ลดเป็นแสนหลังเอส-คลาส เติม E20
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถ เอส-คลาส ใช้น้ำมันอี 20 ในเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ใช้ใน E 300 AVANTGARDE และ S 300 L สอดรับนโยบายภาครัฐหนุการใช้พลังงานทางเลือกที่หลากหลาย พร้อมปรับราคาลง 5% ตามภาษีสรรพสามิตหรือลดไปครึ่งล้านกว่าบาทในรุ่นเอส-คลาส
หลังจากที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ประกาศรับรองการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 หรือ อี20 ในรถเบนซ์ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ แล้วนั้น ขณะนี้บริษัทฯเพิ่มรุ่นรถที่สามารถใช้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 อี20 ในเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ใช้ใน E 300 AVANTGARDE (รหัสตัวถัง W212 )และ S 300 L (รหัสตัวถัง V 221) เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์
ในการเพิ่มจำนวนรุ่นที่ สามารถใช้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 อี20 ในครั้งนี้ ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถรองรับการใช้พลังงานทางเลือกได้ในทุกเซกเมนท์ คือ ซี-คลาส ,อี-คลาส และ เอส-คลาส ซึ่งเป็นรุ่นแฟล็กชิพของบริษัทฯ นอกจากนี้ยังเป็นการขยายประเภทของเครื่องยนต์ที่จะสามารถรองรับพลังงานทาง เลือกในเมืองไทย
ทั้งเครื่องยนต์ขนาด 6 สูบ ที่ใช้ในรถเบนซ์ E 300 AVANTGARDE และ S 300 L ผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพที่ได้มาตรฐานสากลจากศูนย์วิจัยและพัฒนา ของบริษัทเดมเลอร์ เอจี ประเทศเยอรมนี เพื่อการผลิตและใช้ในประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นลูกค้าจึงสามารถมั่นใจถึงสมรรถนะการขับขี่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพตา มาตรฐานของเบนซ์ รวมถึงการที่เครื่องยนต์ดังกล่าวได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐาน อุตสาหกรรม (สมอ.) ทำให้สามาถรเติมน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 จากสถานีบริการน้ำมันที่ได้มาตรฐานการรับรองคุณภาพน้ำมันจากกรมธุรกิจ พลังงาน กระทรวงพลังงาน
แน่นอนเมื่อรถทั้ง2 รุ่น สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 อี20 ส่งผลให้รถเสียภาษีสรรพสามิตในราคาที่ลดลงจากเดิมอีก 5 % ดังนั้นราคาขายก็จะถูกปรับลงมาเช่นกัน ส่วนราคาใหม่ที่ได้มีการปรับลงมาสำหรับ รุ่น E 300 AVANTGARDE ราคา 4,750,000 บาท (ราคาเดิม 4,999,000) , S 300 L ราคา 7,199,000 บาท (ราคาเดิม 7,799,000)และ S 300 L with rear seat entertainment ราคา 7,499,000 บาท
E 300 AVANTGARDE มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี 6 สูบ เครื่องยนต์ขนาด 2,996 ซีซี พร้อมเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC) แบบ DIRECT SELECT พร้อมเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 161 กิโลวัตต์ 219 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตร ต่อ 2,500 - 5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 - 100 กม. ภายใน 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 247 กม. ต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยที่ 9.1 - 9.3 ลิตร ต่อ 100 กม. และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยที่ 212 - 217 กรัมต่อ กม.
ส่วน S 300 L มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี 6 สูบ เครื่องยนต์ขนาด 2,997 ซีซี พร้อมเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC) แบบ DIRECT SELECT พร้อมเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 161 กิโลวัตต์ 219 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตร ต่อ 2,500 - 5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 - 100 กม. ภายใน 8.2 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 245 กม. ต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยที่ 9.2 ลิตร ต่อ 100 กม. และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยที่ 219 กรัมต่อ กม.
ที่มา : manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175951