ขออนุญาตเห็นต่างครับ...
น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน
ผมว่าใช้ได้ในกรณีไม่อยากทิ้งน้ำมันเครื่องเดิมที่เหลืออยู่ (ไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง)
เพราะน้ำมันเครื่องทุกตัวมีคุณสมบัติหล่อลื่นเหมือนกัน ต่อให้ไม่เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ต่างก็สามารถหล่อลื่นและเคลือบผิวโลหะได้อยู่ดี
ค่าความหนืดที่ต่างกัน 40,50 นี่ไม่มีนัยสำคัญใดๆ ถ้าไม่ใช่รถแข่ง หรือรถพิสดารๆ
ที่กลัวกันก็คือการทำปฏิกิริยากันเองของส่วนผสมในน้ำมันต่างชนิดกัน ในกรณีน้ำมันเครื่องนี่ยังไม่เคยได้ยินครับ
แต่ถ้าเป็นน้ำมันเบรคละก็ มีปฏิกิริยาแน่นอน เป็นข้อห้ามเด็ดขาด
อาจจะทำให้ไม่ได้คุณสมบัติสูงสุดของน้ำมันเครื่องแต่ละตัว แต่ผมว่าไม่ซีเรียส เพราะเราไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง ปัจจุบันนี้ น้ำมันเครื่องแต่ละตัวพัฒนาคุณสมบัติจนเกินขีดความต้องการพื้นฐานของรถไปเยอะแล้ว สำคัญคือต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
ที่ต้องระวังคือ เกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 ตัว คือค่าAPI (SA ต่ำสูง / SM สูงสุด) ต้องเท่าหรือสูงกว่าที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
ถ้าผิดพลาดประการใด ยินดีรับคำชี้แนะครับ