จากนั้นมาผมวิ่งซ่อมเครื่องจักรตามโรงงานพวก CNC เครื่องฉีดพลาสติก ไม่เว้นแม่แต่รถแม็กโคร ก็พอมีเงินบ้างจึงคิดได้ว่านี่คือเงินเรา เราต้องได้เหงื่อถึงจะได้เงิน แต่ตอนนี้วิ่งซ่อมไม่ไหวแล้วแพ้สังขารครับ
แพ้สังขาร ตรงนี้สำคัญครับ เมื่อวันนั้นมาถึง เราคงเหลือแต่กำลังสมองและเวลาว่างที่มากมาย
ได้แต่คิดและทำอะไรไม่ได้เลย
วิธีเล่นหุ้นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่คนไม่ค่อยจะทำกัน แต่ผมทำ คือมันมีข้อห้ามอยู่ว่า
ไม่ให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นจากราคาเปิดของวัน สูงกว่า 30 เปอร์เซนต์
ไม่ให้ราคารูดตกจากราคาเปิดของวัน ต่ำว่า 30 เปอร์เซนต์
นั้นก็หมายความว่า อาจมีใครบางคนสามารถขาดทุนได้ถึง 60 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
นานมาแล้วหลายปี เพื่อนถามผมว่าอยากเห็นหน้าตาเว็บซื้อขายหุ้น
พอถึงเวลาตลาดเปิด ผมก็เปิดเว็บให้ชม แล้วพอดีก็เหลือบตาไปเห็นหุ้นตัวหนึ่ง
เปิดมาครึ่งชั่วโมงราคาตงลงไปชนชิลลิ่ง 30 เปอร์เซนต์ เป็นหุ้นตัวเดียวกับ
ดาราวัยรุ่นซึอไว้หลายสิบล้าน ตอนที่ดาราคนนั้นซื้อหุ้นราคา 0.70 บาท
แต่เขาเคาะซื้อหุ้นราคา 1.00 บาทจำนวนถ้าจำไม่ผิด 70 ล้านบาทนะ
เวลาผ่านมาหลายเดือน ก็มาถึงวันที่เพื่อนผมขอให้เปิดให้ชมวันนี้หละ
ผมเห็นหุ้นดาราตัวนี้ตกลงไปติดลบ 30 เปอร์เซนต์ ก็เคาะซื้อในราคาตอนนั้น
ไม่ถึงเที่ยง ราคาหุ้นตัวนี้ติดลบ 10 เปอร์เซนต์ ก่อนตลาดปิด ราคาหุ้น
เท่ากับราคาเปิด ผมมีกำไรเกือบ 7 หมื่นบาทในวันเดียว ก็ทำงานไปด้วยโฉบ
เข้ามาดูเป็นระยะ ไม่เสียเวลาอะไรมากมายนัก ตอนนั้นผมคำนวณราคาหุ้นทั้งหมด
ที่ซื้อขายเป็นเงินเท่ากับเงินที่ดาราคนนั้นซื้อ ถ้าเป็นไปตามคาด
เขาต้องขาดทุนเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ในเงิน 70 ล้านที่ซื้อหุ้นไป
ต่อมาหุ้นตัวนี้ก็เปลี่ยนชื่อ จนผมจำไม่ได้ มันเป็นหุ้นไม่ดีตัวหนึ่งครับ
ไม่ควรซื้อแช่ไว้ในพอร์ท
อีกตัวตัวนี้จำได้แม่นเป็นหุ้นพลาสติก ราคา 2.5 บาท ผมอ่านหนังสือพิมพ์ทันหุ้น
ที่บ้านรับประจำครับ พบว่ามีการสั่งซื้อเม็ดพลาสติกเพิ่มอีก 80 เปอร์เซนต์
ก็เดาว่าคงขายของได้เป็นเท่าตัว พอมาทำงานตลาดเปิดก็เข้าไปซื้อนิดหน่อย
เรียกน้อง ๆ ที่กำลังอยากเล่นหุ้นมาดูการซื้อหุ้นทางเน็ต ผมเคาะซื้อไว้สองแสนบาท
เพียงสี่สีบห้านาที ราคาหุ้นขึ้นไปบวก 24 เปอร์เซนต์ ผมรีบเคาะขายทันที กำไรสี่หมื่นบาท
แล้วก็ไต่ราคาไปถึง 13 บาท เมื่อต้นปีตกลงไปที่ 5 บาทประมาณนี้
แล้ววันนี้ก็ไต่ราคามาที่ 12 บาท อีกครั้ง แต่ผมไม่ได้ซื้อตัวนี้เพราะกำหนดวงเงินซื้อไว้
ตอนนั้นก็กล้า ๆ กลัวๆ นะตอนซื้อหุ้นต้นปี ไม่ได้ลงเต็มตัว
ถ้าลงเต็มตัว คงได้ s400 มาจอดสักครึ่งโหล ไม่ใช่ปืนแต่เป็นรถ
มีหลายปีก่อนผมทะเลาะกับภรรยาเพราะว่าผมซื้อหุ้นแล้วขายขาดทุน
ขาดทุนสองหมื่นกว่าบาทครับ ผมบอกว่ามันเป็นวิธีเล่นหุ้นป้องกันเสียหาย
อย่างหนัก เพราะราคาหุ้นอาจตกไปเรื่อย ๆ แต่ภรรยาผมว่าหุ้นมีตกก็ต้องมีขึ้น
การทะเลาะกันวันนั้น ผมจึงซื้อหุ้นตัวนั้นคืน และทิ้งไว้ในพอร์ทเป็นปี
เพื่อให้ภรรยาผมเห็นว่า ถ้าทำอย่างนั้นมันจะขาดทุนถึง 600000 บาท ในปีเดียว
และ อาจจะขาดทุนอีกเรื่อย ๆ หุ้นตัวนั้นผมทำให้ภรรยาเห็นจากสลิปหุ้นประจำเดือน
ว่าขาดทุนถึงหกแสนบาท ยังดีมีตัวอื่นที่เธอไม่เข้ามายุ่งพอกลบลดขาดทุนน้อยลง
หลังจากนั้นภรรยาผมไม่เคยมายุ่ง นิสัยตัวจริงผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วครับ
เรืองหุ้นอีกเลย คอยแต่รับเงินอย่างเดียว
มาถึงวันนี้ผมยังจับหลักอะไรไม่เลย ตัวแปรเรื่องหุ้นจะขึ้นหรือลงมันเยอะมาก ๆ
อ่านบัญชีผมยังอ่านไม่ค่อยจะเป็นเลยครับ อาศัยสังหรณ์ใจเป็นส่วนมาก
จำได้หรือเปล่าครับว่า รัฐบาลจะเสนอมติกู้ 8 แสนล้าน ผมสังหรณ์ใจว่า
หุ้นต้องวิ่งแน่ ๆ และมติต้องผ่าน แน่ ๆ เพราะอะไรก็รู้กันอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกใคร
เพราะถ้าหุ้นตก เราก็ซวย ก็เลยแอบซื้อไว้เงียบคนเดียว ซื้อแบบเหงา ๆ
ขับรถผ่านประตูย่าโม เห็นป้าย stec ตอนนั้นรูดทะราดเหลือบาทเดียว
ตลาดเปิดก็ซื้อ ซือจนครบแผนของเรา ว่าเราจะซื้อแค่นี้
ทุกอย่างต้องมีแผนไว้เสมอครับ
เผื่อไว้ว่าเวลาเจ็ง จะกินอะไรดี ยอดกระถินจิ้มน้ำพริก หรือ มาม่าปลากระป๋อง
ไม่ได้คุยเรื่องปืนอัดลมเลย คุยแต่เรื่องหุ้น มันก็เป็นความรู้แบบหนึ่งเหมือนกัน
เล่นหุ้นดีว่าติดการพนัน ซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย ถ้าหุ้นตัวนั้นมีปันผลมากเช่น 6 เปอร์เซนต์ต่อไป
ก็เก็บไว้กินเงินปันผลก็ดีครับ มีอยู่ปีนึงผมไม่เคยขายหุ้นเลย แต่ได้เงินปันผล
เกือบแสนบาทครับ ที่น่าตลกคือตอนต้นปีผมซือหุ้นอสังหาตัวหนึ่ง ซื้อแค่ 15000 หุ้น
ราคาหุ้นละ 1.60 บาท ประมาณนี้จำไม่แม่น สองเดือนผ่านไปผมได้ปันผล 5000 บาท
งง หรือเปล่าครับ ความจริงหุ้นตัวนี้ราคาประมาณ 5 บาท แต่ราคามันตกลงไปมาก
ถ้ามันราคา 5 บาท ผมต้องใช้เงินเกือบแสน เพื่อซื้อหุ้นจำนวน 15000 หุ้น
แต่ต้นปีใช้เงินเพียง 15000 คุณ 1.6 บาท ก็เลยกลายเป็นว่าต้นทุนน้อยได้ปันผลมาก
หุ้นตัวนี้ผมขายหมูไปเรียบร้อยแล้วครับ ได้กำไรประมาณสองหมื่นกว่าบาท
ตอนราคามันพุ่งขึ้นไปเกือบห้าบาทแล้ว
คิดว่าคุยฆ่าเวลารอปืนมาก็แล้วกันนะครับ