เปิดตัว"โตโยต้า พริอุส" อย่างเป็นทางการ
วันนี้(16 พ.ย)บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงานเปิดตัว"โตโยต้า พริอุส"อย่างเป็นทางการ ชูประสิทธิภาพระบบไฮบริด ขับดีประหยัดน้ำมัน พร้อมการออกแบบทันสมัย ออปชันครบครัน เปิดราคาน่าใช้ 1.19 ล้านบาท
การออกแบบที่โดดเด่น มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว มีระบบทำความสะอาดไฟหน้า ด้วยหัวฉีดน้ำทำความสะอาดแบบพับซ่อนเก็บได้ ส่วนไฟท้ายใช้หลอด LED เพื่อความสว่าง ชัดเจน เช่นกัน ในส่วนของล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว น้ำหนักเบา ลดแรงเสียดทานพร้อมการออกแบบที่คำนึงถึงการหมุนวนของอากาศบริเวณซุ้มล้อ ซึ่งมีส่วนช่วยให้มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
ภายใน ล้ำหรูด้วยเบาะนั่งแบบพิเศษ ที่ปฎิวัติแนวคิดการออกแบบเพื่อความสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง โดยการเพิ่มพื้นที่ระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง ด้านพื้นที่เก็บของด้านหลัง กว้างขวาง เพียงพอสำหรับถุงกอล์ฟ 3 ใบ ทั้งยังสะดวกสบายด้วยระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) และ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start)
พริอุส ใหม่ มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบออพติตรอน (Advanced Multi-Information Display หรือ MID) แสดงค่าทุกการทำงานขณะขับขี่ โดยแบ่งการแสดงผลออกเป็น 3 โหมด คือโหมดการทำงานของระบบไฮบริด (Energy Monitor) โหมดแสดงผลการขับขี่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Hybrid System Indicator)และโหมดแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (Consumption Record)
ด้านเครื่องเสียงเล่นซีดี 6 แผ่นพร้อมลำโพง 8 จุด ที่ให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดิน รองรับไฟล์ MP3 / WMA พร้อมช่องต่อ AUX (*เฉพาะรุ่น Top Grade) และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
เครื่องยนต์ Atkinson Cycle รหัส 2ZR - FXE 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-I ขนาด 1,797 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบควบคุมการหมุนเวียนไอเสีย EGR(Exhaust Gas Recirculation) ที่ติดตั้งระบบระบายความร้อน
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรพัฒนาระบบเกียร์ทดกำลังให้มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบายิ่งขึ้น แต่สามารถรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร
ส่งกำลังด้วยเกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Electronic Gear Shift) เทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนที่รองรับทุกการสั่งงาน พร้อมระบบคันเกียร์ที่กลับคืนสู่ตำแหน่งกลางโดยอัตโนมัติทุกครั้งหลังการเข้าเกียร์ เพิ่มความสะดวก
ขณะที่แบตเตอรีแบบ Ni-MH (Nickel & Metal Hydride) น้ำหนักเบา ทนทานยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยม
พริอุส ใหม่ สามารถเลือกโหมดการขับได้ 3 รูปแบบ คือโหมดการขับขี่ทรงพลัง (PWR Mode) ระบบจะผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองการขับขี่อย่างทันใจ และโหมดการขับขี่ประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) ซึ่งระบบจะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อน จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมถึงโหมดการขับขี่เงียบสนิท (EV Mode) ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เหมาะสำหรับการเดินทางในบริเวณที่ใช้ความเร็วต่ำ
ด้านความปลอดภัย จัดมาให้ทั้ง สัญญาณไฟเบรกกระพริบเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Lamps) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC - Vehicle Stability Control) ที่ทำงานร่วมกับ EPS (Electronic Power Steering) รักษาการทรงตัวของรถในทุกสภาพการขับขี่ โดยการสั่งให้เครื่องยนต์ลดความเร็วอัตโนมัติ และควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้ออย่างอิสระเพื่อรักษาการทรงตัวของรถให้สมดุลที่สุด ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ในทุกๆการเบรก ระบบจะปรับแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้อให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อ
รวมถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC - Traction Control System) คอยควบคุมและป้องกันการลื่นไถลของล้อ เมื่อมีการเหยียบคันเร่งมากเกินไปขณะออกตัว หรือการเร่งความเร็วแบบกะทันหันบนถนนลื่น และระบบป้องกันล้อล็อก (ABS - Anti-lock Braking System) สำหรับการเบรกแบบกะทันหันบนถนนที่เปียก ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมทิศทางของรถได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน อยู่ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่าน 2 ตำแหน่ง และ เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง ขณะที่หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบช่วยลดแรงกระแทก (Active Headrest) เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง หมอนพิงศีรษะจะปรับองศาอัตโนมัติเพื่อรองรับสรีระบริเวณคอทันที ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บที่กระดูกคอ
ราคาก็จิ๊บๆ
พริอุส แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย 1.8L Standard ราคา 1.19 ล้านบาท 1.8L Top 1.26 ล้านบาท ส่วนตัวท็อปสีขาวมุก ราคา 1.27 ล้านบาท
ทั้งนี้โตโยต้าเตรียมเผยโฉมพริอุส สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และพร้อมลงโชว์รูมโตโยต้า 320 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป
ที่มา
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000162100