เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 01, 2024, 01:14:54 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 27
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำรวจยิง สห. ดับ หน้าแฟลต บก.สูงสูดประชาชี่น.  (อ่าน 59050 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #90 เมื่อ: มีนาคม 12, 2008, 10:58:52 PM »

เพิ่มเติมจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ตอน 16.05 อย่างที่บอกงานนี้ยาวแน่

ตำรวจประชาชื่น เปลี่ยนท่าที คุมตัว 2 ตำรวจ ฆ่า และพยายามฆ่า ทหาร ฝากขังศาลอาญา ผลัดแรก แต่ไม่คัดค้านการประกันตัว อ้างเหตุผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ข่มขู่พยานแต่อย่างใด ขณะที่พยานผู้เห็นเหตุการณ์ เผยนาทีโหด แฉคนยิงพูดใครช่วยจะยิงให้ตาย
      
       วันนี้(12 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ ป.ช่วยงานฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ตลาดนัดหน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนริมคลองประปาประชาชื่น แขวงและเขตจตุจักร กทม.เมื่อเวลา 18.00 น.ของเมื่อวานที่ผ่านมา ว่าเมื่อเวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้จ้องหาฐานฆ่าคนตายโดยอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานพยายามปฏิบัติหน้าที่ และจ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์ ผบ.หมู่ ป.ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ผู้ต้องหาฐานพยายามฆ่า มาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง
      
       โดย พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด รอง ผกก.สส. สน.ประชาชื่น กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอฝากขัง โดยไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ข่มขู่พยานแต่อย่างใด เบื้องต้นทั้งสองให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งจะต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติ่มอีก 10 ปากและรอตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาและพยานวัตถุ โดยมีกำหนดฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 51
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาที่ศาลอาญาได้ใช้เสื้อคลุมหน้าผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างมิดชิดและรีบนำเข้าห้องส่งตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว
      
       ด้าน ร.ต.พิเชษฐ์ พิมพ์ทอง สารวัตรทหาร สังกัดกรมยุทธการบริการทหาร พยานคนสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ปกติหน้าแฟลตทหารจะมีตลาดนัดทุกวันอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ โดยมีแม่ค้าทั่วไปและแม่บ้านทหารนำสินค้ามาวางขายจำนวนมาก แต่ช่วงเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเข้ามาจับกุมแผงค้าซีดีในตลาดนัด พร้อมพูดจาข่มขู่ด้วยการเอะอะโวยวายเสียงดัง และใช้ความรุนแรง มีการกระชากตัวคนขายใส่กุญแจมือ ก่อนกดตัวลงกับพื้น และใช้เท้าเหยียบหลัง เมื่อ ส.ต.ชัยวุฒิ และ จ.ส.อ. วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เห็นเข้าก็เกิดความไม่พอใจ
      
       จึงเดินเข้าไปสอบถามว่า ทำไมต้องใช้ความรุนแรงเป็นตำรวจจริงหรือไม่ พร้อมขอดูบัตร จากนั้น ส.ต.อ.ประสาท ไม่ได้พูดอะไรพร้อมเปิดเสื้อขึ้นให้ดูปืนที่พกอยู่ที่เอว และบอกว่า "มึงไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง" จากนั้นเห็นทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันจนเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ตนจึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นนายทหารยศ ร.ต. และบอกกับลูกน้องว่าตำรวจสองคนนี้มาทำงาน อย่าไปยุ่ง ถ้าอยากจับใครก็ให้จับไป จากนั้นทั้งหมดได้แยกย้ายกันไป
      
       “หลังแยกย้าย ชัยวุฒิเดินไปซื้อหมูปิ้งแล้วเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์เตรียมขี่กลับบ้าน ระหว่างที่คร่อมรถก็หยิบหมูปิ้งมากิน ช่วงนั้นผมเห็นตำรวจชื่อประสาท กำลังขึ้นลำปืนเลยตะโกนบอกให้ชัยวุฒิหลบ แต่ไม่ทันขาดคำมันก็จ่อปืนยิงเข้าที่หน้าอกจนชัยวุฒิ ล้มลงคารถมอ เตอร์ไซด์ ช่วงนั้น จ่าวิชิต วิ่งเข้าไปช่วยก็ถูกตำรวจอีกคนจับใส่กุญแจมือ ผมเห็นเลยเดินเข้าไปบอกให้ใจเย็นๆ ก่อน แต่มันไม่ฟัง หันปืนมาที่ผม พูดว่า มึงไม่เกี่ยว ถ้าเข้ามากูจะยิงมึงอีกคน ตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นชัยวุฒิ นอนร้องตะโกนให้ผมช่วย บอกว่า ผมเจ็บ ๆ ๆ ผมถูกปืนจ่อเลยเข้าไปช่วยไม่ได้ จนชัยวุฒินอนแน่นิ่งไป“ ร.ต.พิเชษฐ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
      
       นอกจากนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่งระบุว่า ได้ออกจากบ้านไปซื้อของที่ตลาดนัดดังกล่าว โดยได้ยืนอยู่แถวสะพาน จากนั้นเห็น ตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปจับกุมแผงขายซีดี จึงได้ชะโงกหน้าไปดู โดยมีทหาร 2 คนตามไปดูด้วย จากนั้นไม่ได้สนใจอะไร แต่ต่อมาไม่นาน เห็นทหารอีกคนโวยวายว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ มาจับซีดี แต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว
      
       "สักพัก ผมเห็นผู้ตาย(ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี) เดินไปขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ที่จอดหันหน้าไปติดคลอง ขณะนั้นเห็นมีคนใส่หมวก (ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา มือปืน)วิ่งถืออาวุธปืนตามผู้ตายมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตาย ได้ดันรถจักรยานยนต์ถอยหลัง พร้อมกับหันกลับรถไปพอดี ก็เห็นคนยิง มาทราบตอนหลังว่าเป็นตำรวจ ยิงเข้าใส่ผู้ตาย 1 นัด ผมยังได้ยินผู้ตายร้องโอ้ยคำเดียว แล้วหงายหลังล้มลงพร้อมรถไปกองอยู่ที่พื้น ขณะนั้น ผู้ที่เห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ตำรวจคนยิงส่ายกระบอกปืนไปมา พร้อมประกาศห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว และช่วยเหลือ ขณะที่เพื่อนของตำรวจอีกคน(จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองธรรมพิทักษ์พงศ์) วิ่งตามเพื่อนของผู้ตาย (จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง)ไป ก่อนจะเข้าชาร์จ จากนั้นใช้อาวุธปืนจ่อเข้าที่หน้าอก พร้อมกับกดหัวลง และให้ตำรวจสายตรวจมารับตัวไปภายหลัง ผมยังเห็นเขาบังคับไม่ให้ผู้ตายลุกขึ้นมา ทั้งที่ยังไม่เสียชีวิต ก่อนที่จะใช้มือดึงอาวุธปืนผู้ตายออกจากเอว แล้วใช้เท้าเขี่ยต่อ โดยกว่ารถพยาบาลหรือรถมูลนิธิจะมาถึง ขณะนั้นกินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจากบริเวณจุดเกิดเหตุ ไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สาขาประชาชื่นนั้น ระยะทางไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร หากคนยิงจะให้นำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาล อาจจะไม่เสียชีวิตก็เป็นได้"ผู้เห็นเหตุการณ์รายนี้กล่าว


ข้างบนนี้เอามาจากนี้ครับ... http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000030420

อ่านรายละเอียดแล้วนายสมชายเชื่อว่าผู้หมวดคนนี้พูดจริงครับ... เมื่อเสียงปืนดังขึ้นแล้ว มันจะเป็นอย่างนี้แหละครับ คือไม่รู้ว่าเกิดอะไร... เห็นคนนอนอยู่กับปืนก็ไม่รู้ว่าโดนตรงไหน เจ็บแค่ไหน ตะโกนถามกันเซ็งแซ่แบบนี้แหละครับ... ผู้หมวดคนนี้ใจเย็นมาก หรือไม่ก็ไม่มีปืน...

เพราะตามท้องเรื่องที่ผู้หมวดไปเคลียร์เรื่อง ก็ยังไม่เห็นว่าได้ตรวจสอบกับต้นสังกัดว่าเป็นตำรวจจริงหรือปลอม... โดยที่ขั้นตอนปรกติทุกแห่ง หากใครมาเปิดชายเสื้อโชว์ปืนในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง... ต้องขอปลดอาวุธ แล้วโทรศัพท์ตรวจสอบต้นสังกัดครับ... หากไม่ยอมให้ตรวจสอบคงโดนคุมตัว ขัดขืนคงโดนมัด หรือหากดิ้นมาก มัดยาก เป็นอันตราย... จะโดนหวดด้วยพานท้ายปืนให้หยุดดิ้น... เวลายังไม่เกิดเรื่องแล้วใครทำแบบนี้มักมองว่าโหดไป แต่พอเกิดเรื่อง มีคนตายแล้วมักเสียดาย... ที่ไม่ได้ทำ...

นี่ยังดีที่อยู่ที่หน้าแฟลตทหาร หากเป็นที่อื่นเช่นสถานที่ท่องเที่ยวต่างคนต่างมา เช่นตามชายหาดที่นั่งวงกินเหล้าข้างถนนใกล้ที่จอดรถ... มีโป้งแรกเมื่อไหร่ จะมีคนอื่นยิงดับไฟฟ้าจนมืด แล้วก็ไม่รู้ใครเป็นใคร แผล็บเดียวมีแต่แสงไฟหน้ารถวิ่งออกจากที่เกิดเหตุครับ...




***********************************************************************************************

นายสมชายแก้ไขข้างบน(ตัวแดง)ครับ... ว่าไม่ต้องปลดอาวุธฯ เพราะไม่ใช่พื้นที่ ที่ตำรวจต้องขออนุญาตเข้ามาปฏิบัติงาน... ทั้งนี้ตามข้อความให้สัมภาษณ์ของท่านเจ้ากรมฯ...ที่นายสมชายยกมาจากนี่ครับ...  http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000030579

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แสดงความมั่นใจ ตำรวจยิงทหารเสียชีวิต จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สั่งนายทหารพระธรรมนูญติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ขณะที่ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ระบุ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ยิงคนกลางตลาด ขณะที่ตำรวจทำคำร้องฝากขัง ถูกทหารท้าทาย และโชว์ปืนใส่ก่อน พร้อมใช้ตำแหน่งตั้งแต่ ผกก.รอง ผกก.ขอประกันตัว แต่ศาลไม่เชื่อ ระบุ ไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว
       
       วันนี้ (12 มี.ค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี ทหารสังกัดกองพันสารวัตรทหารบก กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ยิงเสียชีวิต ว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ทางเจ้ากรมยุทธบริการทหาร ไปติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า ส.ต.ชัยวุฒิ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต ส่วนรายละเอียดต้องว่ากันอีกครั้ง ทั้งนี้ คงไม่จะเกิดเหตุบานปลายกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างทหารกับตำรวจ เพราะคุยกันรู้เรื่องไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งตนได้ให้กรมพระธรรมนูญของ บก.ทหารสูงสุด ไปติดตามดูรายละเอียดเรื่องนี้ด้วย
       
       ด้าน พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ผู้บังคับบัญชา ส.ต.ชัยวุฒิ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ซึ่งตนในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้ปรึกษากับนายทหารฝ่าย เสธ.ของกรมยุทธบริการทหาร เห็นตรงกันว่า ตำรวจทำเกินเหตุมากไป ใช้อาวุธปืนยิงคนในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และไม่น่าจะกระทำ อย่างน้อยควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจน่าจะลงมาดูว่า การใช้อาวุธน่าจะมีหลักการมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ และควรปรับปรุงมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง เพราะหากเกิดกับประชาชนคนธรรมดาจะรู้สึกอย่างไร อยากเรียกร้องให้ตำรวจพิจารณาในสิ่งเหล่านี้ด้วย
       
       พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเรียกลูกน้องที่เห็นเหตุการณ์มาสอบถามได้ความว่า ส.ต.ชัยวุฒิ ที่เสียชีวิต ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการขายซีดีแต่อย่างใด แต่ขณะที่ไปซื้อของที่ตลาดพบเห็นบุคคลแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจเข้าไปจับกุมพ่อค้าขายซีดี และได้กระทำรุนแรงกับพ่อค้า ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นการรังแกประชาชน และไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ เพราะแต่งตัวคล้ายตำรวจปลอม จึงเข้าไปตักเตือน และเกิดปากเสียงกันขึ้น โดยมีประชาชนและตำรวจนอกเครื่องแบบห้ามปรามจึงยุติ แต่ขณะเดียวกัน ลูกน้องตนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเห็น ส.ต.ชัยวุฒิ ซื้อข้าวเหนียวหมู่ย่าง และกำลังจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลับ ปรากฏว่า ตำรวจได้ควักปืนจากเอวมายิงจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจ
       
       “ตำรวจยิงง่ายเกินไป ไม่น่าถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วยการใช้อาวุธ ดังนั้น เรื่องนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่า เรื่องจะจบไปตามกระบวนการทางกฎหมายเอง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สอบถามจากหลายๆ คน มีความน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุไป ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว และผู้บังคับบัญชา โดยท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ทราบเรื่อง และได้กำชับมาแล้วด้วยเช่นกัน” พล.ท.สมหมาย กล่าว
       
       พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้การสอบสวนอย่างเป็นธรรม อย่าบิดเบือน ตนไม่เรียกร้องอะไรมาก แต่อยากเห็นความเป็นธรรมขึ้น ไม่อยากให้เกิดเรื่องบานปลาย เพราะลูกน้องตนเสียชีวิตเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเสียใจ และขณะนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบเดินเกลื่อนอยู่บริเวณดังกล่าว ไม่รู้ใครเป็นใคร เพราะมีตำรวจปลอมที่มีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ประชาชนตกเป็นข่าวบ่อยครั้ง อยากให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจเอาใจใส่มากกว่านี้
       
       เจ้ากรมยุทธบริการทหาร กล่าวอีกว่า นายทหารพระธรรมนูญ ได้รายงานให้ทราบว่า ตำรวจไปขออำนาจศาลฝากขัง ส.ต.อ.ประสาท แล้ว ส่วนจะให้ฝากขังหรือไม่ขึ้นอยู่กับศาล แต่ถ้าฝากขังและตำรวจขอประกันตัว ก็เป็นเรื่องของสิทธิผู้ต้องหา แต่เราเตรียมยื่นขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และทำเกินกว่าเหตุไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้สะเทือนขวัญ และกำลังใจของกำลังพล
       
       เมื่อถามว่า จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกน้องอย่างไร ในเมื่อทางตำรวจทำเกินกว่าเหตุ พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า ผบ.ทหารสูงสุด ให้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาเต็มที่ ขณะนี้ได้ให้นายทหารพระธรรมนูญจากกรมยุทธบริการทหารไปติดตามเรื่องนี้โดยตรงถึง 2 คน ทั้งนี้ ได้เรียนไปทางผู้ใหญ่ของตำรวจว่า คดีนี้ช่วยกรุณาสั่งกำชับให้ความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรมว่าไปตามข้อเท็จจริง เพราะหากไม่ว่าไปตามข้อเท็จจริง จะเกิดปัญหาบานปลาย
       
       พล.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า จากการที่เข้าไปในที่เกิดเหตุ และเรียกลูกน้องมาสอบถามทุกคนก็ให้การตรงกัน และเหตุการณ์เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ และทุกคนก็พูดตรงกัน และอีกอย่างหนึ่ง เชื่อในความเป็นทหารของพวกตน ว่า พูดความจริงไม่มีการแต่งเติม สรุปคือมีความรู้สึกว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เพราะไม่น่าถึงขั้นต้องใช้อาวุธ และอีกอย่างหนึ่งตำรวจใช้อาวุธในที่กลางตลาด และมีคนอื่นอีกเยอะ ในความรู้สึกของตนถือว่าตำรวจไม่ใช้วิจารณญาณในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจน่าจะใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้ คิดว่าวิจารณญาณต่ำไปหน่อย สมมติว่า ถ้ายิงลูกน้องตนไม่ถูก ก็จะต้องไปถูกประชาชนคนอื่น เพราะอยู่ในตลาด ดังนั้น การเป็นตำรวจเมื่อใช้อาวุธจะต้องมีวิจารณญาณ หรือสติสัมปชัญญะสูงกว่านี้เยอะ
       
       “ลูกน้องผมเป็นสารวัตรทหาร และในที่เกิดขึ้นก็อยู่บริเวณบ้านพักของทหาร บก.ทหารสูงสุด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่แล้ว ก็อยู่ในพื้นที่ แต่วันนั้นได้เลิกงานแล้วก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องซีดี และไม่รู้จักกับตำรวจผู้ยิง ไม่ได้มีความแค้นเคืองกัน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เลย ขณะนี้ไม่อยากให้เกิดปัญหาบานปลาย แต่ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องของผมอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ผกก.สน.ประชาชื่น คุยกัน และพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขณะนี้ ทางผู้ใหญ่ก็คุยกันอยู่ แต่ทางทหารยืนยันว่า จะต้องให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเราถูกกระทำจนเสียชีวิต” พล.ท.สมหมาย กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การเข้าไปจับกุม หรือตรวจค้นบริเวณดังกล่าว จำเป็นจะต้องขออนุญาตฝ่ายทหารหรือไม่ พล.ท.สมหมาย กล่าวว่า ในจุดที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณด้านหน้า ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจค้นก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนไม่ได้สนใจอะไร สนใจแต่เพียงลูกน้องตนถูกกระทำจนขั้นเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องซีดีอะไรเลย ที่ผ่านมา สารวัตรทหารก็ช่วยงานตำรวจเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดมาตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่รู้ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงแบบนี้ เพราะเราก็ร่วมมือกับ สน.ประชาชื่น มาตลอด
       
       วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ประกอบด้วย ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น โดยอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัว และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาฝากขังต่อศาลอาญา โดยทั้งสองคนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น
       
       ในคำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2551 เวลา 17.30 น.ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองคน ออกตรวจท้องที่พบ นายประมาณ เนียมเผือก จำหน่ายแผ่นซีดี โดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณแผงลอยริมถนนเลียบคลองประปา ใกล้แฟลต บก.สส.แขวงจตุจักร กทม.จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี ระหว่างจับกุม มี.ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เข้าไปสอบถาม และ ส.ต.ชัยวุฒิ ได้พูดท้าทาย พร้อมกับเปิดชายเสื้อด้านขวาให้เห็นอาวุธปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอว ก่อนจะเดินจากไป และเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองจับกุมนายประมาณเสร็จ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสนับสนุน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เห็น ส.ต.ชัยวุฒิ ขี่รถจักรยานยานยนต์ออกมา จึงเรียกให้หยุดแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ ส.ต.ชัยวุฒิ ชักอาวุธปืนออกจากเอว ผู้ต้องหาที่ 1 จึงชักปืนออกมายิง เพื่อยับยั้งและป้องกันเหตุ 1 นัด จน ส.ต.ชัยวุฒิ เสียชีวิตขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่สองได้ใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะและลำตัวของ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลางและใส่กุญแจมือ เพื่อป้องกันเหตุร้าย
       
       ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
       
       พนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่า เป็นคดีที่อัตราโทษสูง ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนผู้ตายและผู้ถูกกล่าวหา เป็นทหาร และการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รวมทั้งรอผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุ จากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วันตั้งแต่วันที่ 12-23 มี.ค.นี้
       
       ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน
       
       ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
       
       ต่อมา พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น และ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น ได้ใช้ตำแหน่งตีมูลค่ารวม 565,300 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 ขณะเดียวกันพ.ต.ท.ถวัลย์ พวกเกษม รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่นใช้ตำแหน่งตีมูลค่า 319,600 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 2
       
       ศาลโดย นายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิเคราะห์สำนวนสอบสวนที่เลขานุการศาลอาญาประสานมาจากพนักงานสอบสวน จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ถ้อยคำทำนองเดียวกันว่า ขณะผู้ต้องหาเข้าจับกุมผู้ค้าแผงลอย มีการยื้อยุดฉุดกระชากผู้ค้า ผู้ตายจึงเข้าไปสอบถาม ผู้ต้องหาเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนแล้ว บอกว่า เป็นตำรวจ ผู้ตายจึงเดินกลับไป บริเวณปากทางเข้าแฟลต จากนั้นประมาณ 10 นาที จึงเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์และกำลังถอยรถจักรยานยนต์ จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เข้าไปยิงผู้ตายจนล้มลงทั้งรถจักรยานยนต์ ขณะที่มือผู้ตายอีกมือหนึ่ง ยังถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพื่อนผู้ตายเข้ามาจะนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ส่วนอาวุธปืนของผู้ตาย ผู้ต้องหาก็เป็นผู้หยิบออกจากเอวของผู้ตาย หลังจากที่ถูกยิงแล้ว ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำต่อผู้ตาย โดยที่ผู้ตายไม่ได้ทันระวังตัว และไม่มีการแสดงท่าทางข่มขู่หรือขัดขวาง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำโดยอุกอาจ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก โดยที่ผู้ตายไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาตามที่ระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งเมื่อเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของผู้ตายจะพาตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ดังนั้น หากปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว พร้อมสั่งคืนหลักทรัพย์
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2008, 07:53:38 AM โดย นายสมชาย(ฮา) » บันทึกการเข้า
GLOCK 45
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 287
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2267



« ตอบ #91 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:10:33 AM »

  สงสัย ประเดิมปืนโครงการฯกรมการปกครอง   แหงๆ   จำได้ว่า.... ถ้าปืนถูก คนก็จะไม่รู้คุณค่าเท่า(ปืน)ที่หามายากและแพงครับ  ปล** ข้อคิดเล็กๆน้อยๆ  ถ้าปืนหาง่าย ราคาถูก ก็จะใช้ง่าย  ถ้าปืนหายากและราคาแพง ก็จะถนุถนอมอย่างดี

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปืนถูกหรือปืนแพงหรอกครับ มันอยู่ที่คนถือปืนมากกว่าว่า จะมีจิตสำนึกของความเป็นคนมากขนาดไหน ปืนผมก็ถูก (สวัสดิการ) แต่ก็ใช้แบบถนอมทุกกระบอกที่มี Wink
บันทึกการเข้า
SOAP47 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5792



« ตอบ #92 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:13:07 AM »

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปืนถูกหรือปืนแพงหรอกครับ มันอยู่ที่คนถือปืนมากกว่าว่า จะมีจิตสำนึกของความเป็นคนมากขนาดไหน ปืนผมก็ถูก (สวัสดิการ) แต่ก็ใช้แบบถนอมทุกกระบอกที่มี

ถูกต้องครับพี่ +1
บันทึกการเข้า

THIS IS MY STEYR.
THERE ARE MANY LIKE IT, BUT THIS ONE IS MINE.
WITHOUT MY STEYR,I AM NOTHING.
WITHOUT ME, MY STEYR IS NOTHING.
J_D
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 952



« ตอบ #93 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:18:28 AM »

เป็นคนไทยนี่ก็เหนื่อยนะ
บันทึกการเข้า




ชาติ         = บึง
คนในชาติ = ปลาในบึง

ปลามาแล้วก็ไปแต่บึงอยู่มาก่อนและต้องอยู่ต่อไป  บึงสำคัญกับปลาทุกตัวและสำคัญกว่าปลาทุกตัว  อย่างเอาแต่กินแล้วก็ขี้ใส่บึงอย่างเดียว
yotinpen
Sr. Member
****

คะแนน 17
ออฟไลน์

กระทู้: 888


« ตอบ #94 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:32:49 AM »

ผมว่า ผู้ที่จะพกปืนจะต้องมีวุฒิภาวะที่สูงจริง ๆ ครับ
บันทึกการเข้า
ARMSCOR
Sr. Member
****

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 590


« ตอบ #95 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:45:31 AM »

ผมว่า ผู้ที่จะพกปืนจะต้องมีวุฒิภาวะที่สูงจริง ๆ ครับ
  สาเหตุที่เขากล้ายิงเพราะเขาเป็นตำรวจและคิดว่ามีผู้บังคับบัญชาคอยช่วยเขาอยู่  ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นตำรวจพกปืนก็คงไม่กล้าทำเช่นนี้  แต่คำร้องขอฝากขังแบบแปลกๆของพนักงานสอบสวนอาจทำให้ฝ่ายทหารขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนก็ได้
บันทึกการเข้า
Cougar Team
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23


« ตอบ #96 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 12:52:51 AM »

ขอไว้อาลัยแก่ผู้สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย  ชีวิต ครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก-เมีย-ญาติพี่น้อง-อนาคต และอีกมากมาย...เพราะการตัดสินใจเร็วเกินไป
บันทึกการเข้า

ไม่มีแฟน ทำแทนก็ได้
ThaiLoei
KU 53 /EE
Sr. Member
****

คะแนน 43
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 708


อันตรายที่สุด คือ ความคาดหวัง


เว็บไซต์
« ตอบ #97 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 03:46:10 AM »

 Grinตกลง ศาลมิให้ประกันตัว   เยี่ยมถูกต้องไหม ครับ
บันทึกการเข้า

แผ่นดิน...มันยังไหว......กรู.......ก็ต้องไหวสิว่ะ......สู้โว้ย...T_T
kamikaze_13
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 24
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 210


« ตอบ #98 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 05:33:39 AM »

ว่าแต่ทหารพี่ยังกล้ายิง+จัดฉาก
แล้วประชาชนคนธรรมดาล่ะครับ ที่ไม่เป็นข่าว
ผมไปเวียดนามมาตำรวจมีอยู่ทั่วไปครับเห็นพกกระบองสั้น กับกุญแจมือ
วุฒิภาวะต่ำอย่างนี้ กระบองน่าจะเหมาะสมครับ
บันทึกการเข้า
boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #99 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 05:54:51 AM »

ว่าแต่ทหารพี่ยังกล้ายิง+จัดฉาก
แล้วประชาชนคนธรรมดาล่ะครับ ที่ไม่เป็นข่าว
ผมไปเวียดนามมาตำรวจมีอยู่ทั่วไปครับเห็นพกกระบองสั้น กับกุญแจมือ
วุฒิภาวะต่ำอย่างนี้ กระบองน่าจะเหมาะสมครับ
อย่าว่าแต่กระะบองเลยครับ เครื่องแบบยามก็ไม่น่าให้ใส่
บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #100 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 06:31:43 AM »

ว่าแต่ทหารพี่ยังกล้ายิง+จัดฉาก
แล้วประชาชนคนธรรมดาล่ะครับ ที่ไม่เป็นข่าว
ผมไปเวียดนามมาตำรวจมีอยู่ทั่วไปครับเห็นพกกระบองสั้น กับกุญแจมือ
วุฒิภาวะต่ำอย่างนี้ กระบองน่าจะเหมาะสมครับ
อย่าว่าแต่กระะบองเลยครับ เครื่องแบบยามก็ไม่น่าให้ใส่

สวัสดีตอนเช้าครับพี่  ไหว้
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
thanes
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 111
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 227



« ตอบ #101 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 06:54:52 AM »

ว่าแต่ทหารพี่ยังกล้ายิง+จัดฉาก
แล้วประชาชนคนธรรมดาล่ะครับ ที่ไม่เป็นข่าว
ผมไปเวียดนามมาตำรวจมีอยู่ทั่วไปครับเห็นพกกระบองสั้น กับกุญแจมือ
วุฒิภาวะต่ำอย่างนี้ กระบองน่าจะเหมาะสมครับ
อย่าว่าแต่กระะบองเลยครับ เครื่องแบบยามก็ไม่น่าให้ใส่

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..
บันทึกการเข้า

boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #102 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 07:00:20 AM »

ช่วงนี้สมาชิกเก่าหลายท่านเปลี่ยนชื่อกันใหม่ ผมเองจำเกือบไม่ได้
พลายงาม ตอนแรกผมก็นึกว่าท่านพลายแก้วปลอมตัวมา
แต่มาดูชื่ออีกครั้ง กลายเป็นกุมารทองปลอมตัวมาเป็นพลายงาม
ใครเก็บรูปกุมารใว้บ้างครับ  Grinขอดูหน่อย
บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
HIM
Full Member
***

คะแนน 16
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166



« ตอบ #103 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 07:27:47 AM »

วีรกรรมตำรวจไทยยอดเยี่ยมจริงๆ เศร้า
บันทึกการเข้า
T r i n i t y - sักใuxลวง
Full Member
***

คะแนน 29
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249


-• ค อ ทั่ ง สั u ห ลั ง เ ห ล็ ก •-


« ตอบ #104 เมื่อ: มีนาคม 13, 2008, 07:55:37 AM »

ขออนุญาตเพิ่มเติมข่าวครับ

     กรณี ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ ป. ช่วยงานสืบสวน สน.ประชาชื่น ใช้ปืน .38  ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ส.ห.สังกัดกรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด เสียชีวิตในซอย บก.สูงสุด หน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนเลียบคลองประปา แขวงและเขตจตุจักร เมื่อค่ำวันที่ 11  มี.ค. สาเหตุเกิดจาก ส.ต.อ.ประสาท ร่วมกับ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ไปจับกุมพ่อค้าขายแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ส.ต.ชัยวุฒิ ผู้ตาย ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เข้าไปสอบถามว่าเป็นตำรวจจริงหรือเปล่า ทำให้ทั้งสอง ฝ่ายมีปากเสียงกัน หลังจาก ส.ต.ชัยวุฒิ ขี่รถจักรยานยนต์ ไปแล้ว จึงเกิดยิงกันขึ้น หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.ประสาท เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
     ต่อมามีข้าราชทหารและสารวัตรทหารที่รู้ข่าวนับร้อยนาย ไปรวมตัวกันบริเวณด้านหน้า สน.ประชาชื่น เนื่องจากเห็นว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด กระทั่งเช้ามืดวันที่ 12 มี.ค. ทั้งหมดจึงสลายตัวแยกย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่
     ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ สน. ประชาชื่น ร.อ.สิทธิพล ภักดีวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต. วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ที่ไปร่วมสอบปากคำ ส.ต.อ.ประสาท พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น เพื่อขอดูสำนวนการสืบสวนและร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา 
     พล.ต.ต.วิบูลย์กล่าวว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดเหตุบานปลายจนกลายเป็นปัญหาระหว่างตำรวจกับทหาร สำหรับ ส.ต.อ.ประสาท ผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ให้มาปฏิบัติงานตามปกติ และอยู่ในการดูแลของ ผกก. โดยให้มารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อีกทั้งหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีการจับกุม จึงไม่จำเป็นต้องนำตัวไปฝากขัง ทั้งนี้ ก็จะต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะมีการทำสำนวนสอบสวนออกมา 3 สำนวน สำนวนแรกคือตำรวจเป็นผู้ต้องหา สำนวนที่ 2 เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ อีกสำนวนเป็นสำนวนการสืบสวนการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย สำนวนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนคือสำนวนเรื่องการสืบสวน แต่จะต้องมีการไต่สวนก่อน ส่วนพวกที่ไปด้วย จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ แจ้งข้อหาพยายามฆ่า
     ต่อมาเวลา 10.00  น. พ.ท.วิฑูรย์ รวยสวัสดิ์ ผู้บังคับกองทหารสารวัตร กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยพี่สาวของผู้ตาย ได้เดินทางไปที่ สน.ประชาชื่น เพื่อร่วมให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับเอกสารเพื่อไปติดต่อขอรับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา
     จากการพูดคุยกับตำรวจใน สน.ประชาชื่น ทราบว่า ส.ต.อ.ประสาท เคยได้รับตำแหน่งตำรวจดีเด่นด้านการปฏิบัติงาน เมื่อปี 2550 เป็นคนใจดี ตั้งใจทำงาน ไม่มีนิสัยเป็นคนใจร้อน ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
     ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า สั่งการให้ พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวณิช รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านสอบสวน เพื่อให้โปร่งใสให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ส่วน พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ดำเนินการเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ส.ต.อ.ประสาท เนื่องจากถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนจะให้ออกจากราชการหรือไม่ นั้นต้องรอผลการสอบสวนก่อน โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
     ผบช.น.กล่าวอีกว่า ส.ต.อ.ประสาทกำลังปฏิบัติงานตามหน้าที่จับกุมผู้ค้าซีดีเถื่อน ขณะเกิดเหตุได้มีปากเสียงกับทหาร 2 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เห็นว่าผู้ตายมีอาวุธปืน จึงยิงก่อนเพื่อป้องกันตัว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องรอสอบพยานที่เกิดเหตุให้ชัดเจนก่อน เพราะข้อมูลแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน และตามกฎหมายหากผู้ต้องหาก่อเหตุเข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อพนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย สามารถปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราวได้เลย ส่วนคดีนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม พนักงานสอบสวนจะนำตัว ส.ต.อ.ประสาทส่งศาลเพื่อพิจารณาการปล่อยตัว ตอนนี้จะฟังความข้างหนึ่งข้างใดไม่ได้ ต้องดำเนินการ ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าผิดถูกอย่างไรต้องว่าไปตามนั้น ตามข้อเท็จจริงไม่มีการช่วยเหลือกันเด็ดขาด ไม่มีการจัดฉาก ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า หากตำรวจช่วยเหลือกันเองคดีอย่างผู้กองณัฐฏ์ ชลนิธิวณิชย์ ตำรวจ ตชด. คงไม่บานปลายขนาดนี้
     เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต้องขอแสดงความเสียใจด้วย และเชื่อว่าคงไม่มีเหตุบานปลายรุนแรงอะไรจากนี้ เพราะตำรวจได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บังคับบัญชาหน่วยงานทหารชัดเจนแล้ว อีกทั้งยังมีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย ทุกอย่างโปร่งใสอย่างแน่นอน
     พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวณิช กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้ว 4 ปาก แต่ละคนก็เห็นในมุมมองที่ต่างกัน ส่วนเรื่องที่ตำรวจนำอาวุธปืนจากเอวของผู้ตายไปวางไว้ใกล้ตัวผู้ตายเหมือนพยายามจะสร้างสถานการณ์นั้น ทุกอย่างขึ้นกับพยานซึ่งมีมากมายหลายคน รวมทั้งปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุต้องไปตรวจสอบ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าตำรวจจะเข้าข้างตำรวจด้วยกัน อีกอย่างชาวบ้านก็เห็นกันทั้งนั้น งานนี้ไม่มีมวยล้มแน่นอน ทหารก็กลัวว่าตำรวจจะเข้าข้างกันเอง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะทำให้ทหารกับตำรวจเกิดความบาดหมางขัดแย้งกัน ตำรวจจะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ส่วนเรื่องพิจารณาให้ ส.ต.อ.ประสาทออกจากราชการต้องเป็นไปตามระเบียบ ตร.
     ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นำตัว ส.ต.อ. ประสาท จันทิมา ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัว และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไปฝากขังต่อศาลอาญา
     คำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2551 เวลา  17.30  น. ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนออกตรวจท้องที่พบ นายประมาณ เนียมเผือก จำหน่ายแผ่นซีดีโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณแผงลอยริมถนนเลียบคลองประปา ใกล้แฟลต บก.สส. แขวงจตุจักร กทม. จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี ระหว่างจับกุมมี ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เข้าไปสอบถาม และ ส.ต.ชัยวุฒิได้พูดท้าทาย พร้อมกับเปิดชายเสื้อด้านขวาให้เห็นอาวุธปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอว ก่อนจะเดินจากไป และเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองจับกุมนายประมาณเสร็จและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสนับสนุน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เห็น ส.ต.ชัยวุฒิขี่รถจักรยานยนต์ ออกมา จึงเรียกให้หยุดแจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ ส.ต.ชัยวุฒิชักอาวุธปืนออกจากเอว ผู้ต้องหาที่ 1 จึงชักปืนออกมายิง เพื่อยับยั้งและป้องกันเหตุ 1 นัด จน ส.ต.ชัยวุฒิ เสียชีวิต ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะและลำตัวของ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และใส่กุญแจมือ เพื่อป้องกันเหตุร้าย ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ 
     พนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนผู้ตายและผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหาร และการสอบสวนยังไม่เสร็จ ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุจากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ถึงวันที่ 23 มี.ค. ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
     ต่อมา พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน. ประชาชื่น และ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น ได้ใช้ตำแหน่งตีมูลค่ารวม 565,300  บาท เป็นหลักทรัพย์ ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ถวัลย์ พวกเกษม รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่นใช้ตำแหน่งตีมูลค่า 319,600 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 2
     ศาลโดยนายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิเคราะห์สำนวนสอบสวนที่เลขานุการศาลอาญาประสานมาจากพนักงานสอบสวน จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เพื่อนผู้ตาย และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ถ้อยคำทำนองเดียวกันว่า   ขณะผู้ต้องหาเข้าจับกุมผู้ค้าแผงลอยมีการยื้อยุดฉุดกระชากผู้ค้า ผู้ตายจึงเข้าไปสอบถาม ผู้ต้องหาเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนแล้วบอกว่าเป็นตำรวจ ผู้ตายจึงเดินกลับไปบริเวณปากทางเข้าแฟลต จากนั้นประมาณ 10 นาทีจึงเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์และกำลังถอยรถจักรยานยนต์ จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เข้าไปยิงผู้ตายจนล้มลงทั้งรถจักรยานยนต์ ขณะที่มือผู้ตายอีกมือหนึ่งยังถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพื่อนผู้ตายเข้ามาจะนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ส่วนอาวุธปืนของผู้ตาย ผู้ต้องหาก็เป็นผู้หยิบออกจากเอวของผู้ตายหลังจากที่ถูกยิงแล้วศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำต่อผู้ตาย โดยที่ผู้ตายไม่ได้ทันระวังตัว และไม่มีการแสดงท่าทางข่มขู่หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำโดยอุกอาจ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก โดยที่ผู้ตายไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาตามที่ระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งเมื่อเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของผู้ตายจะพาตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ดังนั้นหากปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว พร้อมสั่งคืนหลักทรัพย์ 
     ด้าน พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี กล่าวว่า ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาปรึกษากับนายทหารฝ่าย เสธ.ของกรมยุทธบริการทหารเห็นตรงกัน ว่าตำรวจทำเกินเหตุมากไป ใช้อาวุธปืนยิงคนในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและไม่น่าจะกระทำ อย่างน้อยควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจน่าจะลงมาดูว่าการใช้อาวุธน่าจะมีหลักการมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ และควรปรับปรุงมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง เพราะหากเกิดกับประชาชนคนธรรมดาจะรู้สึกอย่างไร อยากเรียกร้องให้ตำรวจพิจารณาในสิ่งเหล่านี้ด้วย 
     “ตำรวจยิงง่ายเกินไป ไม่น่าถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วยการใช้อาวุธ ดังนั้น เรื่องนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่าเรื่องจะจบไปตามกระบวนการทางกฎหมายเอง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สอบถามจากหลายๆคน มีความน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุไป ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต หน่วยช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว และผู้บังคับบัญชาโดยท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ทราบเรื่องและได้กำชับมาแล้วด้วยเช่นกัน” พล.ท.สมหมายกล่าว 
     พล.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า ได้เรียนไปทางผู้ใหญ่ของตำรวจว่าคดีนี้ช่วยกรุณาสั่งกำชับให้ความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรมว่าไปตามข้อเท็จจริง เพราะหากไม่ว่าไปตามข้อเท็จจริงจะเกิดปัญหาบานปลาย
     เมื่อเวลา 11.30 น. จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย ประสมศรี อายุ 67  ปี อยู่บ้านเลขที่ 111  หมู่ 8 ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี บิดา ส.ต.ชัยวุฒิ พร้อมญาติเดินทางไปรับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ซึ่งผลการชันสูตรศพระบุว่า ผู้ตายเสียโลหิตปริมาณมากจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุเส้นเลือดแดงใหญ่ ในช่องอกและตับ ศพ ส.ต.ชัยวุฒิจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าศาลาราม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โดย ส.ต.ชัยวุฒิมีบุตรชายอายุ 1 ขวบ 7 เดือน อยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี


เนื้อหาบางส่วน ท่าน แก้วเดียวจุก  ได้นำเสนอก่อนหน้าแล้วครับ  ผมแค่นำมาข่าวมาเพิ่มเติมให้เพื่อนๆพี่ๆได้อ่านกัน

ขอบคุณครับ

***  เนื้อข่าวจาก  ไทยรัฐ ออนไลน์  13  มี.ค.  51   เวลา 04.45 น.
***  ภาพจาก เดลินิวส์
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9 10 ... 27
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.189 วินาที กับ 22 คำสั่ง