กระทู้รถยนต์....แลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้กัน

[Southlander]

เมื่อไหร่รถกระบะบ้านเราจะมีเจ้าไหนใจกล้าฉีกแนวเอาเครื่องดีเซลหกสูบ 3000 ซีซี หรือ 3200 ซีซี มาวางในรถของตนก่อนเพื่อนนะ
เห็นเขาว่าเครื่องหกเม็ดแถวเรียง มันบาล๊านภายในได้สมดุลย์พอดีกว่าเครื่องแบบไหนทำให้เครื่องนิ่ง เร่งเร็ว ม้าเยอะ และทนทาน

ถ้าภาษีและราคาน้ำมันยังเป็นแบบนี้ผมเป็นเจ้าของบริษัทก็ไม่กล้าเปิดตลาดหรอกครับ

ภาษีเขานับจำนวนสูบด้วยเหรอ นึกว่าเฉพาะความจุ

เกิน3,000ขึ้นไปก็อีกราคาไงพี่ ส่วนเรนเจอร์3.2นั่นมัน4สูบก็กินน้อยกว่า6สูบ

เรนเจอร์3.2เป็นเครื่อง5สูบครับ  ได้ข่าวปีหน้าตัวMC2015จะเปลี่ยนเป็นวาง2.7  6สูบ

มีคนทำจนได้ เทพจริงๆ ต้องรอดูแล้วว่าเครื่องหกเม็ดจะเด็ดสุดยอดแค่ไหน

[อรชุน-รักในหลวง]

มีคนทำจนได้ เทพจริงๆ ต้องรอดูแล้วว่าเครื่องหกเม็ดจะเด็ดสุดยอดแค่ไหน

รอลุ้นครับ

[TakeFive]

เครื่องความจุสูงๆที่มีจำนวนสูบเยอะ มีแนวโน้มจะประหยัดน้ำมันกว่าสูบน้อยครับ ด้วยออกแบบระบบและส่วนควบในการจุดระเบิดได้มากและเหมาะสมกว่า อันนี้พูดถึงเครื่องสำหรับรถนะครับ ถ้าเครื่องจักรอื่นๆ เครื่องดีเซลเชิงอุตสาหกรรมเช่นเครื่องปั่นไฟที่ใช้รอบเครื่องคงที่ แบบนี้สูบน้อยจะประหยัดกว่า หลักๆคือส่วรที่สร้างแรงเสียดทานน้อยกว่า,ช่วงชักยาว สร้างทอร์คสูงได้ตั้งแต่รอบต่ำๆ

[อรชุน-รักในหลวง]

เครื่องความจุสูงๆที่มีจำนวนสูบเยอะ มีแนวโน้มจะประหยัดน้ำมันกว่าสูบน้อยครับ

ถ้าเทคโนโลยีระดับเดียวกันไม่เสมอไปครับอยู่รูปแบบการใช้งาน
ถ้าสรุปเป็นแบบที่ว่าจริงเทียน่า V6 2.5 วิ่งในเมืองก็คงประหยัดกว่าเครื่อง3สูบ1.2ของมาร์ช
กลับกันถ้าวิ่งทางไกลยาวๆด้วยความเร็วค่อนข้างสูง 3สูบของมาร์ชก็สู้ V6 ของเทียน่าไม่ได้ 

สูบเยอะกว่าชิ้นส่วนเคลื่อนไหวมากกว่าการสูญเสียกำลังก็มากตาม
เพียงแต่เมื่อสร้างกำลังได้เท่ากันสูบเยอะมันทนกว่าเพราะแต่ล่ะชิ้นรับภาระงานน้อยกว่า

[SillyOldMan]

กระทู้กลับขึ้นมาบ่อยจริง กิเลสทั้งนั้น เก๊าหมดงบฯแล้ว       




แต่ปลายปีเก๊าจะซื้อแมงกะไซค์ เมียอนุมัติแระ บอกปิดค่างวดรถกระบะจบเมื่อไหร่ก็ให้ไปจองได้ 

[Southlander]

กระทู้กลับขึ้นมาบ่อยจริง กิเลสทั้งนั้น เก๊าหมดงบฯแล้ว       




แต่ปลายปีเก๊าจะซื้อแมงกะไซค์ เมียอนุมัติแระ บอกปิดค่างวดรถกระบะจบเมื่อไหร่ก็ให้ไปจองได้ 

รอกระบะเครื่องหกสูบแถวเรียงดีกว่า


ปล.เครื่องหกสูบแถวเรียงตระกูล J ของโตโยต้า / RB ของNissan /และหกสูบของ BMW มีส่วนเป็นแรงบันดาลใจอย่างมากต่อผมในการกลับให้ความสนใจหกสูบแถวเรียง

[TakeFive]

เครื่องความจุสูงๆที่มีจำนวนสูบเยอะ มีแนวโน้มจะประหยัดน้ำมันกว่าสูบน้อยครับ

ถ้าเทคโนโลยีระดับเดียวกันไม่เสมอไปครับอยู่รูปแบบการใช้งาน
ถ้าสรุปเป็นแบบที่ว่าจริงเทียน่า V6 2.5 วิ่งในเมืองก็คงประหยัดกว่าเครื่อง3สูบ1.2ของมาร์ช
กลับกันถ้าวิ่งทางไกลยาวๆด้วยความเร็วค่อนข้างสูง 3สูบของมาร์ชก็สู้ V6 ของเทียน่าไม่ได้  

สูบเยอะกว่าชิ้นส่วนเคลื่อนไหวมากกว่าการสูญเสียกำลังก็มากตาม
เพียงแต่เมื่อสร้างกำลังได้เท่ากันสูบเยอะมันทนกว่าเพราะแต่ล่ะชิ้นรับภาระงานน้อยกว่า

สงสัยผมคงสื่อไม่เคลียร์เอง ที่ผมยกอันนี้มาพูดเพราะเห็นคุณแย้งคุณ Southlander บอกว่า เรนเจอ 3.2 เป็น4สูบ เลยกินน้อยกว่า6สูบ ผมเลยแย้งขึ้นมาเฉยๆว่า ถ้าเครื่องความจุเยอะๆ เช่น เกิน2.5ขึ้นไปเนี่ย เครื่องที่มีจำนวนสูบเยอะ จะประหยัดกว่าเครื่องที่มีสูบน้อย(เลยละไว้ว่า ในความจุประมาณเดียวกัน เทคโนโลยียุคเดียวกัน กำลังพอๆกัน)ถ้าเอา teana กับ eco-car มาเทียบเกรงว่าคงคุยกันคนละประเด็น

กลับมาสาเหตุที่บอกว่าทำไมเครื่องสูบน้อยกินกว่า

1.จังหวะจุดระเบิดของแต่ละสูบของเครื่องยนต์4จังหวะ กำลังที่ได้ กราฟจะมีลักษณะเป็นภูเขาคือมีแรงบิด พุ่งขึ้นมาเป็นเวลาสั้นๆ(instantaneous torque) แต่ก่อนที่เครื่องจะสร้างแรงบิด เครื่องจะ"กินแรง" คือแรงบิดเป็นลบ(negative torque) เนื่องจากต้องใช้แรงในการดันลูกสูบและบีบส่วนผสมให้เหมาะสม

ยิ่งจำนวนสูบมากแรงบิดลบที่ว่าจะยิ่งน้อยครับ
เครื่อง4สูบจะมีอัตราส่วนแรงบิดที่สร้างกับแรงบิดที่เสียประมาณ 3:1,
เครื่อง6สูบประมาณ 6:1

อันนี้เป็นประเด็นหลักที่ผมว่า "ถ้าเครื่องความจุเยอะ" เพราะถ้าเครื่องความจุเล็กๆ คือ ตั้งแต่ 2.0ลงไป ประโยชน์ตรงนี้จะเริ่มไม่คุ้มกับแรงเสียดทานจากชิ้นส่วนต่างๆที่มากขึ้นของเครื่องสูบเยอะ

2.ประเด็นเรื่องวาล์ว เครื่องสูบเยอะ เล่นกับวาลว์ได้มากกว่า คือถ้าจะออกแบบให้กำลังเท่ากันประโยชน์ตรงนี้จะทำให้ไม่ต้องไปเค้นกับเครื่องมาก
รายละเอียดตรงนี้ ค่อนข้างเยอะ ไม่แน่ใจว่าสมาชิกท่านอื่นๆจะรำคาณหรือเปล่า เพราะนอกประเด็นไปไกลแล้ว

[NOOM 19 รักในหลวง]

Fortuner V6 3.0 มีขายตั้งนานแล้วนี้ครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

สงสัยผมคงสื่อไม่เคลียร์เอง ที่ผมยกอันนี้มาพูดเพราะเห็นคุณแย้งคุณ Southlander บอกว่า เรนเจอ 3.2 เป็น4สูบ เลยกินน้อยกว่า6สูบ ผมเลยแย้งขึ้นมาเฉยๆว่า ถ้าเครื่องความจุเยอะๆ เช่น เกิน2.5ขึ้นไปเนี่ย เครื่องที่มีจำนวนสูบเยอะ จะประหยัดกว่าเครื่องที่มีสูบน้อย(เลยละไว้ว่า ในความจุประมาณเดียวกัน เทคโนโลยียุคเดียวกัน กำลังพอๆกัน)ถ้าเอา teana กับ eco-car มาเทียบเกรงว่าคงคุยกันคนละประเด็น

กลับมาสาเหตุที่บอกว่าทำไมเครื่องสูบน้อยกินกว่า

1.จังหวะจุดระเบิดของแต่ละสูบของเครื่องยนต์4จังหวะ กำลังที่ได้ กราฟจะมีลักษณะเป็นภูเขาคือมีแรงบิด พุ่งขึ้นมาเป็นเวลาสั้นๆ(instantaneous torque) แต่ก่อนที่เครื่องจะสร้างแรงบิด เครื่องจะ"กินแรง" คือแรงบิดเป็นลบ(negative torque) เนื่องจากต้องใช้แรงในการดันลูกสูบและบีบส่วนผสมให้เหมาะสม

ยิ่งจำนวนสูบมากแรงบิดลบที่ว่าจะยิ่งน้อยครับ
เครื่อง4สูบจะมีอัตราส่วนแรงบิดที่สร้างกับแรงบิดที่เสียประมาณ 3:1,
เครื่อง6สูบประมาณ 6:1

อันนี้เป็นประเด็นหลักที่ผมว่า "ถ้าเครื่องความจุเยอะ" เพราะถ้าเครื่องความจุเล็กๆ คือ ตั้งแต่ 2.0ลงไป ประโยชน์ตรงนี้จะเริ่มไม่คุ้มกับแรงเสียดทานจากชิ้นส่วนต่างๆที่มากขึ้นของเครื่องสูบเยอะ

2.ประเด็นเรื่องวาล์ว เครื่องสูบเยอะ เล่นกับวาลว์ได้มากกว่า คือถ้าจะออกแบบให้กำลังเท่ากันประโยชน์ตรงนี้จะทำให้ไม่ต้องไปเค้นกับเครื่องมาก
รายละเอียดตรงนี้ ค่อนข้างเยอะ ไม่แน่ใจว่าสมาชิกท่านอื่นๆจะรำคาณหรือเปล่า เพราะนอกประเด็นไปไกลแล้ว

สรุปว่าสูบน้อยกินมากหรือกินน้อยกันแน่ครับอ่านแล้วงงพิกล  ส่วนเรื่องการถกเถียงทางวิชาการที่นี่ไม่มีใครรำคาญหรอกครับมีแต่จะชอบ

[TakeFive]

ลูกสูบมากกินน้อยกว่า ลูกสูบน้อยกินมากกว่า ครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

ลูกสูบมากกินน้อยกว่า ลูกสูบน้อยกินมากกว่า ครับ

ขอบคุณครับ........

[ลุงโย]

สำหรับ Teana ตัวใหม่ (L33) เครื่อง4สูบแถวเรียง 2.5L ม้าลดลงเกือบ10ตัว แรงบิดเพิ่มมาหน่อย กลับกินน้ำมันน้อยลงและอัตราเร่งดีกว่า Teana โฉมที่แล้ว(J32)ที่เป็นเครื่อง วี 6สูบ 2.5L ครับ
เห็นว่าอาจเป็นเพราะเกียร์ตัวใหม่ก็เป็นไปได้ รถขนาด2500 cc วิ่งตจว.ที่ความเร็ว 120-140 กินน้ำมันประมาณ 15-17 กม./ลิตร นี่ผมว่ามันประหยัดใช้ได้เลยครับ
แต่อย่าเอาเข้าเมือง มันจะเหลือไม่เกิน 5 กม./ลิตรทันที 

[SillyOldMan]

L33อัตราสิ้นเปลืองในเมือง ชั่วโมงเร่งด่วน10.5-11.5กม./ลิตรครับ  

ตอนรับรถ4วันแรกวิ่งเฉลี่ยกทม.-มอเตอร์เวย์-พัทยา2วัน-กทม.สุราษฎร์ฯ-ภูเก็ต 1,5**กม.ทำอัตราสิ้นเปลืองได้14.3กม./ลิตร

หลังเปลี่ยนใช้น้ำมันเครื่องMobil1แล้วก็ยังไม่ได้ใช้ความเร็วเดินทาง เลยมีมาให้แต่อัตราสิ้นเปลืองในเมือง.....ในเวบTeanaเขารายงานผลการทดลองมาว่าถูกโรคกันขนาดทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในกรุงเทพได้16-18กม./ลิตรครับ  






HeadlightmagรายงานผลการทดสอบL33ทำอัตราเร่งแซงบนถนนย่าน80-120ได้5.84วินาที เป็นที่1ในรถกลุ่มมิติตัวถังนี้

และเป็นที่3ในรถทั้งหมดที่ขายอยู่ในโชว์รูมมาตรฐานในประเทศไทย โดยอันดับ

1.LEXUS GS450h(4.72s) เครื่องยนต์3,456cc. ราคา7,790,000บาท

2.BMW 530d(5.23s) เครื่องยนต์ดีเซล6สูบ3,000cc. ราคา7,299,000 บาท

3.NISSAN TEANA L33(5.84s.) เครื่องยนต์เบนซิน4สูบ 2,500cc. ราคา1,570,000 บาท

4.BMW 525d(6.04s.)ดีเซล2,400cc. ราคา3,999,000บาท

สารภาพว่ายังไม่หายเห่อครับ          

[SillyOldMan]

แต่อัตราเร่ง0-100ยังสู้คัมรี่ไม่ได้นะครับ 

[TakeFive]

สำหรับ Teana ตัวใหม่ (L33) เครื่อง4สูบแถวเรียง 2.5L ม้าลดลงเกือบ10ตัว แรงบิดเพิ่มมาหน่อย กลับกินน้ำมันน้อยลงและอัตราเร่งดีกว่า Teana โฉมที่แล้ว(J32)ที่เป็นเครื่อง วี 6สูบ 2.5L ครับ
เห็นว่าอาจเป็นเพราะเกียร์ตัวใหม่ก็เป็นไปได้ รถขนาด2500 cc วิ่งตจว.ที่ความเร็ว 120-140 กินน้ำมันประมาณ 15-17 กม./ลิตร นี่ผมว่ามันประหยัดใช้ได้เลยครับ
แต่อย่าเอาเข้าเมือง มันจะเหลือไม่เกิน 5 กม./ลิตรทันที 

เทคโนโลยีคนละยุคกันแล้วอะครับ เครื่อง VQ นี่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยผมเรียนมัธยมได้แล้วมั้ง ถึงจะพัฒนามาหลายเวอร์ชันแล้วก็เถอะ
ความดีความชอบของเครื่องตัวใหม่ต้องยกให้กับเกียร์ CVT ด้วยครับ เพราะเข้าไปอ่านดูspecลูกสูบ 89*100mm ช่วงชักยาวเว่อนี่ดีตรง torque มาเยอะแต่เนิ่นๆ ถ้าเกียร์ยังใช้เกียร์แบบลูกทอร์คคงไม่สามารถออกแบบเครื่องแบบนี้มาได้