ท่านหายไปไหนมาละครับ พวกตามหากันให้ควัก เห็นหายไปตั้แต่ดึก แต่ดื่น กะว่าจะไปแจ้งความว่า ผู้สูงวัยได้หายออกจากบ้าน ระหว่างออกไปกินข้าวต้ม มีผู้เห็นครั้งสุดท้าย คือ ท่านโคมัสสุ เป็นพยานได้ ถ้าผู้ไดพบเห็นให้แจ้งด้วยว่า ทางบ้านให้อภัยแล้วรีบกลับบ้ายด่วนเลยครับ
นั่นหน่ะสิครับ แถมยังโวยวายกลบเกลื่อนอีกต่างหาก
หายไปตั้งสองวันหนึ่งคืน นึกว่าจะมีอะไรดีๆมาเล่า
ที่ไหนได้ตอบมาไม่กี่บรรทัด น่าน้อยใจจริง
ว่าแต่พี่สิทธาวิ่งกลับบ้าน 2 กม. จริงเหรอครับ
จริงครับ ผมก็พาพุงน้อย ๆ ของผมวิ่งกลับบ้านระยะราว 2 กม.
เรื่องของเรื่องก็คือ ผมเอารถไปเช็คศูนย์ตอนเช้าวันเสาร์
เพื่อจะได้ขับทางไกลไปราชบุรีในปลายเดือน ก็นัดภรรยาว่า
ให้ภรรยาขับรถไปรับที่ศูนย์ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าภรรยากำลังนอนหลับสบาย
มีลูกหลับอยู่ข้าง ๆ ก็เลยขับไปคนเดียวใส่ชุดวิ่งไปด้วย
กระเป๋าตังค์ไม่ต้อง เหน็บใบขับขี่ไปกับการ์ดประจำรถอีกใบ
ก็วิ่งกลับตัวเปล่าครับ ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ๆ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ถึงตาย
เพราะถ้าเหนื่อยมากมากแล้วเราผืนต่อไปหากร่างกายไม่ไหว
มันจะปิดสวิทช์ป้องกันตัวเองครับ หลับไม่นานเดี๋ยวก็ฟื้นเองครับ
ผมก็คิดว่าอย่างมากก็แค่สลบ ก็เลยฝืนสังขารจนถึงปากซอยบ้านก็เดินต่อ
จนถึงบ้าน หมดแรงครับ ไม่ได้วิ่งมาหลายปี
ทุกครั้งผมจะใส่เสือภูเขาท้ายรถไปด้วยครับ แต่เช้าวันนั้นหยักไหย่เต็มไปหมด
คิดว่าถ้าทำความสะอาดคงจะได้เห็นศูนย์รถตอนเที่ยงแน่ ๆ ก็เลยใช้วิธีวิ่ง
เป็นธรรมชาติดีครับ วิ่งไปฟังลมหายใจเราเองหอบไปก็เพลินดี เหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง
(นั้น นั้น เอาอีกแล้ว อย่าต่อนะ)