เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 29, 2024, 12:22:35 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอถามความรู้สึกครับ  (อ่าน 3884 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SaSa
Hero Member
*****

คะแนน 60
ออฟไลน์

กระทู้: 1290


“โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉิ” ระงับโกรธด้วยปัญญา


« ตอบ #15 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 06:46:40 PM »

ผมว่ามีคนไทยเราเองนี่แหละที่ ร่วมมือกับต่างชาติ...เฉพาะชาวต่างชาติอย่างเดียวคงทำอะไรไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีคนไทยหรือข้าราชการบางคนรู้เห็นเป็นใจขายแผ่นดิน...
บันทึกการเข้า

ประสบการณ์ (Experience)คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
ความรู้ (Knowledge)คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น
vana_Art
Superman It's not easy.
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 623


เคารพนับถือพระพุทธเจ้า++ก็จงปฏิบัติตามที่สอน >>[ไม่ใช่แค่นับถือ!!!]


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 07:05:03 PM »

อายซีคับ บัดสี บัดถะเหลิง ยังไงลาคับ แต่นักการเมือง สอสอ.,รอมอตอ.ผู้บริหารบ้านเมืองคงไม่อายกันหรอกคับ พวกกระผมมันคนรวย ไปเมืองนอกเป็นว่าเล่น ทรัพย์สินสมบัติอยู่เมืองนอกมากมาย กระผมเชิดหน้าชูตาไปเมืองนอก แต่พวกเมืองนอกบอกว่า ประเทศคุณชาวบ้านยากจนชิกอ๋าย ประเทศคุณนั้นลำบากยากจน บอรมมะคอร์รับชั่น บอรมมาโกงติดอันดับต้น ๆ ของโลก น่าอายไหม ? ไม่...มีไหมใครเคยอาย...ไม่เคยมี...ไม่เคยเห็นนักการเมืองร่ำรวยจากประเทศยากจนจะอายใคร โธ่...พระพุทธเจ้า

 งอน งอน งอน
บันทึกการเข้า

 
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #17 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 08:36:56 PM »

ไปต่างอำเภอเจอฝรั่งนั่งกินก้อยกับเบียร์ลีโอ     เสาร์อาทิตย์บิ๊กซีโลตัสเขยฝรั่งพาครอบครัวมาช๊อปปิ้ง    เห็นจนชินตาแล้วบางคนว่าฝรั่งโง่   ผมว่าเสน่ห์หญิงไทยไม่ใช่ย่อยก็แล้วกัน    ฝรั่งมันก็คิดเป็นค่าครองชีพถูกกว่ากันเยอะ    ขนาดเมียนายกอบต.ยังว่าอยากเลิกกับผัวไทยขี้เมา   หาผัวฝรั่งดีกว่าคฤหาสถ์ชายทุ่งฝรั่งทั้งนั้น
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
Ramsjai
^ป้าแรมส์ใจดี^
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1075
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 7191


"ชีวิตมีคนที่เกลียดไม่กี่คน ที่เหลือรำคาญ"


« ตอบ #18 เมื่อ: มีนาคม 21, 2008, 09:23:41 PM »

‘เมียเช่า’-‘เมียฝรั่ง’…มามองกันอีกมุม

เช้าวันนี้…ก่อนจิบกาแฟขม ดื่มน้ำองุ่นแท้ๆแบบไม่ผสมและใส่ยากันบูด จากไร่ของพรรคพวกกันที่โคราชเขาส่งมาให้ รสดีกว่าซื้อตามข้างทางถนนมิตรภาพ หรือแม้แต่ของฝรั่งส่งมาขายด้วยซ้ำไป ทำให้ท้องไส้ดีด้วย ค่ายประกวดนางงามในบ้านเรา ให้สาวๆที่จะเข้าประกวดดื่มกันทุกเช้า นัยว่าจะทำให้ผิดพรรณดี
       
       เมื่อตอนประกวดนางสาวจักรวาล มีนางสาวสวีเดน มาร่วมประกวดด้วย ซึ่งสวยสดใส ดูเป็นฝรั่งก็ได้ดูเป็นไทยก็ดี อย่างที่เราเรียกกันว่า ‘ลูกครึ่ง’
       
        เมื่อที่ผมเป็นเด็กนั้น เพื่อที่เป็นลูกครึ่งมีอยู่คนเดียว แม่เป็นอังกฤษพ่อเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีในยุคที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ พวกเราเรียกว่า “หรั่ง” เขามีร่างกายสูง ผิวขาวจางๆ ผมสี น้ำตาลอมแดง สูงและแขนขายาวกว่าผม แต่การเคลื่อนไหวไม่ค่อยรวดเร็วนัก เล่นกีฬาไม่โดดเด่นเพราะความคล่องตัวเขาน้อย
       
        มันก็แปลกที่ลูกครึ่งไม่ว่าโรงเรียนไหน ก็ถูกเรียกว่า “หรั่ง” แทบทั้งนั้น แต่คนไทยไม่ได้เรียกแบบดูถูกเหยียดหยาม เหมือนพวกฝรั่งเขาเรียกกันเอง เช่นคนเขาเรียกคนดำที่เรียกว่า “นิโกร” หรือเรียกอย่างเหยียดหยามหนักเข้าไปอีก คือ Nigger
       
       เรื่องการเรียกอย่างเหยียดหยามอย่างฝรั่งนั้น คนไทยไม่ค่อยทำกันเป็นจริงเป็นจังเหมือนฝรั่ง ถ้าจะเรียกบ้างก็เป็นในลักษณะล้อเลียนแบบเอาสนุก แต่ไม่ได้เหยียดหนาม อย่างที่ผมเรียกเพื่อนว่า “ไอ้หรั่ง” ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เวลาเขามากับลูกและภริยาเราก็เรียก “หรั่ง” เฉยๆ
       
        ตอนผมเป็นเด็กนั้น การสมรสระหว่างหญิงไทยกับฝรั่งนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้ว เป็นการแต่งงานของสาวไทย ที่ไปเรียนต่อในต่างประเทศกับฝรั่ง ซึ่งพบรักระหว่างการศึกษา ผมยังจำได้เลยว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บุตรีขออนุญาตแต่งงานกับฝรั่ง ท่านเสียอกเสียใจและผิดหวังมากในตอนนั้น แต่ก็มาทำใจได้ในภายหลัง
       
        หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีฝรั่งที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเริ่มแต่งงานกับสาวไทย แต่การแต่งงานระหว่างสตรีบ้านเรากับฝรั่งขณะนั้น เป็นไปตามระเบียบแบบแผน เพราะไปพบเจอกันแบบบุพเพสันนิวาสในต่างแดน หรือในประเทศนั้นๆ รวมทั้งในประเทศเราเอง แต่น้อยมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผมจะสนทนากับท่านผู้อ่านในวันนี้ เพราะเรื่องที่จะคุยกันเป็นการแต่งงาน และมีชีวิตคู่ระหว่างสาวไทยกับฝรั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นในแบบที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ
       
        พอสงครามโลกจบลง มีหญิงไทยแต่งงานกับพวกทหารฝรั่งสัมพันธมิตรจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก ครั้นเมื่อสงครามเวียตนามเริ่มต้น ทหารอเมริกันจำนวนมากเดินเข้ามาในประเทศไทย สถานบริการสำหรับรับรองทั้งทหารและพลของเรือนพวกแยงกี้มีมากขึ้น เพราะทหารอเมริกันไม่ได้มารบด้วยตัวเองโดดๆ หากยังมีพลเรือนที่สนับสนุนการรบ หรือมีกิจการค้าเกี่ยวกับทหาร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
       
        สถานที่โดดเด่นมาก และเป็นที่ชุมนุมของทหารอเมริกันและนักธุรกิจต่างประเทศ พวกฝรัง นั้นเริ่มที่ถนนพัฒน์พงษ์
       
        ตอนผมเป็นเด็กจำได้ว่า ย่านธุรกิจนี้ดูเป็นพงหญ้ารกๆ คล้ายหนองน้ำ ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลพัฒน์พงษ์พาณิช ชื่อสกุลนี้มาจากหลวงพัฒน์พงศ์พาณิช เป็นชาวจีนไหหลำ เดิมชื่อ จีนพัด และสมรสกับบุตรสาวเถ้าแก่ชิ้น ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากแถบนี้ บิดาของเพื่อนสนิทผมคนหนึ่ง ได้แนะนำให้คุณอุดม พัฒน์พงษ์พานิช ซึ่งเป็นเพื่อนรักของท่าน และเป็นทายาทของคุณหลวง ให้สร้างเป็นออฟฟิศของฝรั่ง ซึ่งต่อมาเป็นที่ตั้งของบริษัทการบินหลายสาย เป็นย่านธุรกิจโดยสมบูรณ์
       
        เมื่อคุณอุดมท่านสร้างเสร็จอาคารที่เป็นออฟฟิศเสร็จ ได้เปิดบาร์เครื่องดื่มแรกของพัฒน์พงษ์ ลักษณะคล้าย Pub ชื่อ “พัฒน์พงษ์เทอเรส” และเป็นการจุดกำเนิดของถนนพัฒน์พงษ์อันลือชื่อ ซึ่งต่อมามีบาร์ฝรั่งอีกหลายแห่งติดตามมานับไม่ถ้วน มีชีวิตยืนยาวมาจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้ ได้ครึ่งศตวรรษแล้วกระมัง
       
        ในระยะเวลากับที่ถนนสายนี้เกิดขึ้น ผมเดินทางไปรับราชการที่อีสานก็เพิ่งกับจากการศึกษาในต่างประเทศ ตอนนั้นได้เห็นโคราชเริ่มมีฐานทัพสหรัฐเรียกว่า Korat Air Base และยังมีฐานทัพที่อุดร อุบล มีทหารสหรัฐจำนวนมาก ซึ่งผมต้องทำหน้าที่ล่ามของกองบังคับการตำรวจภูธรเขตด้วย แต่ที่ใหญ่กว่าฐานทัพโคราช คือฐานทัพเรือที่สัตหีบ
       
        การอนุญาตให้อเมริกันมีฐานทัพในไทย เพราะรัฐบาลมีความเกรงกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ อีกทั้งยุทธศาสตร์ของชาติในตอนนั้น คือหลีกเลี่ยงการทำสงครามในบ้าน โดยสมัครใจส่งคนของเราไปรบในสมรภูมินอกบ้าน เพราะในประเทศของเราขณะนั้น กองทัพของชาติต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่มุ่งหมายจะเข้ายึดครองประเทศอันเป็นที่รักของเรา และเมื่อสงครามเวียตนามยุติลง ฐานทัพสหรัฐถูกแรงกดดันต้องถอนออกจากระเทศของเราด้วย
       
        ชาติไทยของเราจึง ต้องยืนเผชิญหน้ากับกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างโดดเดี่ยว !
       
       ท่ามกลางการปรามาสว่า ประเทศไทยต้องถึงแก่การล่มสลายลงไป เหมือนชาติอื่นๆใน อินโดจีนตามทฤษฎีโดมิโน
       
       แต่ด้วยพระมหาบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ทรงเป็นมิ่งขวัญให้ทหารตำรวจและประชาชนคนในชาติ เข้าสู้รบกับกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์ ปกป้องชาติอย่างองอาจเต็มกำลัง และในที่สุด ฝ่ายผู้ที่จะมุ่งจะยึดครองประเทศของเรา ก็พ่ายแพ้ลงอย่างราบคาบ กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยวางอาวุธ เข้ามอบตัวกันจนหมดสิ้น
       
       กองทัพและประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กำชัยชนะไว้อย่างเด็ดขาด !!
       
       พรรคคอมมิวนิสต์ที่เหมือนหอกคอยทิ่มแทงชาติเรามานานหลายทศวรรษ ก็ถึงแก่เอวังลงไป !
       ประเทศไทยที่รักของเรา...ก็ก้าวเดินต่อไปได้
       
        ตอนที่ได้มีโอกาสสัมผัสพวกทหารอเมริกัน เมื่อคลุกคลีสนิทสนมกันมากเข้ามากเข้า ก็รู้เลยว่าเขาได้แบ่งแยกกันเองอย่างชัดเจน ระหว่างทหารผิวขาวกับผิวสี คนไทยรับรู้การแบ่งแยกนี้ จึงมีบาร์ทั้งของทหารผิวขาว และผิวสี เป็นอย่างนี้ทุกเมืองที่มีฐานทัพอมริกันตั้งอยู่
       
        เมื่อผมไปเรียนที่สหรัฐเมื่อเกือบสี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเรื่องความเสมอภาคทางสีผิว การกีดกันยังคงมีอยู่ และเห็นได้ถึงการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน แยกกันอยู่อย่างชัดเจน
       
        ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่ทำงานในแต่ละบาร์ที่บ้านเราเมื่อครั้งมีฐานทัพ ก็แบ่งแยกตัวเองออกจากกันด้วย เช่นผู้หญิงที่ทำงานกับทหารผิวขาว ก็จะสมาคมอยู่กับพวกที่ทำงานกับฝรั่งตาน้ำข้าว ฝ่ายหญิงที่ทำงานกับทหารผิวสีก็จับกลุ่มอยู่กับพวกเดียวกัน ไม่ค่อยเสวนากันนัก
       
       คนไทยที่ไม่เคยแบ่งกันเอง ก็ได้ฝรั่งเข้ามาแบ่งให้แท้ๆ
       
        ตอนอยู่โรงพักมีผู้หญิงที่เป็นแฟนฝรั่ง มาไหว้วานให้เขียนจดหมายไปถึงแฟนที่เมืองนอก ให้บอกความรักความคิดถึงที่เธอมีต่อเขา ผมก็เขียนด้วยความเต็มใจและด้วยอารมณ์ครึกครื้น ใช้สำนวนหวานแหวว ปรากฎว่าฝรั่งเขียนจดหมายตอบ ส่งเงินมาให้ เธอก็ซื้อของกินมาฝาก และยังเอาเพื่อนมาพบให้ช่วยเขียนให้บ้าง ดังนั้นทั้งอาหาร ส้มสุกลูกไม้ผมมีรับประทานมิได้ขาด และทีได้เป็นของกำนัลเสมอก็คือเหล้า “บักจอนย่าง” ตราแดง (ตราดำไม่ค่อยมี) ตอนนั้นราคาในร้านค้าที่เรียกพี.เอ้กซ์ ( Post Exchange) ในฐานทัพ ขวดละประมาณสองเหรียญเศษๆ หรือสี่สิบกว่าบาทเท่านั้น
       
        บักจอนย่าง คือเหล้า Johnny Walker ในภาษาลาว แฟนฝรั่งที่มีเชื้อสายชาวฝั่งโขงตรงข้ามกับบ้านเรา เธอเรียกอย่างนี้ เพราะเครื่องหมายการค้าเป็นรูปอีตาจอห์นนี่ฝรั่ง เปิดหมวกถือไม้เท้า กำลังเดินก้าวย่างอยู่ข้างขวดนั่นเอง
       
        มีเรื่องที่เป็นข้อน่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ เมียเช่า
       
        เมียเช่านั้นคือ หญิงบริการที่ทำงานในบาร์ฝรั่ง แล้วถูกอกถูกใจกัน ทดลองอยู่ด้วยกันก่อน โดยฝรั่งออกค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน หากถูกอกถูกใจกันมากขึ้น ก็อาจก้าวหน้าไปถึงการแต่งงานอยู่กินกันอย่างจริงจัง
       
        ในกรุงเทพปัจจุบัน ผู้หญิงบริการที่เราเห็นควงกับฝรั่งนั้น มีการตกลงกันว่าฝรั่งจะอยู่กันเป็นอาทิตย์หรือเดือน ระหว่างนั้นหญิงคนดังกล่าวก็จะไม่ไปยุ่งกับชายอื่นหรือฝรั่งคนอื่น ภาษาหญิงทำงานเขาเรียกว่า “ติดแขก” เช่น หญิงคนนี้ถูกเพื่อนชวนไปเที่ยวกลางคืน ฝ่ายผู้หญิงตอบไปว่า
       
       “ไปไม่ได้ ตอนนี้ติดแขกสองอาทิตย์แล้ว เหลืออีกห้าวัน โทรมาชวนใหม่นะ” อย่างนี้เป็นต้น
       
        เมียเช่าในยุคแรกๆนั้น ดูเหมือนว่าคนไทยมองพวกเธอด้วยความไม่สบายใจ เพราะเรียกได้ว่ารุ่นบุกเบิกนั้น ส่วนใหญ่เป็นสาวอีสานที่ออกจากท้องนามาเลยก็ว่าได้ พวกเธอส่วนมากผิวคล้ำ การแต่งเนื้อแต่งตัวดูหวือหวา ประหลาด ไม่เป็นที่คุ้นตา เรียกว่าแต่งจงใจดูยั่วยวน และเห็นชัดเจนว่าแตกต่างจากหญิงไทยธรรมดา ที่ไม่ได้ประกอบอาขีพเช่นเดียวกับเธอ
       
       ปีที่สองที่ผมอยู่อีสาน ก็ได้เห็นลูกครึ่งทั้งผิวดำผิวขาว แม่พาออกมาเดินบ้างอุ้มบ้างในตลาดทุกเช้า
       
        เด็กๆที่เราเรียกว่า “ข้าวนอกนา” เกิดมาเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นนิยายและภาพยนตร์อย่างที่เราได้เห็นกันต่อไป และเมียเช่านี่แหละครับที่คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติ เขียนเพลงที่ฮิตระเบิดให้ คุณมานี มณีวรรณ ร้อง ขึ้นต้นว่า
       
       
        ไอเขียนเตอร์ถึงเธอเดียร์จอห์น
       เขียนในแฟล็ตที่ยูเคยนอน
        จังหวัดอุดร ประเทศไทยแลนด์
        ไอโบรคเกนฮาร์ต ยุมัสต์อันเดอร์สแตนด์
       จอห์นจ๋าจอห์น ดอลล่าร์ขาดแคลน
       เมีย Second hand ของยูยังคอย
       
       เพลงนี้คุณนพพร บุญยะฤทธิ์ อดีต บก.ชาวกรุงและสยามรัฐ เล่าให้ฟังว่า เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว คุณอาจินต์ฯอยู่ในไนท์คลับใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นคืนฝนตกไฟก็ดับ และสถานบันเทิงก็เลิกแล้ว คุณอาจินต์เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาจากเพลง Sad Movie และเพลงที่คุณอาจินต์ฯศิลปินแห่งชาติแต่งนี้ ก็ดังระเบิดเถิดเทิง ใครไปเที่ยวไนท์คลับในยุคนั้น ต้องขอเพลงนี้ ซึ่งดังเหมือน “มีเมียเด็ก” ของ พรศักดิ์ ส่องแสง ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
       
        เมื่อฝรั่งเริ่มเดินทางกลับหลังการปิดฐานทัพ เมียเช่าเริ่มตกงาน ความยากจนได้กลับเข้ามาเยือนพวกที่เคยทำงานกับฝรั่ง บ้านช่องที่หญิงเหล่านี้เคยอยู่ร่วมกับฝรั่งอย่างมีความสุขพอประมาณ ต้องปิดร้างและทรุดโทรมลง ไม่ว่าจะเป็นที่โคราช อุดร อุบล หรือสัตหีบเหมือนกันหมด
       
       จำได้ว่าตอนนั้นเป็นรัฐบาลท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งคุณบญชู โรจนเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยนั้น ท่านมีความคิดเป็นห่วงหญิงเหล่านี้ที่มีภาระมาก จึงได้โปรโมทพัทยาให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับฝรั่ง เมืองเล็กๆชายทะเลแห่งนี้เริ่มมีชีวิตชีวาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นโยบายของคุณบุญชูในตอนนั้น เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า Sea, Sand & Sex
       
        พวกเมียเช่ารุ่นเก่าครั้งฝรั่งฐานทัพยังอยู่ ก็ได้กลับมาลงหลักปักถ่อกันอยู่ที่พัทยา และชีวิตในพัทยาตอนกลางคืนก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ตำบลนี้เป็นที่ฝรั่งมังค่าจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ชาย ต้องกาเอาไว้ในแผนที่ว่าเป็นเมืองต้องไปให้ได้
       
       พูดถึงเรื่องพัทยาแล้ว อดนึกถึงเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้จักไม่ได้ ตอนเป็นสาวรุ่นเธอไปเที่ยวกับแฟนคนไทยด้วยกันที่พัทยาอย่างมีความสุข ปรากฏว่าตอนตื่นมาพ่อตัวดีหายไปจากโรงแรมแล้ว ผู้หญิงที่ถูกคู่รักทิ้งคนนี้ ลงจากโรงแรมมายืนร้องไห้ข้างถนน มีฝรั่งคนหนึ่งไปพบเกิดความสงสาร พาไปทานอาหารส่งกลับกรุงเทพ ผู้หญิงรู้สึกสำนึกในบุญคุณ กลับไปหาฝรั่งที่พัทยาอีก ความรักระหว่างคนต่างเผ่าพันธุ์ก็ผลิดอกออกช่อ ตอนนี้ฝรั่งซื้อทาวน์เฮาส์ราคาพอสมควรให้ที่พัทยาเป็นหลักเป็นฐาน
       
       เรื่องแปลกๆแบบนี้ มีให้ผมเห็นเสมอในชีวิตตำรวจ
       
        แม้บทบาทของเมียเช่าก็จางหายไป แต่กลับมาในรูปของหญิงบริการโดยตรงเสียมากกว่า หญิงที่คนต่างชาติเช่าได้เป็นรายเดือนอย่างที่ผมเล่า กำลังจะกลายเป็นตำนาน แต่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ก็เกิดขึ้น
       
        นั่นคือเรื่องของ “เมียฝรั่ง”
       
        ผมเคยเขียนว่าเป็นห่วงที่ภาคอีสาน เพราะมีคนแก่กับเด็กอยู่ในลานหมู่บ้าน เพราะหนุ่มสาวไปขายแรงงาน แต่ตอนนี้ทางภาคอีสานบางแห่ง หญิงในหมู่บ้าน ไม่ได้ไปขายแรงงานแต่ไปแต่งงานกับชายชาวฝรั่งเป็นจำนวนมาก อย่างที่ที่บ้านโนนงาม ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นหมู่บ้านที่มีแค่ร้อยกว่าหลังคาเรือน แต่มีหญิงในหมู่บ้านเกือบครึ่งร้อยที่แต่งงานกับฝรั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเยอรมัน
       
        ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ ต.ทุ่งเขาหลวง กิ่ง อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด มีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่งชื่อ “บ้านจาน” แต่คนในจังหวัดเขาเรียกว่า “บ้านจาน-สวิส” หญิงในหมู่บ้านนี้ประมาณ ๑๐๐ คน แต่งงานกับชาวยุโรป แม้แต่ป้ายเข้าหมู่บ้านยังเป็นภาษาอังกฤษ มีบ้านเรือนสวยๆอยู่หลายหลัง อันเป็นเงินที่ “เมียฝรั่ง” ยุคใหม่ส่งมาให้ แต่ในบรรดาหญิงไทยที่กลายเป็นคู่ครองฝรั่ง ที่มีจำนวนมากที่สุดคือเป็นภริยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ หมู่บ้านแห่งนี้เลยมีชื่อเรียกว่า
       
       “บ้านจาน-สวิส”
       
       มีตำนานเล่าขานกันว่า มีเด็กสาวจากหมู่บ้านนี้ ได้พบกับสามีฝรั่งชาวสวิสในสถานบริการที่เธอทำงานอยู่ แล้วย้ายไปสวิตเซอร์แลนด์กับสามีเมื่อปี ๒๕๒๕ เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านก็มีการแนะนำเพื่อนสามีให้รู้จักเพื่อนผู้หญิงในหมู่บ้าน จนกระทั่งได้แต่งงานกันในที่สุดหลายคู่ สืบเนื่องกันมาโดยตลอด
       
        ยังมีหมู่บ้านอย่างนี้อีกหลายแห่งในภาคอีสาน จนกระทั่งมีเด็กผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานกับฝรั่งตางชาติ เพราะเห็นความลำบากในการดำรงชีวิตและความแห้งแล้ง ทุรกันดารในหมู่บ้านของตน เห็นความทุกข์ยากของบิดามารดา ต่างก็มุ่งหาชีวิตที่ดีกว่า
       
        ผมเห็นว่า นี่เป็นการไม่ผิดเลยที่มนุษย์เราจะไปหาความสุขสมบูรณ์ที่ดีกว่าในปัจจุบัน แม้แต่นักการเมือง ถ้าพรรคไหนให้ประโยชน์ได้มากกว่า ก็โผไปสู่พรรคนั้น บางทีอยู่ในพรรคไม่ได้รับประโยชน์พอ ก็ถีบพรรคเก่าทิ้งทุกครั้งไป ตัวอย่างก็ที่เห็นๆกันอยู่ คราวนี่เป็นฝ่ายถูกถีบทิ้งจนหมดราคาเข้าบ้าง
       
       ผู้คนเลยสมน้ำหน้า เพราะเจ้าตัวเป็นเหลือบของวงการเมืองมาช้านาน การถูกกำจัดออกไป จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง !
       
        ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า “เมียฝรั่ง” ในยุคใหม่นั้น ผมว่าน่ายกย่องที่เธอส่งเงินกลับมาเลี้ยงดูครอบครัว ให้ได้อยู่เป็นสุขสบาย มีจำนวนไม่น้อยต้องเลี้ยงลูกที่เกิดจากสามีเก่า ที่หายหน้าหายตาไปหรือไม่ส่งเสียเลี้ยงดู
       
       ความดีของฝรั่งนี่มีอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่รังเกียจคนเป็นม่าย คงจะใช้ตำราที่เรียกว่า “แม่ม่ายลูกติด เป็นสิทธิ์ของเรา” ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ และที่ผิดกันคนไทยมากก็คือ หลังแต่งงานแล้ว ฝรั่งเกือบทั้งหมดจะอยู่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีเมียน้อยเป็นโขลงเหมือนนักการเมืองที่เราเห็นจนชิน
       
       ในเรื่องของเพศสัมพันธ์ ฝรั่งจะถามภริยาว่า มีความพร้อมไหม ถ้าภริยาปวดหัวปวดหูเขาก็หยุดไว้แค่นั้น ต้องฝ่ายหญิงพร้อมจริงเสียก่อนจึงจะทำรักกัน เรียกว่าส่วนใหญ่แล้วมีความเคารพในร่างกายของคู่ครองจริงๆ
       
       นี่พูดถึงฝรั่งปกติ ที่ไม่ได้วิปริต นะครับ !
       
        ผมเคยให้ตำรวจทางภาคอีสานช่วยประเมินตัวเลขดู ปรากฏว่าขณะนี้มี “เมียฝรั่ง” มีจำนวนที่อาจมากกว่าสองหมื่นคน และส่งเงินกลับเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมหาศาล นายธนาคารบางคนบอกว่า จำนวนเงินตราสกุลต่างๆ ที่ส่งเข้ามาในประเทศน่าจะมากกว่ารายได้สินค้าโอทอปที่ส่งออกด้วยซ้ำไป
       
       ที่น่าสนใจเพราะสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง ในสังคมไทยปัจจุบัน คือ
       
       สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างคำพูดของ อันธิกา สาราวิถี ผู้คิดตั้ง ‘สมาคมเมียฝรั่ง’ (Foriegners' Wives Club) ขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อโปรโมทและใช้คู่ผัวเมียเหล่านี้เป็นเสมือนหนึ่งพรีเซ็นเตอร์ตัวอย่าง โดยสมาคมตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงในจังหวัดที่ทุรกันดาร ได้แต่งงานกับผู้ชายต่างชาติ
       
        "ถ้าคุณลองไปถามเด็กสาวๆ ในภาคอีสานว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร ส่วนใหญ่เขาจะตอบว่า อยากเป็นเมียฝรั่งกันทั้งนั้น" อันธิกาบอก ซึ่งเธอเองก็อยู่กินกับ 'จอห์น' สามีชาวอังกฤษกับลูกติดสามีคนเก่าอีก ๓ คน
       
       "ก่อนหน้านั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่จะบอกว่า ฉันไม่มีทางแต่งงานกับฝรั่งแน่นอน แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป การแต่งงานกับฝรั่งสักคน มันหมายความว่าชีวิตลูกสาวบ้านนั้นก็จะดีขึ้น เผื่อแผ่ไปถึงญาติพี่น้องคนอื่นๆ ด้วย" อันธิกา เพิ่มเติม
       
       เป็นอะไรที่ไม่เคยคาดมาก่อนเลย ว่าจะก้าวหน้าไกลถึงเพียงนี้ !
       
       แม้ที่ตัวผมเองไม่สามารถเป็นสมาชิกของสมาคมนี้ ก็ได้แต่คิดว่า หากวันหนึ่งตัวต้องไปยืนเดียวดายร้องไห้ข้างถนนในพัทยา เพราะถูกสาวไทยใจร้ายทิ้งไว้ในโรงแรม เหมือนอย่างเรื่องที่เล่าให้ฟัง ก็คงแค่หวังว่า
       จะมีแหม่มสาวสวย ขับรถมาพาไปรับลมเย็นๆชายทะเล ยืนกุมไม้กุมมือ ดูเกลียวคลื่นทะยอยตีฟองเข้าจูบฝั่ง มองพระอาทิตย์สีส้มกำลังจะหล่นที่ปลายขอบฟ้าฟากขะโน้น และเราทั้งสองมีโอกาสได้หนุงๆ หนิงๆกันอย่างมีความสุข เหมือนอย่างรูปที่ท่านเห็น
       
       แค่นี้ก็พอแล้ว !
       
        ไม่ต้องถึงกับรับผม...ไปอยู่สวิสด้วยกันหรอกน่า !!


ปล. บทความโดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช 28 มิถุนายน 2548 01:37 น. จากเวบผู้จัดการออนไลน์

 Wink
บันทึกการเข้า

ถ้าเป็นความทรงจำที่มีค่าล่ะก็..ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะคนตายจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเราเท่านั้น..
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 01:00:15 AM »

การทำมาหากินของคนไม่เหมือนกัน พูดกันได้ยาว

และการหาเลี้ยงชีวิตของคนก็ไม่เหมือนกัน พูดกันได้ยาก แต่สุภาพสตรีที่เดินทางคงรู้ว่าในบางครั้งทำไม ตม. ถาม/มอง ท่านด้วยสายตาอย่างนั้น?

ลองจับมือเธอสิ แล้วจะได้คำตอบส่วนหนึ่ง   ......  ส่วนใหญ่มือด้าน  เหมือนคนอายุมากที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต


‘เมียเช่า’-‘เมียฝรั่ง’…มามองกันอีกมุม ................
/
   Wink

ความด้อยโอกาสทางสังคม   มองไม่เห็นเส้นทางอาชีพที่จะเจริญก้าวหน้า    หรือในอีก บริบทก็เป็น  ตัวเลือกที่สังคมไทยมองผ่าน หรือสังคมฝรั่งก็มองผ่าน  ....  โคจรมาเจอกัน เช่น  แม่หม้ายลูกติด มาสมรสกะ ฝรั่งบ๊องๆเอ๋ออีกต่างหาก

หรือจะมองว่า ผู้ชายไทย ไม่เห็นคุณค่าพวกเธอ   หรือ ผู้ชายไทย แย่ที่สุดในโลก จนพวกเธอต้องมองผ่าน  ฯลฯ


อย่าไปคิดมากมายอะไร  ทิศทางเดียวกันแต่ตัวแปรที่แตกต่าง  ก็เคยเกิดขึ้นมาในอดีต และภายหลังกลับได้รับการยอมรับด้วยดีของคนในสังคม   เช่น  คนจีนกับคนไทยแต่งงานกัน 



คุณรู้สึกอย่างไร กับข่าวชาวต่างชาติดำเนินกิจการขายที่ดินในเมืองไทย ไม่เฉพาะที่เกาะสมุย ที่พัทยาก็มี

สมัยก่อน  ก็มีคนต่างชาติ มาดำเนินกิจการเช่นนี้เหมือนกัน  .....  มีการเลี่ยงกฎหมายสารพัด แม้กระทั้งการหาคู่สมรสชาวไทย  ....... จนมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง  ...... ก็ชาวจีนโพ้นทะเล ในไทยไงละ

ถ้าตั้งคำถามเช่นนี้ก็ต้องบอกว่ารู้สึกเฉยๆ  ... หากกระดำเนินการดั่งกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมาย  และมีธรรมมาภิบาลในองค์การนั้น

บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 01:17:09 AM »

การทำมาหากินของคนไม่เหมือนกัน พูดกันได้ยาว

และการหาเลี้ยงชีวิตของคนก็ไม่เหมือนกัน พูดกันได้ยาก แต่สุภาพสตรีที่เดินทางคงรู้ว่าในบางครั้งทำไม ตม. ถาม/มอง ท่านด้วยสายตาอย่างนั้น?

ลองจับมือเธอสิ แล้วจะได้คำตอบส่วนหนึ่ง   ......  ส่วนใหญ่มือด้าน  เหมือนคนอายุมากที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต


‘เมียเช่า’-‘เมียฝรั่ง’…มามองกันอีกมุม ................
/
   Wink

ความด้อยโอกาสทางสังคม   มองไม่เห็นเส้นทางอาชีพที่จะเจริญก้าวหน้า    หรือในอีก บริบทก็เป็น  ตัวเลือกที่สังคมไทยมองผ่าน หรือสังคมฝรั่งก็มองผ่าน  ....  โคจรมาเจอกัน เช่น  แม่หม้ายลูกติด มาสมรสกะ ฝรั่งบ๊องๆเอ๋ออีกต่างหาก

หรือจะมองว่า ผู้ชายไทย ไม่เห็นคุณค่าพวกเธอ   หรือ ผู้ชายไทย แย่ที่สุดในโลก จนพวกเธอต้องมองผ่าน  ฯลฯ


อย่าไปคิดมากมายอะไร  ทิศทางเดียวกันแต่ตัวแปรที่แตกต่าง  ก็เคยเกิดขึ้นมาในอดีต และภายหลังกลับได้รับการยอมรับด้วยดีของคนในสังคม   เช่น  คนจีนกับคนไทยแต่งงานกัน 



คุณรู้สึกอย่างไร กับข่าวชาวต่างชาติดำเนินกิจการขายที่ดินในเมืองไทย ไม่เฉพาะที่เกาะสมุย ที่พัทยาก็มี

สมัยก่อน  ก็มีคนต่างชาติ มาดำเนินกิจการเช่นนี้เหมือนกัน  .....  มีการเลี่ยงกฎหมายสารพัด แม้กระทั้งการหาคู่สมรสชาวไทย  ....... จนมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง  ...... ก็ชาวจีนโพ้นทะเล ในไทยไงละ

ถ้าตั้งคำถามเช่นนี้ก็ต้องบอกว่ารู้สึกเฉยๆ  ... หากกระดำเนินการดั่งกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมาย  และมีธรรมมาภิบาลในองค์การนั้น




 เยี่ยม เยี่ยม


ที่พบเห็นส่วนใหญ่ คือผู้หญิงเหล่านี้ที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวและมีลูกติด แต่ที่ผมประทับใจและเห็นบ่อยๆคือ สามีฝรั่งของพวกเธอ รักเธอ ให้เกียรติและรักลูกติดของเธอเหมือนลูกของเขาเลยครับ 

อย่าว่าแต่คนที่ด้อยโอกาสเลยครับ ขณะนี้ คนรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ก็ยังอยากมีสามีฝรั่งเลยครับ แปลกดี....หรือผู้ชายไทยคุณภาพไม่ดีเท่า  Huh

ขออภัยที่นอกนอกเรื่องๆที่ดินครับ  ประเดนนั้น เห็นๆกันเยอะครับ เข้ามาซื้อบ้าน,ที่ดินเยอะมาก โดนใช้นอมินีคนไทย น่าเป็นห่วงครับ ถ้าปล่อยให้ต่างชาติมามีอิทธิพลมากเกินไป 
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 01:39:53 AM »

เยี่ยม เยี่ยม


ที่พบเห็นส่วนใหญ่ คือผู้หญิงเหล่านี้ที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวและมีลูกติด แต่ที่ผมประทับใจและเห็นบ่อยๆคือ สามีฝรั่งของพวกเธอ รักเธอ ให้เกียรติและรักลูกติดของเธอเหมือนลูกของเขาเลยครับ 

อย่าว่าแต่คนที่ด้อยโอกาสเลยครับ ขณะนี้ คนรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ก็ยังอยากมีสามีฝรั่งเลยครับ แปลกดี....หรือผู้ชายไทยคุณภาพไม่ดีเท่า  Huh
 

หลายเดือนมานี้ผมอยู่ในย่านฝรั่งที่มาซื้อบ้านอยู่ พี่สาวก็แต่งงานกับชาวเยอรมัน....แต่อันนั้นไม่นับ มันเรื่องของเศรษฐีเค้าปิ๊งกัน

จากที่สังเกตมาขอตอบคุณเบิ้มเลยครับ ว่าเทียบกับที่ผมเห็นๆกันแล้ว....

สามีคนไทยโดยเฉลี่ย"ไม่ได้เรื่องเลย"ครับ ใช้ชีวิตแบบคนเอาเปรียบเมีย , ชอบนอกใจเมีย , ให้เกียรติเมียไม่พอ , ยกย่องเมียไม่พอ....นินทาเมียเล่นเป็นของสนุก , ไม่รู้หน้าที่ (โคตร)เหลวไหลฯลฯ

ใครออกมาเถียงผมจะถามง่ายๆ ... ว่าแอบเที่ยวผู้หญิงกันบ้างไหม

นวดให้เมีย ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้านแทนเมียครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แต่งกันมาหลายๆปี ยังเปิดประตู-ดึงเก้าอี้ให้ทุกครั้งไหม

ไปไหนด้วยกัน ยังจูงมือกันอยู่หรือเปล่าจ๊ะ ?

 ยิ้มีเลศนัย

บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 01:47:00 AM »

เยี่ยม เยี่ยม


ที่พบเห็นส่วนใหญ่ คือผู้หญิงเหล่านี้ที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวและมีลูกติด แต่ที่ผมประทับใจและเห็นบ่อยๆคือ สามีฝรั่งของพวกเธอ รักเธอ ให้เกียรติและรักลูกติดของเธอเหมือนลูกของเขาเลยครับ 

อย่าว่าแต่คนที่ด้อยโอกาสเลยครับ ขณะนี้ คนรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ก็ยังอยากมีสามีฝรั่งเลยครับ แปลกดี....หรือผู้ชายไทยคุณภาพไม่ดีเท่า  Huh
 

หลายเดือนมานี้ผมอยู่ในย่านฝรั่งที่มาซื้อบ้านอยู่ พี่สาวก็แต่งงานกับชาวเยอรมัน....แต่อันนั้นไม่นับ มันเรื่องของเศรษฐีเค้าปิ๊งกัน

จากที่สังเกตมาขอตอบคุณเบิ้มเลยครับ ว่าเทียบกับที่ผมเห็นๆกันแล้ว....

สามีคนไทยโดยเฉลี่ย"ไม่ได้เรื่องเลย"ครับ ใช้ชีวิตแบบคนเอาเปรียบเมีย , ชอบนอกใจเมีย , ให้เกียรติเมียไม่พอ , ยกย่องเมียไม่พอ....นินทาเมียเล่นเป็นของสนุก , ไม่รู้หน้าที่ (โคตร)เหลวไหลฯลฯ

ใครออกมาเถียงผมจะถามง่ายๆ ... ว่าแอบเที่ยวผู้หญิงกันบ้างไหม

นวดให้เมีย ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้านแทนเมียครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แต่งกันมาหลายๆปี ยังเปิดประตู-ดึงเก้าอี้ให้ทุกครั้งไหม

ไปไหนด้วยกัน ยังจูงมือกันอยู่หรือเปล่าจ๊ะ ?

 ยิ้มีเลศนัย

อ้า....แล้วเคยซื้อรถ...ให้เมียขับบ้างไหม Grin

ด้วยความเคารพครับพี่ นี่เห็นว่าเป็นเฟมิลี่แมนเหมือนกันนะครับ ผมถึงกล้าแซว
บันทึกการเข้า
boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 04:14:54 AM »

เด็กๆผู้หญิงที่ผมรู้จัก มาเรียนต่อปริญาโท ก็ยังอยากมีแฟนฝรั่งเลยครับ
ไม่ต้องนับคนบ้านนอกที่ด้อยการศึกษา ที่พวกเขาต้องหาทางชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
ผมมองตัวเอง ก็เห็นข้อด้อยหลายๆอย่างในตัวเองเหมือนกัน  Grin สิ่งที่มองเห็นภายนอก
คือรูปร่างหน้าตา สู้เขาไม่ได้จริงๆ   Grin
บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
yotaga
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 06:26:04 AM »

คุณรู้สึกอย่างไร กับข่าวชาวต่างชาติดำเนินกิจการขายที่ดินในเมืองไทย ไม่เฉพาะที่เกาะสมุย ที่พัทยาก็มี

    "รู้สึกเสียดาย  เศรษฐีคนไทยไม่รู้ไปอยู่ไหนหมด  ปล่อยให้ต่างชาติซื้อไปได้ยังไง?" 
บันทึกการเข้า
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #25 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 08:24:27 AM »

คำว่า..เมียเช่า..ฟังดูแล้วเจ็บปวดนะครับ....
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
yotaga
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 09:44:14 AM »

เยี่ยม เยี่ยม


ที่พบเห็นส่วนใหญ่ คือผู้หญิงเหล่านี้ที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวและมีลูกติด แต่ที่ผมประทับใจและเห็นบ่อยๆคือ สามีฝรั่งของพวกเธอ รักเธอ ให้เกียรติและรักลูกติดของเธอเหมือนลูกของเขาเลยครับ 

อย่าว่าแต่คนที่ด้อยโอกาสเลยครับ ขณะนี้ คนรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ก็ยังอยากมีสามีฝรั่งเลยครับ แปลกดี....หรือผู้ชายไทยคุณภาพไม่ดีเท่า  Huh
 

หลายเดือนมานี้ผมอยู่ในย่านฝรั่งที่มาซื้อบ้านอยู่ พี่สาวก็แต่งงานกับชาวเยอรมัน....แต่อันนั้นไม่นับ มันเรื่องของเศรษฐีเค้าปิ๊งกัน

จากที่สังเกตมาขอตอบคุณเบิ้มเลยครับ ว่าเทียบกับที่ผมเห็นๆกันแล้ว....

สามีคนไทยโดยเฉลี่ย"ไม่ได้เรื่องเลย"ครับ ใช้ชีวิตแบบคนเอาเปรียบเมีย , ชอบนอกใจเมีย , ให้เกียรติเมียไม่พอ , ยกย่องเมียไม่พอ....นินทาเมียเล่นเป็นของสนุก , ไม่รู้หน้าที่ (โคตร)เหลวไหลฯลฯ

ใครออกมาเถียงผมจะถามง่ายๆ ... ว่าแอบเที่ยวผู้หญิงกันบ้างไหม

นวดให้เมีย ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้านแทนเมียครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แต่งกันมาหลายๆปี ยังเปิดประตู-ดึงเก้าอี้ให้ทุกครั้งไหม

ไปไหนด้วยกัน ยังจูงมือกันอยู่หรือเปล่าจ๊ะ ?

 ยิ้มีเลศนัย



     ถ้าผู้ชายไทยคิดแบบนี้ซัก  50% ผู้หญิงไทยคงไม่รู้จักคานทอง และไม่ไปทดลองมีสามีฝรั่ง

     คุณคิดได้น่ารักมาก  เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า
♥Jikky♥
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 24
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 213



« ตอบ #27 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 09:49:27 AM »

ขึ้นต้นกระทู้เป็นเรื่องฝรั่งขายที่ดิน อ่านไปอ่านมากลายเป็นเรื่องเมียฝรั่ง  คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

aniki
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 232
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3074


สังคมดีไม่มีขาย...ถ้าอยากได้ต้องร่วมสร้าง


« ตอบ #28 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 10:56:54 AM »

รู้สึกหดหู่ครับ  โดยเฉพาะข้าราชการ+นักการเมืองที่เห็นแก่ได้  ไล่เรียงไปแล้วสุดท้ายก็รากหญ้าข้างเคียงพวกเรา หัวเราะร่าน้ำตาริน  ที่เห็นแก่ได้  ถ้าพูดเรื่องการเมืองแล้วผมกับคนในครอบครัวเป็นต้องทะเลาะกัน   ตอนเล็กๆผมจำความได้สตรีในหมู่บ้านผมรักนวลสงวนตัวกันมาก  พอหมดหน้านาจะมาหาทำงานก่อสร้างหรือไม่ก็เป็นแม่บ้าน(คนใช้)....ทุกวันนี้เกือบครึ่งพอโตขึ้นไปอยู่พัทยาหรือไม่ก็หาดใหญ่ หัวเราะร่าน้ำตาริน 
บันทึกการเข้า

ขอคืนคุณสู่แผ่นดิน  รักในหลวง
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 55
ออฟไลน์

กระทู้: 906


« ตอบ #29 เมื่อ: มีนาคม 22, 2008, 09:52:11 PM »

หลากหลายความเห็น หลากหลายความรู้สึกครับ เท่าที่อ่านดูรู้สึกว่ามีหลายท่านยอมรับในความสามารถของฝรั่งชาวต่างชาติ ความจริงผมก็ทึ่งในความสามารถของพวกฝรั่ง และก็รู้สึกเหมือนกันว่ามีคนไทยบางส่วนที่ความสามารถยังไม่พอเพียง สาวไทยเลยต้องหนีไปอยู่กับฝรั่ง โดยเฉพาะที่พัทยาที่มีฝรั่งอาศัยอยู่มากมาย ผมเคยได้ดูเคเบิลทีวี รู้สึกว่าการแข่งชกมวยไทยที่เกาะสมุยก็มีฝรั่งเป็นคนจัด ชักจะเห็นด้วยเสียแล้วซีครับว่าคนไทยเราไม่ค่อยมีฝีมือจริงๆ แล้วสาเหตุเป็นเพราะอะไรละครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 5.513 วินาที กับ 22 คำสั่ง