เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 06, 2024, 03:18:56 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ด.ช.ถูกลักจากอุดรธานีกลับบ้านแล้ว  (อ่าน 4285 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:26:19 PM »

ตายแน่ครับ ไม่ต้องรอบสอง
ครับพี่... Grin

ประวัติการลงโทษของไทย

     วิวัฒนาการการลงโทษผู้กระทำผิดในทุกประเทศ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันคือ เริ่มจากการลงโทษอย่าง
โหดร้ายเพื่อตอบแทนให้สมแค้น เพื่อข่มขู่ยับยั้งให้เกรงกลัวและเข็ดหลาบ แล้วคลี่คลายลงมาเป็นการฟื้นฟู
อบรมแก้ไขให้คืนดี รูปแบบการลงโทษในแต่ละยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการปกครอง และ
สังคมเป็นสำคัญ

การราชทัณฑ์ของประเทศไทย อาจแบ่งวิวัฒนาการเป็น 3 ยุค คือ
1. ยุคก่อนสมัยรัชกาลที่ 5
2. ยุคแห่งการปรับปรุงในสมัยรัชกาลที่ 5
3. ยุคปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่สมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475

ยุคก่อนสมัยรัชกาลที่ 5
สมัยกรุงศรีอยุธยา
     แม้กฎหมายเก่าในสมัยกรุงศรีอยธยาจะสูญหายไปมาก แต่จากกฎหมายตราสามดวง ซึ่งได้ประมวลไว้
ในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ สามารถแสดงให้เห็นเค้าโครงการลงโทษในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้
ว่า เป็นการลงโทษเพื่อแก้แค้น ตอบแทน และข่มขู่ยับยั้ง เพราะมุ่งลงโทษที่ตัวผู้กระทำผิดอย่างเต็มที่ โดย
เฉพาะโทษประหารชีวิตในพระอัยการขบถศึก อันว่าด้วยโทษทวะดึงษ์กรรมกรณ์ 32 ประการ ได้กำหนดวิธี
การประหารชีวิตหลายรูปแบบอย่างน่าสยดสยอง

การลงโทษสมัยอยุธยา พอจะประมวลได้ ดังนี้

 
     1.การประหารชีวิต ปกติใช้วิธีตัดศรีษะด้วยดาบ แต่ใน
กรณีกบฏได้มีบทบัญญัติในลักษณะที่โหดร้ายทารุณอย่างยิ่ง ซึ่งเข้าใจว่ามุ่งหมายข่มขู่ให้เกรงกลัว และในกรณีลงโทษพระ-
ราชวงศ์ก็มีวิธีประหารชีวิตแตกต่างจากสามัญชน
     2.การลงโทษร่างการให้เจ็บปวดทรมาน โดยปกติใช้เฆี่ยน
ด้วยหวาย หรือทวนด้วยลวดหนัง จองจำหรือพันธนาการด้วย ขื่อ
คา พวงคอ ล่ามโซ่ ตรวน ขึ้นขาหย่าง บั่นทอนอวัยวะด้วยการตัด
มือ ตัดเท้า ตอกเล็บ ควักนัยตา แหวะปาก ตัดลิ้น 
     3.ประจาน ได้แก่ สักหน้าหรือตัว แหวะหน้าผากหรือแก้ม พร้อมทั้งจำเครื่องพันธนาการ มีคนตีฆ้อง
ร้องประกาศความชั่วตระเวนไปรอบเมือง
        4.ปรับตามลักษณะความร้ายแรงของความผิดและตามฐานันดรศักดิ์
        5.ริบทรัพย์ มักคู่กับโทษประหารชีวิต เรียกว่า ริบราชบาตรคือถูกริบทั้งหมดทั้งทรัพย์สินเงินทอง
รวมทั้งลูกเมีย
        6.โทษจำคุก ไม่มีกำหนดยาวนานเท่าใด แล้วแต่พระเจ้าอยู่หัวจะโปรดพระราชทานอภัยโทษ หรือ
มีพระบรมราชโองการสั่ง
 
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:28:09 PM »

อันนี้ ก็โหด....มาก ๆ ครับ  Shocked


การจองจำ 5 ประการ

     สันนิษฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวิธีการจองจำผู้กระทำความผิดที่ต้องโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต และตามความเหมาะสมที่พระทำมะรง เห็นสมควรด้วยเครื่องพันธนาการ 5 ชนิด ตามที่
อธิบายไว้ในหนังสือสารานุกรมไทย คือ ตรวนใส่เท้า เท้าติดขื่อไม้ โซ่ล่ามคอ คาใส่คอทับโซ่ มือทั้งสอง
สอดเข้าไปในคา และไปติดกับขื่อทำด้วยไม้ แต่ในหนังสือ "เล่าเรื่อง กรุงสยาม" ซึ่งสังฆราชปาเลกัวซ์ เขียน
ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2397 ระบุว่ามีดังนี้ คือ ตรวนเหล็กที่คอ กุญแจมือ ตรวนใส่เท้า โซ่ล่ามเอว คาใส่คอ การจองจำ
5 ประการ ได้ถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2434 (ร.ศ.110) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ที่ 5

 

เครื่องมือทรมาน

      เครื่องมือทรมานเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เครื่อง จารีตนครบาล" ปรากฎหลักฐานตามกฎหมายตราสาม
ดวง สันนิษฐานว่ามีการใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น คำว่า "จารีต
นครบาล" คือวิธีการไต่สวนจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาแผ่นดินให้รับสารภาพด้วยวิธีการ
ทรมานร่างกายให้เกิดความทุกข์ ทรมานเจ็บปวด เช่น ตอกเล็บ บีบเล็บ บีบขมับ ขึ้นขาหยั่ง เป็นต้น จารีต
นครบาลได้ถูกยกเลิกอย่างเด็ดขาด ในปี พ.ศ.2451 (ร.ศ.127) โดยประกาศประมวลกฎหมาย ลักษณะอาญา
ยกเลิกการไต่สวนโดยจารีตนครบาล

 

1. ไม้บีบเล็บ

      ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง 2 อัน ปลาย 2 ข้างเป็นปุ่ม และ
เรียวลงไปตอนกลางโป่ง ยึดปลายข้างหนึ่งไว้ด้วยเชือกให้แน่น
เมื่อเอาบีบลงตรงเล็บผู้ที่ถูกสอบสวนแล้ว ก็เอาเชือกรัดขัน
ปลาย อีกข้างหนึ่ง ให้แน่นแล้วใช้ค้อนไม้เนื้อแข็งทุบลงไป
ตรงกลางที่วางเล็บไว้ ตามหลักฐานใช้สำหรับทรมานผู้ร้าย
เวลาไต่สวนเพื่อให้รับสารภาพ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า เริ่ม
ใช้สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยกฎหมาย "พระอัยการ ขบถศึก" จุล
ศักราช 796 (พ.ศ. 1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาล
ที่ 5) โดยประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451)
 

 

2. ไม้บีบขมับ

     เป็นเครื่องมือทรมานทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มี 2 อัน ปลายข้างหนึ่งใช้
เชือกผูกไว้ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งมีเชือกขันตรงกลางมีปุ่ม 2 ปุ่ม สำหรับ
ใส่ตรงขมับทั้ง 2 ข้าง และขันเชือกอีกปลายด้านหนึ่งให้แน่น กดขมับให้
เจ็บปวดจนกว่าจะให้ถ้อยคำเป็นที่เชื่อถือได้ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า เริ่ม
ใช้สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยกฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศักราช 796
(พ.ศ. 1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 5) โดยประมวลกฎ
หมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ.2451)   

 

3. ฆ้อนตอกเล็บ

      ทำด้วยไม้แก่นปลายไม้ข้างหนึ่งแหลมใช้สำหรับใส่เข้า
ไประหว่างเล็บและเนื้อแล้วใช้ฆ้อนตอกไม้ปลายแหลมเข้าไป
ในเล็บปรากฏหลักฐานแน่ชัด ว่าเริ่มใช้สมัยกรุงศรีอยุธยา โดย
กฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) เลิก ใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่5) โดยประมวลกฎหมาย ลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451) 

 

4. หีบทรมาน

     ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะคล้ายหีบศพขนาดพอดีกับตัวคน ที่ฝาปิด
มีรูเจาะไว้ 2 รู เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งนิ้ว สำหรับให้พอหายใจได้
เท่านั้น เมื่อเอาผู้ร้ายเข้าไปนอนในหีบ ปิดฝาแล้วจะพลิกหรือตะแคงตัว
ไม่ได้อาจวางนอน หรือวางยืนไว้กลางแดดก็ได้ ร้อนจนอึดอัดแทบขาดใจ
ตาย เป็นการทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มใช้
สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยกฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศึกราช 796
(พ.ศ.1978) เลิกใช้ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 5) โดยประมวลกฎ-
หมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451)   

 

5. ไม้ขาหย่าง

      เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ ซึ่งมักใช้เป็นโทษประจานให้ได้อาย มีลักษณะเป็นไม้
กลม 3 ท่อน ยาวท่อนละประมาณ 1.60 เมตร ปลายมีเหล็กแหลมหุ้มสำหรับเสียบ
ลงในดินให้แน่น ปลายอีกข้างหนึ่งใช้เชือกมัดรวมแล้วมัดผู้กระทำผิดไว้บนไม้สาม
ขา หรืออาจแขวนห้อยไว้ไม่ให้เท้าหยั่งพื้นถึง มีเจ้าหน้าที่ตีฆ้องร้องป่าว มิให้คนอื่น
เอาเยี่ยงอย่าง 

 

6. เบ็ดเหล็ก

     ใช้เพื่อลงทัณฑ์ผู้ต้องโทษโดยเกี่ยวเบ็ดเหล็กเข้าใต้คาง ปลายแหลม
ของเบ็ดเหล็กเสียบทะลุคางถึงใต้ลิ้น แล้วชักรอกดึงรั้งคางของผู้ต้องโทษ
ให้ตัวลอยขึ้นจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้นดิน โดยไม่ให้คางหลุดจากเบ็ด
เหล็ก เบ็ดเหล็กนี้ทำด้วยเหล็กท่อนขนาด 4 หุน ปลายแหลมเหมือน เบ็ดตก
ปลา ยาวประมาณ 16 นิ้ว เริ่มใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับสมัยแผ่นดิน
ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) ซึ่งปรากฎใน
กฎหมายพระอัยการขบถศึก และเลิกใช้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ร.ศ. 127
(พ.ศ. 2451) เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา 

 

7. ตะกร้อลงโทษ (ตะกร้อช้างเตะ)

      เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ มีลักษณะทรงกลมทำด้วยหวาย
เส้นสานกันห่างๆ หวายที่สานมีด้วยกันแผงละ 13 เส้น เส้นผ่า
ศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร มีช่องขัดเสียบเหล็กแหลม
ลงไปช่องละ 6-9 ตัว วิธีการลงทัณฑ์จับคนโทษ ยัดใส่ตะกร้อ
แล้วใช้ช้างเตะให้เลียดกลิ้งไปกับพื้นเหล็กแหลมจะทิ่มแทง
ตามร่างกายให้ได้รับความเจ็บปวด ตะกร้อที่จัดแสดงไว้ที่
พิพิธภัณฑ์ ตามหลักฐานได้มาจากคุกเมืองโคราชหรือเรือนจำ
กลางนครราชสีมาปัจจุบัน   

 

8. หวาย

     เป็นเครื่องมือทรมานในการไต่สวนคนร้ายที่ถูกกล่าวหาให้รับสัตย์
(รับผิด) เริ่มใช้สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์และเลิกใช้สมัยรัชกาลที่ 5
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ร.ศ. 115 (พ.ศ. 2439) หวายที่ใช้ลงโทษผู้ต้อง
ขัง มี 3 ลักษณะ   

8.1 หวายแช่น้ำแสบ (น้ำเกลือ)

      ทำด้วยหวายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1.10 เมตร ที่ด้านมือจับควั่นด้วยเปลือก
หวายเส้น วิธีการทรมาน จับคนร้ายมัดหันหน้าติดพื้นหรือนอนคว่ำหน้ากับพื้นราชทัณฑ์จะใช้หวายแช่น้ำแสบ
(น้ำเกลือ) ที่เตรียมเอาไว้ หวดเฆี่ยนบนหลังคนร้ายตามกำหนดการเฆี่ยนใช้ นับเป็นยก "ยกหนึ่ง" หมายถึง
30 ขวับ จนกว่าคนร้ายจะรับสัตย์ (รับผิด)

8.2 หวายกระชากหนังกำพร้า

       ทำด้วยหวาย 3 เส้นมัดรวมกัน แต่ละเส้นวันเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ
1.25 เมตร ครึ่งปลายของหวายหุ้มด้วยเปลือกหวายขัด เพราะเปลือกหวายขัดนี่เอง เวลาหวดลงหวายไปแต่ละ
ทีหนังกำพร้าจะหลุดติดออกมาเป็นริ้วๆ การนับก็เป็น "ยก" เช่นเดียวกับ หวายแช่น้ำแสบ

8.3 หวายสามแนว

        ทำด้วยหวาย 3 เส้น แต่ละเส้นวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ 1 เซนติเมตรยาวประมาณ 1.25 เมตร
โดยเอาหวาย 3 เส้นมัดรวมกัน แค่ครึ่งหนึ่งของตัวหวายไว้เป็นที่จับ อีกครึ่งหนึ่งของส่วนปลายปล่อยเปลือย
การเฆี่ยนตีหรือโบยด้วยหวายสามแนวเหมือนกับหวายแช่น้ำแสบ และหวายกระชากหนังกำพร้า
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #17 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:31:14 PM »

ตอนนี้พูดได้หรือยังว่ากฎหมายบ้านเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ Grin Grin Grin นักการเมืองไม่กลัวเลย
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
NatthaphoN_
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13071

https://lh5.googleusercontent.com/-3fxkffwgtBc/AAA


« ตอบ #18 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:32:59 PM »

อันตรายจริงๆ ระวังกันไว้ครับพ่อ แม่ พี่ น้อง
จริงครับพี่ ขออย่าเจอกับลูกหลานหรือกะใครเลยครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:34:00 PM »

สำหรับพวกนักการเมืองขี้ฉ้อ..มันน่าจะโดนข้อนี้ก่อนเป็นอันแรก..ครับ...เอาให้เข็ดซะเลย.. ยี๊

7. ตะกร้อลงโทษ (ตะกร้อช้างเตะ)

      เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ มีลักษณะทรงกลมทำด้วยหวาย
เส้นสานกันห่างๆ หวายที่สานมีด้วยกันแผงละ 13 เส้น เส้นผ่า
ศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร มีช่องขัดเสียบเหล็กแหลม
ลงไปช่องละ 6-9 ตัว วิธีการลงทัณฑ์จับคนโทษ ยัดใส่ตะกร้อ
แล้วใช้ช้างเตะให้เลียดกลิ้งไปกับพื้นเหล็กแหลมจะทิ่มแทง
ตามร่างกายให้ได้รับความเจ็บปวด ตะกร้อที่จัดแสดงไว้ที่
พิพิธภัณฑ์ ตามหลักฐานได้มาจากคุกเมืองโคราชหรือเรือนจำ
กลางนครราชสีมาปัจจุบัน  

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2008, 05:52:37 PM โดย สิงห์บ้า » บันทึกการเข้า
ชัยบึงกาฬ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1991
ออฟไลน์

กระทู้: 8962


ต้องรู้ให้ถึงแก่น...


« ตอบ #20 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 05:48:42 PM »

เอามาให้สมาชิก..ดีดหู..คนละสองทีก็พอแล้วมั้ง...อิๆ
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 06:05:10 PM »

เอามาให้สมาชิก..ดีดหู..คนละสองทีก็พอแล้วมั้ง...อิๆ

เอาให้ขี้หู...ออกมาเต้นระบำ...เลย.... ขำก๊าก
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #22 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 06:07:58 PM »

สำหรับพวกนักการเมืองขี้ฉ้อ..มันน่าจะโดนข้อนี้ก่อนเป็นอันแรก..ครับ...เอาให้เข็ดซะเลย.. ยี๊

7. ตะกร้อลงโทษ (ตะกร้อช้างเตะ)

      เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ มีลักษณะทรงกลมทำด้วยหวาย
เส้นสานกันห่างๆ หวายที่สานมีด้วยกันแผงละ 13 เส้น เส้นผ่า
ศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร มีช่องขัดเสียบเหล็กแหลม
ลงไปช่องละ 6-9 ตัว วิธีการลงทัณฑ์จับคนโทษ ยัดใส่ตะกร้อ
แล้วใช้ช้างเตะให้เลียดกลิ้งไปกับพื้นเหล็กแหลมจะทิ่มแทง
ตามร่างกายให้ได้รับความเจ็บปวด ตะกร้อที่จัดแสดงไว้ที่
พิพิธภัณฑ์ ตามหลักฐานได้มาจากคุกเมืองโคราชหรือเรือนจำ
กลางนครราชสีมาปัจจุบัน  



เบาไปมั้ง Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
ชัยบึงกาฬ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1991
ออฟไลน์

กระทู้: 8962


ต้องรู้ให้ถึงแก่น...


« ตอบ #23 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 06:12:26 PM »

เอามาให้สมาชิก..ดีดหู..คนละสองทีก็พอแล้วมั้ง...อิๆ

เอาให้ขี้หู...ออกมาเต้นระบำ...เลย.... ขำก๊าก
หู..มันจะบ่บานเท่าฝ่ามือบ่...อิๆ
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 06:18:29 PM »

แล้วต่อด้วย นี่เลย  หม่ำกันดีนัก

 แบร่

6. เบ็ดเหล็ก

     ใช้เพื่อลงทัณฑ์ผู้ต้องโทษโดยเกี่ยวเบ็ดเหล็กเข้าใต้คาง ปลายแหลม
ของเบ็ดเหล็กเสียบทะลุคางถึงใต้ลิ้น แล้วชักรอกดึงรั้งคางของผู้ต้องโทษ
ให้ตัวลอยขึ้นจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้นดิน โดยไม่ให้คางหลุดจากเบ็ด
เหล็ก เบ็ดเหล็กนี้ทำด้วยเหล็กท่อนขนาด 4 หุน ปลายแหลมเหมือน เบ็ดตก
ปลา ยาวประมาณ 16 นิ้ว เริ่มใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับสมัยแผ่นดิน
ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) ซึ่งปรากฎใน
กฎหมายพระอัยการขบถศึก และเลิกใช้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ร.ศ. 127
(พ.ศ. 2451) เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา 

บันทึกการเข้า
ตูมตาม - รักในหลวง -
Hero Member
*****

คะแนน 100
ออฟไลน์

กระทู้: 2023


« ตอบ #25 เมื่อ: เมษายน 17, 2008, 08:52:23 PM »

 เยี่ยม  ดีใจกับ พ่อ แม่ และญาติ ของเด็ก..ด้วยครับ คนบ้านเดียวกัน ( อุดร )  ขอปรบมือดังๆให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่นำสืบหาจนพ่อ แม่ ลูก ได้พบกันครับ...... เยี่ยม








บันทึกการเข้า

ใดๆในโลก  ล้วนมีข้อยกเว้น
NAI HEAW
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: เมษายน 18, 2008, 05:25:57 AM »

เยี่ยม  ดีใจกับ พ่อ แม่ และญาติ ของเด็ก..ด้วยครับ คนบ้านเดียวกัน ( อุดร )  ขอปรบมือดังๆให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่นำสืบหาจนพ่อ แม่ ลูก ได้พบกันครับ...... เยี่ยม









อ้าว ! อยู่บ้านเดียวกับคุณตูมตามหรอกรึ ?  Grin
บันทึกการเข้า
ตูมตาม - รักในหลวง -
Hero Member
*****

คะแนน 100
ออฟไลน์

กระทู้: 2023


« ตอบ #27 เมื่อ: เมษายน 18, 2008, 06:20:19 AM »

เยี่ยม  ดีใจกับ พ่อ แม่ และญาติ ของเด็ก..ด้วยครับ คนบ้านเดียวกัน ( อุดร )  ขอปรบมือดังๆให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่นำสืบหาจนพ่อ แม่ ลูก ได้พบกันครับ...... เยี่ยม




อ้าว ! อยู่บ้านเดียวกับคุณตูมตามหรอกรึ ?  Grin




คนจังหวัดเดียวกันหรือใกล้เคียง...ใช้คำพูดหรือภาษาถิ่นเหมือนกัน....คนบ้านผมจะถือเสมือนว่าคนบ้านเดียวกันครับ.....อย่า...งงครับนายแห้ว.... คิก คิก 
บันทึกการเข้า

ใดๆในโลก  ล้วนมีข้อยกเว้น
Dexphet
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 37
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1374



« ตอบ #28 เมื่อ: เมษายน 18, 2008, 06:30:32 AM »

นิสัยไม่ดี Angry
บันทึกการเข้า
Ramsjai
^ป้าแรมส์ใจดี^
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1075
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 7191


"ชีวิตมีคนที่เกลียดไม่กี่คน ที่เหลือรำคาญ"


« ตอบ #29 เมื่อ: เมษายน 18, 2008, 06:38:44 AM »

โชคดีค่ะที่เจอ ดีใจกับพ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กด้วย
บันทึกการเข้า

ถ้าเป็นความทรงจำที่มีค่าล่ะก็..ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะคนตายจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเราเท่านั้น..
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 22 คำสั่ง