เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 27, 2024, 02:25:16 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถหัวกระสุนเวียดนาม $33 พันล้านเกิดปีนี้  (อ่าน 5682 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 29 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #30 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 01:11:34 PM »

 Angry
ถ้าพระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพมาในวันนี้
พระองค์ท่านคงดีใจปลาบปลื้มกับทางหลวงทางด่วนลอยฟ้าสารพัดในประเทศของเรา (อันนี้เราเหนือกว่าเวียดนามเยอะครับ  อีกยี่สิบปีผมว่าเวียดนามก็ไม่มีทางทาบเราได้)
แต่หากพระองค์ท่านมองทางรถไฟ ขบวนรถ หรือบริการที่ รฟท มีให้
พระองค์ท่านคงผิดหวังมาก อาจถึงกับทรงรำพึงว่าลูกหลานรุ่นหลังทำไมสร้างทางต่อยอดจากที่พระองค์ท่านวางรากฐานเอาไว้ได้นิดเดียว
ส่วนการบริการนั้นถอยหลังเข้าคลองไปมาก
จากบริการที่ร่ำลือกันไปทั่วเอเชียอาคเนย์สมัยกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน มาจนถึงทุกวันนี้เราต้องร่ำลือกันเรื่องตัวเรือดบนขบวนรถแทน

ผมก็แปลกใจครับว่าทำไมทางรถไฟไทยมันมีน้อยจัง
ในขณะที่ถนนก็สร้างเอ๊าสร้างเอา
หรือสร้างถนนมันคุ้มกว่าทางรถไฟ  เข้าถึงทุกอำเภอทุกตำบลได้ง่ายกว่า คุ้มกว่า
ถึงลงทุนสร้างไปคนก็ใช้บริการน้อยอยู่ดี เลยจะไม่ถึงจุดคุ้มทุน

หรือสร้างถนนมันเอื้อให้ผู้รับเหมาและผู้อนุมัติสร้างได้มากกว่า  เขาถึงสร้างถนนกันจัง
แต่เอ  ประเทศที่ถนนดีๆจำนวนมากๆ อย่างอเมริกา หรือในยุโรป  เขาก็มีทางรถไฟมากนี่ครับ

ใครช่วยไขข้อสงสัยทีเถอะครับ

ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูงในเมืองไทยนั้นผมไม่กล้าคิดครับ
ขอแค่รถไฟรางคู่ทุกเส้นทางไม่ต้องรอหลีกนี่ก็ดีใจแย่แล้ว
นั่งรถไฟไปตรังทีไรไม่เคยถึงตรงเวลาเลย  อิอิ Grin
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
SOAP47 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5792



« ตอบ #31 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 01:47:26 PM »

มีรถไฟความเร็วสูง จาก กทม -ชม ผม จะไม่ต้องซื้อบ้านอยู่ กทม
บันทึกการเข้า

THIS IS MY STEYR.
THERE ARE MANY LIKE IT, BUT THIS ONE IS MINE.
WITHOUT MY STEYR,I AM NOTHING.
WITHOUT ME, MY STEYR IS NOTHING.
ฮิวโก้
Hero Member
*****

คะแนน 118
ออฟไลน์

กระทู้: 2516



« ตอบ #32 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 02:16:07 PM »

 Grin...ไปมาแล้วครับ..เวียตนามพัฒนาไปมากๆ... Grin
บันทึกการเข้า

อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง...ยังมีคนที่เก่งกว่าเรานักะติ๊ Club ขยับจะยิงแต่รักจริงนะ อึ๊บๆ
SOAP47 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5792



« ตอบ #33 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 02:19:45 PM »

...ไปมาแล้วครับ..เวียตนามพัฒนาไปมากๆ

แล้วสาวๆที่เวียดนามสวยไหมครับ
บันทึกการเข้า

THIS IS MY STEYR.
THERE ARE MANY LIKE IT, BUT THIS ONE IS MINE.
WITHOUT MY STEYR,I AM NOTHING.
WITHOUT ME, MY STEYR IS NOTHING.
ฮิวโก้
Hero Member
*****

คะแนน 118
ออฟไลน์

กระทู้: 2516



« ตอบ #34 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 02:39:08 PM »

...ไปมาแล้วครับ..เวียตนามพัฒนาไปมากๆ

แล้วสาวๆที่เวียดนามสวยไหมครับ
Grin.. เยี่ยม... น้ำลายหก น้ำลายหก
บันทึกการเข้า

อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง...ยังมีคนที่เก่งกว่าเรานักะติ๊ Club ขยับจะยิงแต่รักจริงนะ อึ๊บๆ
paloma
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 63


« ตอบ #35 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 02:40:37 PM »

    เอ้าขอแสดงความเห็นหน่อย!! หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นเช่น มาเลย์ สิงคโปร์ เขมรหรือแม้กระทั่งลาว คนไทยจำนวนมากไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ผมมีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ(อดนินทาไม่ได้) จากมติการประชุมหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เมือปลายปีที่ผ่านมาที่ประชุมต้องการให้เชียงใหม่เป็น long stay สำหรับชาวญี่ปุ่นที่เกษียณอายุเนื่องจากคนกลุ่มนี้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยจำนวนมหาศาล จากการศึกษา รายจ่ายเฉลี่ยของคนกลุ่มนี้คิดเป็นเงินไทยคือ 800,000 บาทต่อคน ต่อปี หากสามารถชักจูงให้เข้ามาอาศัยในเชียงใหม(และเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ)จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเชียงใหม่และท้องถิ่นเหล่านั้นจำนวนมากก่อให้เกิดการจ้างงานในสาขาต่างๆ  ที่สำคัญคือทำให้บัณฑิตที่จบการศึกษาโดยเฉพาะด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีงานทำ  เมื่อผมไปสอนป.โทในสถาบันของรัฐแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผมได้เสนอความคิดกับนศ.ปริญญาโทในม.แห่งนั้นโดยให้อภิปรายถึงความเหมาะสมของนโยบายนี้ ปรากฎว่านศ.ปริญญาโทหลายท่านที่อายุมากต่อต้านโดยให้เหตุผลว่าพวกเราอยู่กันอย่างมีความสุขอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องชักชวนชาวญี่ปุ่นที่เกษียณอายุมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเราเลย.......
     อีกกรณีหนึ่งก็คือหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เสนอว่าควรมีการสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสิ่งใฝ่ฝันของคนจำนวนมาก เนื่องจากการเดินทางจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่โดยรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 13-15ชั่วโมง ปรากฏว่า เริ่มมีเสียงต่อต้านจากคนบางกลุ่ม ที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO)เหตุผลคือการทำลายธรรมชาติ ไม่ต้องพูดเรื่องการสร้างเขื่อนและอีกหลายโครงการที่จะสร้างประโยชน์ในระยะยาวนะครับ พอเริ่มปุ๊บ จะมีกระแสการต่อต้านติดตามมาทันที
     ผมเลยคิดว่า เมืองไทยอยู่เฉยๆดีกว่า อย่าคิดทำนั่นทำนี่เลย ทะเลาะกันไม่เลิก ดูประเทศอื่นก้าวหน้าต่อไปด้วยใจสงบเหมือนเราดู เกาหลีใต้ที่มาดูงานแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เราเริ่มก่อนในปี 2504 บัดนี้เกาหลีใต้ทิ้งเราไม่เห็นฝุ่นทั้งที่เราอุดมสมบูรณ์กว่าสิบเท่า หลายท่านคงทราบแล้วนะครับว่าเวียดนามประกาศว่าจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมเต็มตัวภายในอีก12ปีข้างหน้า แน่นอนว่าประเทศนี้ไม่ทิ้งภาคเกษตรแต่จะเน้นประสิทธิภาพในการผลิตอย่างเต็มที่เฉกเช่นญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ หากทุกท่านสังเกตุดูจะเห็นว่าเวียดนามมีประวัติการต่อสู้ อย่างโชกโชนเนื่องจากต้องผจญกับภัยสงครามนานหลายสิบปีคล้ายกับเกาหลีใต้และประเทศเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื้อจากจีน จึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่าคุณภาพของคนก็ต่างจากเราดังที่หลายท่านกล่าวไว้ข้างต้น ต่อไปคงมีแรงงานไทยไปทำงานในเวียดนามเหมือนสิงคโปร์
     อีกชาติหนึ่งที่ดูถูกไม่ได้คือพม่า ซึ่งเข้ามาเป็นแรงงานก่อนแต่ปัจจุบันเลียนแบบคนจีนโพ้นทะเล ในยุคก่อนที่เริ่มทำธุรกิจและแต่งงานกับคนไทยจนซื้อบ้าน ที่ดิน มีกิจการที่คนไทยยังอาย(แถบอำเภอรอบนอกของเชียงใหม่) หากพวกเรายังไม่ไหวตัวและยังอยู่แบบสบายๆ ตัวใครตัวมันแบบนี้ต่อไปคงลำบากกันบ้างละครับ Undecided Undecided งอน ไหว้
บันทึกการเข้า
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #36 เมื่อ: มีนาคม 18, 2008, 03:11:23 PM »



ประเทศไทยมาไกลได้ถึงขนาดนี้นับว่าเก่งมากแล้วนะครับ...

คนไทยชอบเอาชนะครับ... เลยทำงานเป็นทีมไม่ได้ กล้าในเรื่องที่ให้ตัวเองเด่น แต่ไม่กล้าทำงานเป็นทีม... ฮา...

กระทรวงวัฒนธรรมน่าจะรับผิดชอบเรื่องความเจริญของประเทศได้ที่สุดครับ แต่ไม่ใช่เร็ววันเห็นทันตา... เช่นเสริมสร้างให้คนไทยมีค่านิยมที่อำนวยให้สร้างประเทศ... ตัวอย่างค่านิยมที่ผิดเช่น"ทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย" แต่เสริมการเคารพวินัย ไม่นิยมผู้ร่ำรวยจากการคดโกง ฯลฯ...

นายสมชายไม่เคยรู้ จนกระทั่งไปเรียนหนังสือที่ USA นักเรียนชาติอื่นจับตัวเป็นกลุ่มก้อนดีมาก... แต่นักเรียนไทยจับกลุ่มเหมือนกัน เป็นกลุ่มเล็กๆแล้วชิงดีชิงเด่น... ฮา


  รู้สึกอย่างนี้เหมือนกันครับ แถมอีกนิดเรื่องขี้โกงด้วย... อ๋อย
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 09:54:29 AM »

Angry
ถ้าพระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพมาในวันนี้
พระองค์ท่านคงดีใจปลาบปลื้มกับทางหลวงทางด่วนลอยฟ้าสารพัดในประเทศของเรา (อันนี้เราเหนือกว่าเวียดนามเยอะครับ  อีกยี่สิบปีผมว่าเวียดนามก็ไม่มีทางทาบเราได้)
แต่หากพระองค์ท่านมองทางรถไฟ ขบวนรถ หรือบริการที่ รฟท มีให้
พระองค์ท่านคงผิดหวังมาก อาจถึงกับทรงรำพึงว่าลูกหลานรุ่นหลังทำไมสร้างทางต่อยอดจากที่พระองค์ท่านวางรากฐานเอาไว้ได้นิดเดียว
ส่วนการบริการนั้นถอยหลังเข้าคลองไปมาก
จากบริการที่ร่ำลือกันไปทั่วเอเชียอาคเนย์สมัยกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน มาจนถึงทุกวันนี้เราต้องร่ำลือกันเรื่องตัวเรือดบนขบวนรถแทน

ผมก็แปลกใจครับว่าทำไมทางรถไฟไทยมันมีน้อยจัง
ในขณะที่ถนนก็สร้างเอ๊าสร้างเอา
หรือสร้างถนนมันคุ้มกว่าทางรถไฟ  เข้าถึงทุกอำเภอทุกตำบลได้ง่ายกว่า คุ้มกว่า
ถึงลงทุนสร้างไปคนก็ใช้บริการน้อยอยู่ดี เลยจะไม่ถึงจุดคุ้มทุน

หรือสร้างถนนมันเอื้อให้ผู้รับเหมาและผู้อนุมัติสร้างได้มากกว่า  เขาถึงสร้างถนนกันจัง
แต่เอ  ประเทศที่ถนนดีๆจำนวนมากๆ อย่างอเมริกา หรือในยุโรป  เขาก็มีทางรถไฟมากนี่ครับ

ใครช่วยไขข้อสงสัยทีเถอะครับ

ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูงในเมืองไทยนั้นผมไม่กล้าคิดครับ
ขอแค่รถไฟรางคู่ทุกเส้นทางไม่ต้องรอหลีกนี่ก็ดีใจแย่แล้ว
นั่งรถไฟไปตรังทีไรไม่เคยถึงตรงเวลาเลย  อิอิ Grin


ครับพี่ การขนส่งก็เลยใช้รถสิบล้อกันเป็นหลักทั้งข้ามภาค/ข้ามจังหวัด ถ้าใช้รถไฟ ขนได้มากกว่า เร็วกว่า ถูกกว่า ใช้คนน้อยกว่า รถบรรทุกเอาไว้ใช้บรรทุกเข้าโกดังในพื้นที่ก็พอ

...และเท่าที่ผ่านมา ระบบขนส่งด้วยรถบรรทุกทางไกลในเมืองไทยทำให้เกิดอุบัติเหตุคนตายเป็นแสนๆ คนแล้วมั๊ง
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 366
ออฟไลน์

กระทู้: 6023



« ตอบ #38 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 10:12:50 AM »

ผมยังไม่ฝันถึง bullet train ในเมืองไทยหรอกคับ แค่รถไฟรางคู่ยังไม่มีเลย อยากให้มีทั่วประเทศก่อนเพราะการรถไฟจัดหาที่ดิน 2 ข้างทางไว้เยอะ  เวลานั่งรถไฟแล้วรอมันสับรางนี่ทรมานจริง ๆ เลยคับ  กลางคืนยังพอทน แต่ถ้าเป็นกลางวันนะนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นชั่วโมงนี่น่าเบื่อที่สุด
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #39 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 10:34:31 AM »

เรื่องเส้นทางรถไปเหนือ-ใต้ ในเวียตนาม   สาระสำคัญคงอยู่ที่การขนคน
และเพื่อขนสัมภาระทางการเกษตร . ที่ต้องใช้ความเร็ว ๘๐-๙๐ กม/ชั่วโมง เป็นหลัก ..

แต่เป็นเรื่องที่ฉลาด โดยนำ ความเร็วในระดับ ๒๐๐-๓๐๐ กม/ชั่วโมง. มาเป็นจุดประชาสัมพันธ์
และเป็นโครงการณ์ในครั้งนี้ .. ความเร็วในระดับ ๒๐๐-๓๐๐ กม/ชั่วโมง  จะสอดคล้องกับสภาพสังคมที่พัฒนา แล้วเท่านั้น..  ในขณะการวางราง ด้านหลัก ก้เพื่อรองรับ ความเร็ว ๘๐-๙๐ กม./ชม นั่นแหละครับ.

นำเรื่องนี้มากระตุ้นเตือน ให้เรารู้สึกว่าจะต้องก้าวเดิน ไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่จะต้องไปเอาอย่างคนอื่นเขา

เรามีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี  เราก็ควรปล่อยให้คนอื่นมี.. ในสิ่งที่เรามีไม่ได้ .. มั่ง ครับ


บันทึกการเข้า

Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 10:36:32 AM »

quote author=Ro@d link=topic=54371.msg1300821#msg1300821 date=1205897671]
เรื่องเส้นทางรถไปเหนือ-ใต้ ในเวียตนาม   สาระสำคัญคงอยู่ที่การขนคน
และเพื่อขนสัมภาระทางการเกษตร . ที่ต้องใช้ความเร็ว ๘๐-๙๐ กม/ชั่วโมง เป็นหลัก ..

แต่เป็นเรื่องที่ฉลาด โดยนำ ความเร็วในระดับ ๒๐๐-๓๐๐ กม/ชั่วโมง. มาเป็นจุดประชาสัมพันธ์
และเป็นโครงการณ์ในครั้งนี้ .. ความเร็วในระดับ ๒๐๐-๓๐๐ กม/ชั่วโมง  จะสอดคล้องกับสภาพสังคมที่พัฒนา แล้วเท่านั้น..  ในขณะการวางราง ด้านหลัก ก้เพื่อรองรับ ความเร็ว ๘๐-๙๐ กม./ชม นั่นแหละครับ.

นำเรื่องนี้มากระตุ้นเตือน ให้เรารู้สึกว่าจะต้องก้าวเดิน ไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่จะต้องไปเอาอย่างคนอื่นเขา

เรามีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี  เราก็ควรปล่อยให้คนอื่นมี.. ในสิ่งที่เรามีไม่ได้ .. มั่ง ครับ




[/quote]

 เยี่ยม เยี่ยม
 หลงรัก หลงรัก
 ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #41 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 10:49:07 AM »

ผมว่ารัฐบาลเขาอ่านเกมส์ในอนาคตมากครับ เขาคิดล่วงหน้ากันเป็นสิบๆปี จึงกล้าสร้าง กล้าลงทุนโครงการใหญ่ๆไว้ ที่สำคัญ ผมว่าใครคิดก่อน ทำก่อนย่อมได้เปรียบ อย่างน้อยก็เรื่องต้นทุนการก่อสร้าง ที่เพิ่มขึ้นทุกๆปี ยิ่งช้า ยิ่งยากที่จะทำได้ครับ ทั้งที่เวียดนามมีทั้งก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน จำนวนมาก แต่เขาเลือกลงทุนในโครงการข่นส่งมวลชนเป็นเรื่องหลัก  ต้องยอมรับว่าคิดกาลไกลจริงๆครับ  Wink
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
andaman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #42 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 11:11:43 AM »

ประเทศไทยเราไม่มีโอกาสเกิดได้หรอก เพราะผู้บริหารแต่ละพรรค แต่ละกลุ่ม มัวแต่ทะเลาะแย่งอำนาจ ผลประโยชน์กัน  อย่างมากก็แค่สร้างเทตอม่อหล่อเสาไว้เป็นอนุสาวรีย์ นี่ถ่ามนุษย์ต่างดาวขับยานผ่าน กทม. คงจะงงกับสิงมหัศจรรย์ (โครงการโฮปเวล)
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #43 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 01:44:42 PM »

Angry
ถ้าพระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพมาในวันนี้
พระองค์ท่านคงดีใจปลาบปลื้มกับทางหลวงทางด่วนลอยฟ้าสารพัดในประเทศของเรา (อันนี้เราเหนือกว่าเวียดนามเยอะครับ  อีกยี่สิบปีผมว่าเวียดนามก็ไม่มีทางทาบเราได้)
แต่หากพระองค์ท่านมองทางรถไฟ ขบวนรถ หรือบริการที่ รฟท มีให้
พระองค์ท่านคงผิดหวังมาก อาจถึงกับทรงรำพึงว่าลูกหลานรุ่นหลังทำไมสร้างทางต่อยอดจากที่พระองค์ท่านวางรากฐานเอาไว้ได้นิดเดียว
ส่วนการบริการนั้นถอยหลังเข้าคลองไปมาก
จากบริการที่ร่ำลือกันไปทั่วเอเชียอาคเนย์สมัยกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน มาจนถึงทุกวันนี้เราต้องร่ำลือกันเรื่องตัวเรือดบนขบวนรถแทน

ผมก็แปลกใจครับว่าทำไมทางรถไฟไทยมันมีน้อยจัง
ในขณะที่ถนนก็สร้างเอ๊าสร้างเอา
หรือสร้างถนนมันคุ้มกว่าทางรถไฟ  เข้าถึงทุกอำเภอทุกตำบลได้ง่ายกว่า คุ้มกว่า
ถึงลงทุนสร้างไปคนก็ใช้บริการน้อยอยู่ดี เลยจะไม่ถึงจุดคุ้มทุน

หรือสร้างถนนมันเอื้อให้ผู้รับเหมาและผู้อนุมัติสร้างได้มากกว่า  เขาถึงสร้างถนนกันจัง
แต่เอ  ประเทศที่ถนนดีๆจำนวนมากๆ อย่างอเมริกา หรือในยุโรป  เขาก็มีทางรถไฟมากนี่ครับ

ใครช่วยไขข้อสงสัยทีเถอะครับ

ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูงในเมืองไทยนั้นผมไม่กล้าคิดครับ
ขอแค่รถไฟรางคู่ทุกเส้นทางไม่ต้องรอหลีกนี่ก็ดีใจแย่แล้ว
นั่งรถไฟไปตรังทีไรไม่เคยถึงตรงเวลาเลย  อิอิ Grin


ผมขอตอบว่า.......

เรามีกลุ่มทุนใหญ่ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีอำนาจชี้นำทิศทางรัฐบาลมายาวนานหลายยุค
เรากระตุก-รั้งการสร้างเสริมการขนส่งระบบรางที่มีค่าใช้จ่ายต่ำไว้
แต่เร่งรัดสนับสนุนสร้างฐานความต้องการ สร้างค่านิยมการใช้พาหนะส่วนบุคคล  มากกว่าการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน

พูดสวยหรูว่าจะเป็น Detroit of Asia
เรากำลังต้องเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆกับค่าใช้จ่ายน้ำมัน และพลังงานของประเทศ  Cry Cry






บันทึกการเข้า
KATTE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #44 เมื่อ: มีนาคม 19, 2008, 04:06:13 PM »

เวียดนามน่าจะวางระบบการขนส่งเเละ Logistics เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต  เพื่อการขนส่งที่รวดเร็ว ต้นทุนที่ตำกว่า    เนื่องจากต้นทุนการขนส่งทางรางมีต้นทุนที่ถูกกว่าทางรถยนต์   ยิ่งในภาวะน้ำมันเเพง  ซึ่งทำให้ต้นทุนการขนส่งตำลง  สามารถเเข่งขันกับประเทศผู้ผลิตอื่น เช่น ไทย จีน อินเดีย

.........น่ากลัวครับคู่เเข่งไทยคิดได้ขนาดนี้  วางแผนระยะยาว.....ต่อไปในอนาคตอันไม่ไกลข้อได้เปรียบทางการเเข่งขัน โดยเฉพาะต้นทุนการผลิต ต้นทุนการขนส่ง น่าจะเป็นตัวชี้ชะตาความอยู่รอดของธุรกิจนั้น  ในความเห็นของผม ผู้ผลิตไทยที่ผลิตสินค้าเหมือนกับเวียดนามเหนื่อยครับ.....เเละเวียดนามคงไม่หยุดเเค่รางรถไฟสายนี้ ต่อไปคงมีการวางรางรถไฟเชื่อมต่อกับ ลาว กัมพูชา จีน เพื่อต่อ Supply Chain ครบทั้งระบบ

..........ประเทศไทย นับว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลมาก ที่ทรงริเริ่มกิจการการรถไฟขึ้นในประเทศไทย.....เเต่เสียดายที่ไม่มีการพัฒนาใช้การขนส่งทางรางให้มากขึ้น.......เสียดายครับ ผลประโยชน์บังตาผู้บริหารประเทศ.....การรถไฟน่าปรับเปลี่ยนรูปเเบบการบริหารมากกว่าไปเเปรรูปมากกว่า ปตท กฝผ เสียอีก....เพื่อต้นทุนขนส่งรวมทั้งประเทศที่ตำลง

...........ถ้าประเทศไทยมีรถไฟหัวกระสุนต้นทุนการผลิต ต้นทุนการขนส่ง จะตำกว่านี้มาก  สามารถเข่งขันกับประเทศผู้ผลิตอื่นได้สบาย( ตัวเลขผมจำไม่ได้ ว่าการขนส่งทางรางมีต้นทุนที่ต่ำกว่าทางรถเท่าไหร่ เเต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นสิบเปอร์เซ็นเหมือนกัน  ต้องขออภัยด้วย  ต้องรอผู้รู้มาช่วยตอบครับ )

        จากข่าวนี้ผมพูดได้สองคำครับ....น่ากล้ว เเละ เสียดาย ครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.106 วินาที กับ 22 คำสั่ง