์ พอเขาขึนก็เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้วผมพึ่งกลับมาจากรักษารากฟัน
ปากยังชาอยู่เลย หมอดันเผลอเอาเครื่องเจียรมาโดนลิ้นเลือดสาดอีก พอกลับมาผมก็ลงล้าง
เศษปูนในถังใต้ดินทันที ทำไปได้ราวเกือบชั่วโมง ผมก็บอกให้ภรรยาไปยกเลิกเรียนกีตาร์
เพราะดูแล้วคงอีกนาน ผ่านไปอีกราว 30 นาที อาการคนขาดออกซิเจน ผมเคยอ่านแต่ในตำรา
ตอนนี้เจอด้วยตัวเองแล้วครับ แม้ว่าอุณหภูมิในถังจะเย็นมาก แต่ผมก็เหงื่อแตก ไม่อยากใช้คำว่า
เหงื่อออก เสื้อสีขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อหยดติ๋ง ๆ เหมือนวิ่งมาเป็นสิบกิโล มีอาการหอบ
หน้ามืด ปวดหัวตึ๊บ ๆ หมดแรง และรู้สึกหงุดหงิด ผมรู้ตัวว่าขาดออกซิเจนจึงตะโกนขึ้นไปขอพัดลม
เป่าลมลงมา พอได้พัดลม แต่มันไม่ได้ผลเพราะลมเป่าไม่ลงด้วยเป็นห้องใต้ดิน ลมจึงอั้นอยู่ปากปล่อง
แต่ก็พอมีเย็นน้อย ๆ เมื่อหมดแรงขาดออกซิเจนจึงต้องนั่งเฉยพูดก็ไม่ได้ ข้างบนยังไม่รู้นะว่าผมกำลัง
อยู่ในอาการขาดออกซิเจน ตอนนั้นผมคิดว่าคงไม่ตายหรอกแต่อยากเก่งก็ไปฟื้นโรงพยาบาลวะ
หลับตาคิดเพลิน ๆ ก็นึกได้ว่าคาร์บอดไดออกไซต์ที่เราหายใจออกมามันเบากว่าอากาศไม่ใช่หรือ
ผมก็เลยเอียงตัวตะแคงเอาจมูกชิดพื้นแล้วสูดหายใจเข้า มันได้ผล ผมรู้สึกดีกว่าเดิมแสดงว่าออกซิเจน
ตามผิวพื้นยังมีอีกมาก เลยสูดเอา สูดเอา นอนนิ่งรวบรวมกำลังยืนแล้วรีบปีนเหยียบขอบซีเมนต์ในถัง
เอาหัวโผล่ขึ้นมาภายนอก โอโห้อากาศมันชดชื่นมาก เหมือนยืนบนภูเขา ภรรยาผมนั่งจับพัดลมมองหน้า
มองด้วยสายตาไม่รู้เรื่องว่าผมเจออะไรอยู่ข้างใต้ผมจึงเอาพัดลมจอชิดกับปากถังแล้วเป่าเอาอากาศภาย
นอกเข้าไปแทนอากาศเสีย แล้วก็ลงไปทำต่อตอนกำลังพิมพ์ก็ยังรู้สึกมึน ๆ อยู่เลยครับ แก่แล้วฟื้นตัวช้า
กว่าตอนหนุ่ม
ตอนหนุ่มจากเคยกลั้นได้นานที่สุด 2 นาที 50 วิ พอขึ้นฮุบเอาอากาศครั้งต่อไปจะลดลงไป
30 วิ เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เหลือ 1 นาที 15 วิ พอฮุบเอาอากาศครั้งต่อไปก็เหลือ 45 วิเป็นอย่างมาก
และก็คิดว่ามันคงถอยลงไปเรื่อยตามสังขารนะครับ
คิดว่าพออ่านกระทู้นี้จบ เพื่อน ๆ คงไม่กลั้นใจทดสอบตัวเองนะ ถ้าจะทำก็มองดูอายุตัวเองด้วยนะครับ
แต่ว่าไอ้เรื่องกลั้นใจนี้มันก็จำเป็นสำหรับการยิงปืนเหมือนกัน เผื่อไว้เวลาไปยิงแข่งขันแล้ว
มีคนยิงอยู่ข้าง ๆ ท่านเกิดตดเหม็น การกลั้นได้นานจะมีประโยชน์ตอนนั้นหละ
ถ้ากลั้นได้ไม่นานเกิดซึดตดคู่แข่งเข้าไปก็อาจหน้ามืดพาลจะอดได้ถ้วยรางวัลเลย
เริ่มซะดี จบลงที่ตดได้ยังไง