จากข่าวคนยิงก็ป่วย เข้าโรงพยาบาล เรื่องนี้มีสาเหตุกันมานาน ทางกลุ่มผู้ตายก็ไม่เคยคิดกลัวหรือเกรงใจ
ถ้าเป็นความจริงตามเนื้อข่าว กลุ่มผู้ตายเหมือนเอาระเบิดวางใว้ข้างๆตัวเอง
http://www.komchadluek.net/index.phpเสียงดังจากวงสุรานานนม บ่มเพาะให้หนุ่มใหญ่ขี้รำคาญข้างบ้าน ก่อเหตุฆาตกรรมหมู่ 8 ศพ อย่างสยดสยอง
ชีวิตและเลือดเนื้อของคน 8 คน ที่สูญเสียไปจากความพลั้งเผลอสติยั้งคิดของหนุ่มใหญ่ข้างบ้าน ซึ่งบ่มเพาะความอัดอั้นรำคาญมานาน จนท้ายที่สุดก็ระเบิดออกมาด้วยการก่ออาชญากรรม ที่ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย แม้แต่ตัวของเขาเอง !?!
"วีนัส ชูกำเนิน" อายุ 52 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 70/6 หมู่ 7 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มานาน จนเรียกได้ว่าเป็นคนในพื้นที่ จู่ๆ ต้นเดือนตุลาคม 2550 ก็มีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ อาจจะเป็นเพราะสังคมไทยปัจจุบันขาดความเกื้อกูลซึ่งกันและกัน หรือด้วยนิสัยที่ต่างกันของสองวัฒนธรรม ยังผลให้ผู้มาใหม่กับคนที่อยู่เก่าก่อนเกิดขัดแย้งกัน จนยากจะลงรอย กลายเป็นความโศกสลดอีกบทหนึ่ง
"ตรีรัตน์ โชโต" อายุ 27 ปี นักดนตรีหนุ่มผู้มาใหม่ มีเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาเฉกเช่นศิลปินพึงมีและคบหา บ้านเลขที่ 70/4 หมู่ 7 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยือนและสังสรรค์ ทั้งในฐานะบ้านเพื่อนและห้องอัดเสียง ซึ่ง พญ.สุธาทิพย์ ธรรมชาติ อายุ 35 ปี ผู้อำนวยการ รพ.นาหม่อม จ.สงขลา ลงทุนตกแต่งเอาไว้ให้แฟนหนุ่มรุ่นน้องตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน
การสังสรรค์ดื่มกินสุราและซ้อมดนตรี บังเกิดเสียงดังจนเป็นที่รำคาญของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนบ้านข้างเคียงอย่าง "วีนัส" หรือที่ใครๆ ก็เรียกว่า "หลวง" หลายครั้งมาแล้วที่เจ้าของพื้นที่อดรนทนไม่ได้ เข้ามาขอร้องให้ช่วยเบาเสียงลง แต่แทนที่ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี กาลกลับกลายเป็นตรงกันข้าม
จากความรำคาญกลายเป็นความบาดหมางและขัดแย้งรุนแรงขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันยามที่มีงานสังสรรค์ พญ.สุธาทิพย์เองก็ตระหนักในความไม่ลงรอยนี้ดี จึงสร้างกำแพงคั่นกลางระหว่างบ้านของเธอกับหลวง หวังว่ากำแพงอิฐจะช่วยให้เสียงแผ่วลงบ้าง แต่จะมีสิ่งใดสามารถกางกั้นอำนาจเสียงในสถานที่เปิดโล่งเช่นนั้นได้
เพียงไม่กี่เดือนที่ตรีรัตน์ย้ายเข้ามา ก็มีปากเสียงทะเลาะกับหลวงมาหลายครั้งหลายคราจากเรื่องเดิมๆ กระทั่งล่วงเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ บ้านของนักดนตรีหนุ่มก็มีงานเลี้ยงฉลองด้วยเช่นเดียวกัน แล้วศึกวิวาทะก็เกิดขึ้นอีกอย่างที่รู้ๆ กัน แต่ก็ไม่มีเรื่องราวรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 มกราคม ก่อนจะตามมาอีกครั้งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา วันที่ความขัดแย้งได้มาถึงจุดปริร้าวรุนแรง
หลวงระเบิดอารมณ์ขุ่นมัวออกมาด้วยการใช้ปืนจ่อศีรษะของตรีรัตน์ ก่อนจะสำทับขู่เข็ญไม่ให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
"ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกก็ต้องฆ่ากัน !"
ไม่มีใครรู้ว่า นั่นไม่ใช่แค่คำขู่ให้เกรงกลัว ยกเว้นแต่หลวงคนเดียวเท่านั้น !!!
กลางดึกวันที่ 2 มีนาคม ตรีรัตน์ กับ พญ.สุธาทิพย์ เชิญเพื่อนๆ มาร่วมสังสรรค์กันอย่างที่เคยทำมา ปวราห์ เจริญสวัสดิ์ อายุ 24 ปี มาพร้อมกับ รำไพพรรณ แก้วมณี แฟนสาว อายุ 25 ปี ขณะที่ ศราวุธ ลีลาวุฒิประเสริฐ อายุ 28 ปี มาพร้อมกับแฟนสาว อรเพ็ญ จารุวรรณเสวีย์ อายุ 27 ปี และเรืองทิตย์ แตงเกษม อายุ 27 ปี มากับแฟนสาวคนหนึ่ง
ทั้งหมดนั่งดื่มกินสุรากันอยู่ที่ศาลาหลังบ้าน ก่อนที่ บุญทิพย์ เดสโร อายุ 43 ปี จะเดินเข้ามาหา พญ.สุธาทิพย์ เพื่อบอกเรื่องลูกสะใภ้ขับรถเฉี่ยวชนชาวบ้าน ในฐานะเจ้าของบ้านตรีรัตน์จึงชวนให้อยู่ดื่มกินสุราด้วยกัน
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าวงสุราค่ำคืนนั้นจะส่งเสียงดังขนาดไหน จะดังถึงขนาดไปรบกวนความสุขสงบในค่ำคืนที่สงบสุขหรือไม่ แต่ก็ดังพอจะปลุกอารมณ์โกรธขึ้งและปีศาจในตัวของหลวงให้ออกมากระทำในสิ่งที่หลายคนไม่นึกฝันว่าจะเกิดขึ้นได้
ขณะที่เรื่องราวและการสังสรรค์ดำเนินไป แฟนสาวของเรืองทิตย์ขอตัวออกไปซื้อบุหรี่ นั่นช่วยให้เธอชีวิตรอด และเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุฆาตกรรมหมู่ 8 ศพ ด้วยหลวงที่พกพาเอาความโกรธแค้นติดตัวมาระบายกับวงสุราในศาลาหลังบ้านพักของนักดนตรีหนุ่ม
เสียงปืนที่ดังระรัวหลายสิบนัดฝ่าความมืดแห่งราตรีกาล เรียกให้แฟนสาวของเรืองทิตย์หันกลับไปมองดูต้นเสียง ซึ่งก็คือศาลาที่แฟนหนุ่มและเพื่อนๆ นั่งดื่มกินกันอยู่และเธอเพิ่งจากมาได้ไม่นานนั่นเอง
หลังจากเสียงปืนเงียบลง หญิงสาวตรงเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนๆ โดยมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงที่ตกใจตื่นขึ้นมารับรู้กับข่าวเศร้า นำรถกระบะมาช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บ 3 คน ส่งโรงพยาบาล แต่ก็ยังช้าไป ทั้งสามทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตายตามเพื่อนๆ อีก 5 คนไป
"ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมนายวีนัส หรือหลวง จากการสอบสวนบรรดาญาติของนายหลวงทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายหลวงไม่สบาย อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เลยไม่รู้ว่านายหลวงกลับมาก่อเหตุได้อย่างไร และเอาปืนจากไหนมาก่อเหตุ" พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว.สงขลา กล่าวกับ "คม ชัด ลึก"
สังคมไทยที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยหายไปไหน แม้แต่บ้านใกล้เรือนเคียงก็หามิตรไมตรีไม่เจอเสียแล้ว เหมือนกับสงครามวิวาทะของตรีรัตน์กับหลวง ที่บ่มเพาะมานาน จนกลายเป็นที่มาของอาชญากรรมสยองอีกบทของเมืองหาดใหญ่