กระทู้รถยนต์....แลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้กัน

[@สิบฤทัย@]

ไปดูโปรตอนมาแล้วครับ ภายในใช้วัสดุห่วยมากครับเป็นพลาสติกแบบกรุบกรอบ(คาดว่าถ้าจอดตากแดดทุกวัน ซักปีเดียว คงกรอบแน่ๆ) แต่ภายนอกดูสวยดีครับ ต่างจาก ทาทา ภายในใช้พลาสติกคุณภาพดีกว่าครับแต่ภายนอกรูปลักษณ์ไม่ค่อยสวยครับ  ราคาพอๆกันครับ 3แสน ปลายๆครับ ที่ มอร์เตอร์เอ็กส์โปรครับ(รถเก็งซีดานครับ)เรื่องเครื่องยนต์ไม่มีเวลาดูครับเพราะไม่ได้ตั้งใจจะซื้อทั้ง 2รุ่นอยู่แล้วครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

สอบถามซักนิดครับ น้ำมันเครื่อง20w40 กับ 20w50สามารถเอามาผสม ๆ แล้วใช้กับรถได้หรือเปล่าครับ จะมีผลอะไรหรือไม่ครับ คือผมคำนวนน้ำมันที่เหลือ(ในการเติมแต่ละครั้ง จากคนละยี่ห้อ) แล้ว จะได้ 4 ลิตรกว่า ๆ เลย

ความหนืดไม่เท่ากันครับถ้าผสมกันอาจจะแยกชั้นยิ่งถ้าเป็นน้ำมันคนล่ะชนิดยิ่งไปกันใหญ่สารเพิ่มคุณภาพมี่ผสมอยู่ก็จะไม่เหมือนกัน    เติมรถหลายคนเหรอครับพี่เลยใช้น้ำมันคนล่ะเบอร์  

[อรชุน-รักในหลวง]

ไปดูโปรตอนมาแล้วครับ ภายในใช้วัสดุห่วยมากครับเป็นพลาสติกแบบกรุบกรอบ(คาดว่าถ้าจอดตากแดดทุกวัน ซักปีเดียว คงกรอบแน่ๆ) แต่ภายนอกดูสวยดีครับ ต่างจาก ทาทา ภายในใช้พลาสติกคุณภาพดีกว่าครับแต่ภายนอกรูปลักษณ์ไม่ค่อยสวยครับ  ราคาพอๆกันครับ 3แสน ปลายๆครับ ที่ มอร์เตอร์เอ็กส์โปรครับ(รถเก็งซีดานครับ)เรื่องเครื่องยนต์ไม่มีเวลาดูครับเพราะไม่ได้ตั้งใจจะซื้อทั้ง 2รุ่นอยู่แล้วครับ

โปรตอนเค้าได้ Lotus มาร่วมชายคาก็เลยได้แนวคิดในการออกแบบที่สวยจนแปลกตาเลยครับ เครื่องยนต์สมรรถณะก็ใช้ได้ครับ  แต่เรื่องความทนทานต้องรอดู

[Zeus-รักในหลวง]

สอบถามซักนิดครับ น้ำมันเครื่อง20w40 กับ 20w50สามารถเอามาผสม ๆ แล้วใช้กับรถได้หรือเปล่าครับ จะมีผลอะไรหรือไม่ครับ คือผมคำนวนน้ำมันที่เหลือ(ในการเติมแต่ละครั้ง จากคนละยี่ห้อ) แล้ว จะได้ 4 ลิตรกว่า ๆ เลย

ความหนืดไม่เท่ากันครับถ้าผสมกันอาจจะแยกชั้นยิ่งถ้าเป็นน้ำมันคนล่ะชนิดยิ่งไปกันใหญ่สารเพิ่มคุณภาพมี่ผสมอยู่ก็จะไม่เหมือนกัน    เติมรถหลายคนเหรอครับพี่เลยใช้น้ำมันคนล่ะเบอร์  

รถคันเดียวครับ แต่คนเอาไปเปลี่ยนหลายคน
 

[โป้ง*กันบอย - รักในหลวง]

สอบถามซักนิดครับ น้ำมันเครื่อง20w40 กับ 20w50สามารถเอามาผสม ๆ แล้วใช้กับรถได้หรือเปล่าครับ จะมีผลอะไรหรือไม่ครับ คือผมคำนวนน้ำมันที่เหลือ(ในการเติมแต่ละครั้ง จากคนละยี่ห้อ) แล้ว จะได้ 4 ลิตรกว่า ๆ เลย

ความหนืดไม่เท่ากันครับถ้าผสมกันอาจจะแยกชั้นยิ่งถ้าเป็นน้ำมันคนล่ะชนิดยิ่งไปกันใหญ่สารเพิ่มคุณภาพมี่ผสมอยู่ก็จะไม่เหมือนกัน    เติมรถหลายคนเหรอครับพี่เลยใช้น้ำมันคนล่ะเบอร์  

รถคันเดียวครับ แต่คนเอาไปเปลี่ยนหลายคน
 

ผมไม่แนะนำให้เอาน้ำมันคนละยี่ห้อและเบอร์มาผสมกันครับท่านสน เหตุผลตามที่พี่  Hydra ว่ามาครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

สอบถามซักนิดครับ น้ำมันเครื่อง20w40 กับ 20w50สามารถเอามาผสม ๆ แล้วใช้กับรถได้หรือเปล่าครับ จะมีผลอะไรหรือไม่ครับ คือผมคำนวนน้ำมันที่เหลือ(ในการเติมแต่ละครั้ง จากคนละยี่ห้อ) แล้ว จะได้ 4 ลิตรกว่า ๆ เลย

ความหนืดไม่เท่ากันครับถ้าผสมกันอาจจะแยกชั้นยิ่งถ้าเป็นน้ำมันคนล่ะชนิดยิ่งไปกันใหญ่สารเพิ่มคุณภาพมี่ผสมอยู่ก็จะไม่เหมือนกัน    เติมรถหลายคนเหรอครับพี่เลยใช้น้ำมันคนล่ะเบอร์  

รถคันเดียวครับ แต่คนเอาไปเปลี่ยนหลายคน
 

แสดงว่าคนใช้หลายคน

[Zeus-รักในหลวง]

สอบถามซักนิดครับ น้ำมันเครื่อง20w40 กับ 20w50สามารถเอามาผสม ๆ แล้วใช้กับรถได้หรือเปล่าครับ จะมีผลอะไรหรือไม่ครับ คือผมคำนวนน้ำมันที่เหลือ(ในการเติมแต่ละครั้ง จากคนละยี่ห้อ) แล้ว จะได้ 4 ลิตรกว่า ๆ เลย

ความหนืดไม่เท่ากันครับถ้าผสมกันอาจจะแยกชั้นยิ่งถ้าเป็นน้ำมันคนล่ะชนิดยิ่งไปกันใหญ่สารเพิ่มคุณภาพมี่ผสมอยู่ก็จะไม่เหมือนกัน    เติมรถหลายคนเหรอครับพี่เลยใช้น้ำมันคนล่ะเบอร์  

รถคันเดียวครับ แต่คนเอาไปเปลี่ยนหลายคน
 

แสดงว่าคนใช้หลายคน

ใช้คนเดียวครับ

[Bird]

ขออนุญาตเห็นต่างครับ...

น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน

ผมว่าใช้ได้ในกรณีไม่อยากทิ้งน้ำมันเครื่องเดิมที่เหลืออยู่ (ไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง)
เพราะน้ำมันเครื่องทุกตัวมีคุณสมบัติหล่อลื่นเหมือนกัน  ต่อให้ไม่เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ต่างก็สามารถหล่อลื่นและเคลือบผิวโลหะได้อยู่ดี
ค่าความหนืดที่ต่างกัน 40,50 นี่ไม่มีนัยสำคัญใดๆ ถ้าไม่ใช่รถแข่ง หรือรถพิสดารๆ

ที่กลัวกันก็คือการทำปฏิกิริยากันเองของส่วนผสมในน้ำมันต่างชนิดกัน  ในกรณีน้ำมันเครื่องนี่ยังไม่เคยได้ยินครับ
แต่ถ้าเป็นน้ำมันเบรคละก็ มีปฏิกิริยาแน่นอน เป็นข้อห้ามเด็ดขาด

อาจจะทำให้ไม่ได้คุณสมบัติสูงสุดของน้ำมันเครื่องแต่ละตัว  แต่ผมว่าไม่ซีเรียส เพราะเราไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง  ปัจจุบันนี้ น้ำมันเครื่องแต่ละตัวพัฒนาคุณสมบัติจนเกินขีดความต้องการพื้นฐานของรถไปเยอะแล้ว  สำคัญคือต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

ที่ต้องระวังคือ เกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 ตัว คือค่าAPI (SA ต่ำสูง / SM สูงสุด) ต้องเท่าหรือสูงกว่าที่ระบุไว้ในคู่มือรถ


ถ้าผิดพลาดประการใด ยินดีรับคำชี้แนะครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

ขออนุญาตเห็นต่างครับ...

น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน

ผมว่าใช้ได้ในกรณีไม่อยากทิ้งน้ำมันเครื่องเดิมที่เหลืออยู่ (ไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง)
เพราะน้ำมันเครื่องทุกตัวมีคุณสมบัติหล่อลื่นเหมือนกัน  ต่อให้ไม่เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ต่างก็สามารถหล่อลื่นและเคลือบผิวโลหะได้อยู่ดี
ค่าความหนืดที่ต่างกัน 40,50 นี่ไม่มีนัยสำคัญใดๆ ถ้าไม่ใช่รถแข่ง หรือรถพิสดารๆ

ที่กลัวกันก็คือการทำปฏิกิริยากันเองของส่วนผสมในน้ำมันต่างชนิดกัน  ในกรณีน้ำมันเครื่องนี่ยังไม่เคยได้ยินครับ
แต่ถ้าเป็นน้ำมันเบรคละก็ มีปฏิกิริยาแน่นอน เป็นข้อห้ามเด็ดขาด

อาจจะทำให้ไม่ได้คุณสมบัติสูงสุดของน้ำมันเครื่องแต่ละตัว  แต่ผมว่าไม่ซีเรียส เพราะเราไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง  ปัจจุบันนี้ น้ำมันเครื่องแต่ละตัวพัฒนาคุณสมบัติจนเกินขีดความต้องการพื้นฐานของรถไปเยอะแล้ว  สำคัญคือต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

ที่ต้องระวังคือ เกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 ตัว คือค่าAPI (SA ต่ำสูง / SM สูงสุด) ต้องเท่าหรือสูงกว่าที่ระบุไว้ในคู่มือรถ


ถ้าผิดพลาดประการใด ยินดีรับคำชี้แนะครับ

ค่าความหนืดต่างกันทุกอุณหภูมิครับไม่ใช่ที่100 จึงมีการแบ่งให้น้ำมันเครื่องเบอร์นี้ความหนืดเท่านี้ใช้กับเครื่องยนต์แบบไหน เครื่องยนต์ใหม่รถใหม่ที่ชิ้นส่วนยังฟิตอยู่ก็จะต้องใช้น้ำมันเครื่องทีความหนืดต่ำ  เครื่องยนต์เก่าก็ต้องใช้น้ำมันเครื่องความหนืดสูงๆเพื่อให้จับกับเครื่องยนต์ที่เริ่มหลวมได้ดี  การที่เอาน้ำมันเครื่องที่ความหนึดไม่เท่ากันมาผสมกันอาจมีการแบ่งชั้นระหว่างเครื่องยนต์ทำงานฟีล์มน้ำมันเครื่องอาจจะแยกจากกันทำให้เกิดการสึกหรอและความร้อนสะสมประสิทธิภาพการเก็บเศษโลหะและระบายความร้อนก็ไม่เท่ากัน  ที่สำคัญสารเพิ่มคุณภาพที่น้ำมันเครื่องแต่ล่ะตัวผสมมาไม่เหมือนกันหากผสมกันอาจจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว

[โป้ง*กันบอย - รักในหลวง]

ขออนุญาตเห็นต่างครับ...

น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน

ผมว่าใช้ได้ในกรณีไม่อยากทิ้งน้ำมันเครื่องเดิมที่เหลืออยู่ (ไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง)
เพราะน้ำมันเครื่องทุกตัวมีคุณสมบัติหล่อลื่นเหมือนกัน  ต่อให้ไม่เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ต่างก็สามารถหล่อลื่นและเคลือบผิวโลหะได้อยู่ดี
ค่าความหนืดที่ต่างกัน 40,50 นี่ไม่มีนัยสำคัญใดๆ ถ้าไม่ใช่รถแข่ง หรือรถพิสดารๆ

ที่กลัวกันก็คือการทำปฏิกิริยากันเองของส่วนผสมในน้ำมันต่างชนิดกัน  ในกรณีน้ำมันเครื่องนี่ยังไม่เคยได้ยินครับ
แต่ถ้าเป็นน้ำมันเบรคละก็ มีปฏิกิริยาแน่นอน เป็นข้อห้ามเด็ดขาด

อาจจะทำให้ไม่ได้คุณสมบัติสูงสุดของน้ำมันเครื่องแต่ละตัว  แต่ผมว่าไม่ซีเรียส เพราะเราไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกครั้ง  ปัจจุบันนี้ น้ำมันเครื่องแต่ละตัวพัฒนาคุณสมบัติจนเกินขีดความต้องการพื้นฐานของรถไปเยอะแล้ว  สำคัญคือต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

ที่ต้องระวังคือ เกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 ตัว คือค่าAPI (SA ต่ำสูง / SM สูงสุด) ต้องเท่าหรือสูงกว่าที่ระบุไว้ในคู่มือรถ


ถ้าผิดพลาดประการใด ยินดีรับคำชี้แนะครับ

ค่าความหนืดต่างกันทุกอุณหภูมิครับไม่ใช่ที่100 จึงมีการแบ่งให้น้ำมันเครื่องเบอร์นี้ความหนืดเท่านี้ใช้กับเครื่องยนต์แบบไหน เครื่องยนต์ใหม่รถใหม่ที่ชิ้นส่วนยังฟิตอยู่ก็จะต้องใช้น้ำมันเครื่องทีความหนืดต่ำ  เครื่องยนต์เก่าก็ต้องใช้น้ำมันเครื่องความหนืดสูงๆเพื่อให้จับกับเครื่องยนต์ที่เริ่มหลวมได้ดี  การที่เอาน้ำมันเครื่องที่ความหนึดไม่เท่ากันมาผสมกันอาจมีการแบ่งชั้นระหว่างเครื่องยนต์ทำงานฟีล์มน้ำมันเครื่องอาจจะแยกจากกันทำให้เกิดการสึกหรอและความร้อนสะสมประสิทธิภาพการเก็บเศษโลหะและระบายความร้อนก็ไม่เท่ากัน  ที่สำคัญสารเพิ่มคุณภาพที่น้ำมันเครื่องแต่ล่ะตัวผสมมาไม่เหมือนกันหากผสมกันอาจจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว

ขอเพิ่มเติมครับ....น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อถึงแม้จะซื้อเบสออยล์มากจากโรงกลั่นเดียวกัน

แต่จะมีสูตรไม่เหมือนกัน มีสารปรุงแต่งต่างกันออกไป และเป็นความลับขอแต่ละบ.ซะด้วย

สารบางอย่างเมื่อมาผสมกันอาจจะทำให้น้ำมันหล่อลื่นเสียคุณภาพได้ครับ



 

[อรชุน-รักในหลวง]

น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ (mineral/lubricating oil) หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า น้ำมันหล่อลื่น หรือ น้ำมันเครื่อง ประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญคือ น้ำมันพื้นฐาน และสารเพิ่มคุณภาพ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ลดแรงเสียดทานของวัตถุชิ้นที่เสียดสีกัน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์ ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมและกรดต่างๆ และป้องกันกำลังอัดของเครื่องยนต์รั่วไหล เป็นต้น


การผลิต
แหล่งที่มาของน้ำมันพื้นฐานที่ใช้ทำมันเครื่องมี 3 แหล่งคือ

น้ำมันที่สกัดจากพืช
น้ำมันที่สกัดจากน้ำมันดิบ
น้ำมันสังเคราะห์ น้ำมันชนิดนี้จะให้คุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ดีที่สุด

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง
มาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ (Society of Automotive Engineer : SAE) ใช้ระบุความหนืด (ความข้นใส) ของน้ำมันเครื่อง ค่ายิ่งมากก็ยิ่งมีความหนืดมาก โดยแบ่งน้ำมันเครื่องออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
เกรดเดียว (monograde) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดค่าเดียว เช่น SAE 40 หมายความว่า ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 40
เกรดรวม (multigrade) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืด 2 ค่า เช่น SAE 20W-50 หมายความว่า ในอุณหภูมิ -25 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 20 แต่เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส จะเปลี่ยนค่าความหนืดเป็น เบอร์ 50
อักษร "W" ใช้เป็นตัวบ่งบอกว่าค่าความหนืดนี้เป็นเกรดฤดูหนาว (วัดที่ -25 องศาเซลเซียส) หากไม่มีจะเป็นเกรดฤดูร้อน (วัดที่ 100 องศาเซลเซียส)
มาตรฐานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (The American Petroleum Institute : API) ใช้ระบุประเภทของเครื่องยนต์ และสมรรถนะในการปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ สำหรับเครื่องยนต์เบนซินใช้อักษร "S" (spark ignition) เช่น SA SC SD SE SF SG SH SJ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลใช้อักษร "C" (compress ignition) เช่น CD CB CF4 บางครั้งเราอาจเห็นทั้ง "S" และ "C" มาด้วยกัน เช่น SG/CH4 หมายถึง น้ำมันเครื่องนี้เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ในระยะสั้น หรือ CH4/SG ก็จะกลับกันกับกรณีข้างต้น

คุณสมบัติของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์   
 
เมื่อสมัยสี่สิบปีก่อน น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์เกือบจะเป็นเพียงน้ำมันแร่ธรรมดาไม่ได้ผสมสาร เพิ่มคุณภาพ หรืออาจผสมเพียงสารป้องกันปฏิกิริยา
อ็อคซิเดชั่นเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน ของน้ำมันหล่อลื่นเท่านั้น เครื่องยนต์ในสมัยนั้นต้องยกเครื่องใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนที่สึกหรอ เนื่องจาก
คราบเขม่าสะสมหลังจากการใช้งานเพียงประมาณ 45,000 กิโลเมตร ในขณะที่ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 1,600 กิโลเมตรหรือน้อยกว่านั้น

ในปัจจุบันเครื่องยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 150,000 กิโลเมตรก่อนยกเครื่องเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ ในขณะที่ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน
เครื่องยืดออกไปถึง 5,000 - 8,000 กิโลเมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นผลจากการพัฒนาร่วมระหว่างผู้ผลิตเครื่องยนต์และผู้ ผลิตน้ำมันหล่อลื่น
น้ำมันหล่อลื่นในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยผสมสารเพิ่มคุณภาพซึ่งได้จากสาร สังเคราะห์หลายชนิดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพปัจจุบัน

น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์แก๊ซโซลีนในปัจจุบันต้องทำ หน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทุกชิ้นเพื่อป้องกันการสึกหรอ ลดแรงเสียดทาน และเพิ่ม
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ นอกจากนี้น้ำมันหล่อลื่นยังต้องทำหน้าที่เป็นซีลเพื่อรักษากำลังอัดในกระบอก สูบและระบายความร้อนอีกด้วย หน้าที่หลัก
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของน้ำมันเครื่องคือ ต้องรักษาและป้องกันเครื่องยนต์จากของเสียที่ได้จากการเผาไหม้ เช่น เขม่า และกรดกำมะถัน น้ำมันเครื่อง
ที่ดีจะต้องช่วย ชะล้างและกระจายคราบเขม่าในเครื่องยนต์และจะต้องมีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อทำ ปฏิกิริยากับกรดกำมะถันที่ได้จากการเผาไหม้
เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและสนิม

คุณสมบัติที่สำคัญเพื่อที่จะทำหน้าที่ข้างต้นคือ

1. น้ำมันเครื่องจะต้องมีความหนืดถูกต้อง 
2. น้ำมันเครื่องจะต้องไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป 
3. น้ำมันเครื่องต้องสามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ในทุกสภาวะการทำงาน
 

[Bird]

...
น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน
...

ค่าความหนืดต่างกันทุกอุณหภูมิครับไม่ใช่ที่100 ...

  ตั้งใจจะสื่อเช่นนั้นครับ  แต่ใช้คำพูดไม่ถูก...



ขอบคุณสำหรับคำอธิบายทั้งหมดครับ...

[อรชุน-รักในหลวง]

...
น้ำมันเครื่อง 2 ตัวนี้ไม่รู้ว่ายี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือความหนืดที่อุณหภูมิ 100 องศา มีค่าต่างกัน
...

ค่าความหนืดต่างกันทุกอุณหภูมิครับไม่ใช่ที่100 ...

  ตั้งใจจะสื่อเช่นนั้นครับ  แต่ใช้คำพูดไม่ถูก...



ขอบคุณสำหรับคำอธิบายทั้งหมดครับ...

มันเป็นเรื่องทางวิศวกรรมเคมีที่ซับซ้อนมากครับเรียนกันจนเกินปริญญาเอกซะอีก  ผมเองแค่เคมีวิศวกรพื้นฐานก็แทบตาย เจอตารางธาตุก็ตาลายแล้ว

[๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง]

ว่าแต่ทำไมรถท่าน Zeus  ถึงใช้ความหนืด40-50 แล้วละครับ
ผมเคยอ่านเจอ ปกติใช้ที่ 30เองครับ
  แหะ แหะ ผมว่าทิ้งไปเถอะครับ ถ้าผลออกมาไม่ดี มันเสียหายกว่าเยอะเลย

เป็นลิงค์จาก Acc club ครับ http://www.accordclubthailand.com/webboard/index.php?topic=54145.0
เกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง

[อรชุน-รักในหลวง]

ว่าแต่ทำไมรถท่าน Zeus  ถึงใช้ความหนืด40-50 แล้วละครับ
ผมเคยอ่านเจอ ปกติใช้ที่ 30เองครับ
  แหะ แหะ ผมว่าทิ้งไปเถอะครับ ถ้าผลออกมาไม่ดี มันเสียหายกว่าเยอะเลย

เป็นลิงค์จาก Acc club ครับ http://www.accordclubthailand.com/webboard/index.php?topic=54145.0
เกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง

]

พี่เขาใช้ 20w40 คงไม่ใช่รถใหม่แล้วมั้งครับพี่