รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 บัญญัติไว้อย่างนี้ครับ
มาตรา ๓๙ บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่
ในเวลาที่กระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนัก
กว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดมิได้
และประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่า
มาตรา ๒ บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่
ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิด
นั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
ความหมายก็อย่างที่ท่านผู้รู้ทางกฎหมายหลายท่านได้ให้คำอธิบายไว้แล้วครับ คือ
การที่บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดและมีโทษสำหรับความผิดนั้น
ในข้อหาที่พนักงานสอบสวนพยายามตั้งในกรณีนี้คือการมีกระสุนไว้ในครอบครองเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มิได้กำหนดจำนวนของการครอบครองกระสุนปืนในขนาดที่ใช้กับปืนที่ได้รับอนุญาต( ป.4) ไว้ ดังนั้น จึงการครอบครองในกรณีดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดและไม่มีโทษสำหรับกรณีดังกล่าว
ปัญหาก็คือว่า ผู้ใช้อาวุธปืนสักกี่รายที่รู้ในข้อกฎหมายดังกล่าว แม้แต่นักกฎหมายที่ไม่เคยอ่าน พ.ร.บ.อาวุธปืน หรือศึกษาโดยละเอียดก็ไม่อาจทราบได้โดยครบถ้วน
ผมว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเราที่ใช้อาวุธปืนทั้งหลายที่จะศึกษาข้อกฎหมายดังกล่าวไว้ให้ดี เพื่อเอาไว้โต้แย้งกับเจ้าหน้าที่เมื่อมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นซึ่งความรู้ของผู้รู้ทั้งหลายที่ได้ใน WEB นี้เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมสำหรับพวกเรา รวมทั้งกระผมด้วย ซึ่งในบางครั้งก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน
คือผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับ ปัญหาอยู่ที่ผู้ที่เป็นคนบังคับใช้กฏหมายไม่มีความรู้ในเรื่องที่เป็นที่เป็นความรู้ในการทำในสายงานของตนเพียงพอมาทำงาน หรือ รู้แล้วอาศัยความไม่รู้ของคนอื่นเอามาเป็นข้ออ้าง
ในการต่อรองหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง (เคยเห็นบ่อย ๆ สำหรับคนเลว ๆ )
หมายเหตุ ตำรวจทั้งประเทศมีเป็นแสน ๆ ก็คงมีคนไม่ดีบ้าง ท่านเสรีฯ ท่านว่าไว้