เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 06, 2024, 11:21:54 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถามวิธีรักษาชีวิตต้นไม้  (อ่าน 9845 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทิดเป้า
Hero Member
*****

คะแนน -1181
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11916



« ตอบ #30 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 01:35:46 AM »



 คิก คิกขนุน รสชาดไม่ดี...ต้องพึ่งน้องฟ้าครับ

น้องฟ้าไม่ใช่ผีขนุนเหมือนพี่51นะเคอะ งอน



 คิก คิก คิก คิก คิก คิก

บันทึกการเข้า

ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #31 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 01:57:40 AM »



 คิก คิกขนุน รสชาดไม่ดี...ต้องพึ่งน้องฟ้าครับ

น้องฟ้าไม่ใช่ผีขนุนเหมือนพี่51นะเคอะ งอน



 คิก คิก คิก คิก คิก คิก



ต๊าย ตาย พี่เป้าขราาาาาาาา แล้วคืนนี้น้องคว้าจะหลับตาลงได้อย่างไรเพคะ ตกใจ
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #32 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 02:59:12 AM »

 Cheesy Cheesy Cheesy

หลังบ้านผมมีต้นราชพฤกษ์ใหญ่อยู่2ต้น ทั้ง2ต้นโตกำลังสวย สูงราว15ม. เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นราว1ฟุต รัศมีพุ่มใบราว3เมตร
ย้ายมาอยู่บ้านนี้เมื่อ4เดือนที่แล้ว ทั้ง2ต้นใบแทบโกร๋นเพราะขาดน้ำ ขาดปุ๋ย โทรมจนน่าสงสาร ผมตามประคบประหงมอยู่4เดือน ทะเลาะกับรังมดตะนอยฟันกาฝากทิ้ง ฟันกิ่งที่ตายออก รดน้ำ พรวนดิน เติมปุ๋ย เปิดหน้าดินรอบโคนมาโรยดินดำ จะเลี้ยงไว้บังแดดให้ลูกวิ่งเล่น.....จนตอนนี้พุ่มใบเขียวใสแน่นเอี๊ยด  พวงดอกสีเหลืองทองระย้าเต็มต้น สวยสง่ามาก


... เป็นช่วงผลัดใบหรือปล่าวครับ ... มันจะผลัดใบทิ้งเกือบทั้งต้น ... เหลือแต่กิ่งก้านสาขา ...  ต่อให้ฟันกิ่งใบทิ้งเหลือแต่ลำต้น ... มันก็จะแทงยอดออกมาใหม่เหมือนเดิม ... นอกเสียจากว่า ... โดนแมลงอะไรสักอย่าง ... ชอนไชเข้าไปทำรังอยู่ภายในในลำต้น ...  Grin Grin Grin

... ระดับดินเดิม ... กับดินใหม่ ... ต่างกันประมาณ ...  0.5 -0.8 เมตร ... น่าคิดครับ ... เรื่องการเน่าเปื่อยผุพังของลำต้น ... ส่วนที่จมอยู่ในดิน ... พืชชนิดนี้ทนแล้งได้สูงมาก ... แต่จะทนชื้นได้แค่ไหน ... ยังไม่เคยสังเกตุครับ ... ที่ออฟฟิศผม ... ถมแค่ปลอกซีเมนต์เดียวเอง ... แต่เป็นลักษณะการเอาปลอกซีเมนต์
ล้อมไว้ ... แล้วใส่ดินยกระดับขึ้นจากพื้นเดิม ... ปลูกมา 15 ปีแล้วครับ ... ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ใหม่ ๆ ... มันยังไม่ตาย ... ครับ ... สูงขึ้นเรื่อย ๆ ... เป็นไม้โตเร็ว ... พอรกทีก็เอาบันไดพาด ... ฟันยอดลงเสียโกร๋นเลย ... แต่มันพอมันได้น้ำสักระยะ ... มันก็แทงกิ่งแทงใบออกเต็มต้นอีกแล้ว ... ยิ่งตัด ... ยิ่งสูง ... ยิ่งโตเร็ว ... เสียอย่างเดียว ... มดเยอะ ... ทั้งมดแดง ... มดดำ ... ผมเลยขี้เกียจตัดมันแล้ว ... ช่างมัน ... ให้นักการกวาดเอาดีกว่า ... คิก คิก คิก คิก คิก คิก 

... อ้อ ... เจอพอดี ... อ่านเล่น ๆ กันนะครับ ...   Grin Grin Grin

http://www.dnp.go.th/Golden_Shower/Glodel.htm

ชื่อวิทยาศาสตร์      Cassia  fistula  L.

ชื่อวงศ์      LEGUMINOSAE - Caesalpinioideae

ชื่อสามัญ     Golden Shower, Indian Laburnum, Pudding-pine Tree, Purging Cassia

ชื่อพื้นเมือง  คูน (ภาคอีสาน) ชัยพฤกษ์  (ภาคกลาง) ลมแล้ง (ภาคเหนือ) ลักเคยลักเกลือ (ภาคใต้)
กุเพยะ(กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) ปึยยะปูโย เปอโซ แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทั่วไป
                 ราชพฤกษ์ หรือคูน เป็นไม้ผลัดใบขนาดกลาง ลำต้นอาจจะมีปุ่มตาบ้างเล็กน้อย เรือนยอดเป็นรูปทรงกรวยหรือรูปทรงกลมกลายๆ เรือนยอดโปร่ง (open crown) ความยาวเรือนยอดแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะเป็น 2 ใน 5 ของความสูงทั้งหมด

ถิ่นที่อยู่และการกระจายพันธุ์
                 โดยสภาพทั่วไปแล้ว ราชพฤกษ์เป็นพันธุ์ไม้ที่ต้องการภูมิอากาศที่มีขอบเขตกว้างขวาง ภายในถิ่นกำเนิดเดิมตามธรรมชาติ ขึ้นได้ทั่วทุกภาคของประเทศ มีการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 37.5-48.9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 4.0-17.3 องศาเซลเซียส และต้องการปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ 50.8-304.8 เซนติเมตร/ปี สามารถที่จะเจริญเติบโตบนดินได้เกือบทุกชนิด แม้แต่ดินตื้นและดินเลวและพบว่าสามารถขึ้นได้ที่ระดับความสูงถึง 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล อัตราการเจริญเติบโตปานกลาง การขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียเขตร้อน โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ศรีลังกา และมาเลเซีย

ลักษณะทางพฤกษ์ศาสตร์
                  ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง สูง 9-15 เมตร มักแตกกิ่งต่ำ ลำต้น ค่อนข้างเปลาตรง เปลือก สีเทาขาว หรือน้ำตาลเทา เรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดหนาในต้นขนาดใหญ่ ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายคู่ เรียงสลับ แกนยาว 20-30 เซนติเมตร ใบย่อย เกลี้ยงออกตรงกันข้าม 3-8 คู่ แผ่นใบย่อย รูปไข่ หรือรูปไข่แกมขอบขนานกว้าง 4-9 เซนติเมตร ยาว 7-13 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนสอบ กว้างหรือเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบเรียบ ก้านใบย่อยยาว 5-10 เซนติเมตร หูใบขนาดเล็ก หลุดร่วงง่าย
 
ดอก    มีกลิ่นหอมออกเป็นช่อ 8-10 มิลลิเมตร แต่ร่วงง่าย กลีบเลี้ยง รูปกระจะห้อยลงออกตามกิ่งยาว 20-40 เซนติเมตร แกนเกลี้ยงก้านดอกย่อยยาว 1.1-3.5 เซนติเมตร ใบประดับยาวรีแกมไข่ ยาว 7-10 มิลลิเมตร มีขนละเอียดด้านนอกส่วนด้านในเกลี้ยง   

กลีบดอก  สีเหลืองสดรูปไข่ถึง ไข่กลับเบี้ยวเล็กน้อย กว้าง 10-15 มิลลิเมตร ยาว 25-35 มิลลิเมตร โคนเบี้ยวสอบเข้าเป็นก้านสั้นๆ เกสรเพศผู้ 10 อัน ขนาดไม่เท่ากันโดย 3 อันที่ยาวที่สุด 3 เซนติเมตร อับเรณูยาว 5 มิลลิเมตร เปิดด้านบนและด้านล่าง อีก 4 อันสั้นกว่ามีก้านยาว 8-10 มิลลิเมตร อับเรณูเปิดเฉพาะส่วนฐาน และอีก 3 อันที่ลดรูปลงมีขนาดเล็กยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร รังไข่ รูปแถบหรือขอบขนานแคบ ยาว 1.5-2 เซนติเมตร มีขนปกคลุมตลอดรวมทั้งก้านชูรังไข่ และก้านเกสร ผล หลังจากที่ดอกได้รับการผสมแล้ว จะมีการเจริญเติบโตของผล อย่างรวดเร็ว เป็นฝักกลมยาวถึง 60 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5-2.5 เซนติเมตร ฝักสดสีเขียว ฝักแห้งสีน้ำตาลดำเลี้ยง เมล็ด มีจำนวนมากเรียงขวางโดยแต่ละเมล็ดจะมีเยื่อกันเป็นห้องๆ เมล็ดรูปรีแบน สีน้ำตาลเกลี้ยงเป็นมัน ยาว 8-9 มิลลิเมตร

                     การออกใบ ราชพฤกษ์จะผลัดใบ จนหมดทั้งต้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน และจะผลิใบใหม่ในช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม

                     การออกดอก จะพร้อมกันทั้งต้นพร้อมกับการผลัดใบคือระหว่างปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม

                     การออกผล จะเริ่มราวเดือนพฤษภาคม และจะผลแก่ราวเดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน ผลแก่จะห้อยติดอยู่กับต้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มร่วงราวเดือนเมษายน ไปเรื่อยๆจนหมดต้น ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับฤดูกาลออกดอกรุ่นใหม่

 

การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
 
                      อาจจะเก็บจากต้นแม่ไม้ที่ได้คัดเลือกไว้ ราวเดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน โดยเก็บฝักแก่ที่มีสีน้ำตาลแก่และสีดำ ตากแดดให้แห้งสนิทแล้วทุบเปลือกของฝักให้แตกและแกะเมล็ดออก สำหรับฝักแก่ที่ร่วงหล่นตามพื้นนั้น ไม่ควรเก็บมาเพาะ เพราะเมล็ดส่วนใหญ่จะถูกแมลงเข้าทำลาย เมล็ดที่เก็บมาใหม่ๆ จะมีอัตราการงอกต่ำและใช้เวลานาน 40-60 วัน การเก็บเมล็ดไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมนานเกิน 1 ปี จะทำให้อัตราการงอกมากกว่าเมล็ดสดที่เก็บมาใหม่ๆ ซึ่งความมีชีวิตของเมล็ดมีอายุและมีความสามารถในการงอกไม่เกิน 2 ปี และจำนวนเมล็ดใน 1 กิโลกรัมจะมีประมาณ 7,400 เมล็ด
 
                      เมล็ดราชพฤกษ์จะมีเปลือกหุ้มที่แข็งดังนั้นก่อนจะเพาะเมล็ดลงแปลงควรปฏิบัติโดยการนำเมล็ดมาขลิบให้มีรอยแผลเล็กน้อย  แล้วนำมาแช่น้ำทิ้งไว้  1  คืน  หรือ  แช่เมล็ดในกรดเข้มข้นไม่เกิน  60 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3-5  นาทีแล้วล้างน้ำให้สะอาด  แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน  จะช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น แล้วนำมาเพาะลงแปลง  โดยการหว่านและใช้ดินกลบหนาประมาณ 1 เซนติเมตร จะทำให้เมล็ดมีอัตราการงอกเร็วขึ้น  80-90% ภายใน 5-10 วัน แล้วรากจะค่อยๆ แทงออกมาจากส่วนในของเมล็ดลงสู่ดิน โดยที่จะส่งใบเลี้ยง 1 คู่ ที่มีเส้นใบ 5  เส้นจากฐานใบเลี้ยงโผล่ขึ้นพ้นผิวดินที่กลบไว้  จากนั้นเยื่อเจริญส่วนปลายยอดจะเติบโต   เหนือใบเลี้ยงพร้อมกันกับการเจริญเติบโตของส่วนรากที่เป็นรากแก้วและรากฝอยจำนวนมาก

การย้ายชำ
                      จะกระทำเมื่อราชพฤกษ์เริ่มแทงรากและส่วนลำต้นของ กล้าไม้เหนือพื้นผิวดินสูงประมาณ 5-7 เซนติเมตร โดยย้ายไปเพาะชำในถุงพลาสติกขนาด 10.2 X 15.2 เซนติเมตร หรือ 4 x 6 นิ้ว และควรเจาะรูที่ก้นถุงด้วยเพื่อการระบายของน้ำและอากาศอย่างเหมาะสม

การปลูก
                       ควรขุดหลุมให้มีระยะห่างระหว่างต้นห่างกันพอสมควรขนาดของหลุมตามความเหมาะสมหากกล้าไม้มีขนาดโตควรขุดหลุมให้มีขนาดประมาณ 50 X 50 เซนติเมตร และลึกประมาณ 50 เซนติเมตรแต่ถ้ากล้าไม้มีขนาดสูง 25-30 เซนติเมตร ขนาดของหลุมควรใช้ประมาณ 30x30 เซนติเมตร และลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมและคลุกเคล้าดินกับเศษปุ๋ยพืชสด แล้วจึงทำการปลูกต้นกล้าที่เตรียมไว้

การเจริญเติบโต      
                       ภายหลังจากที่ต้นราชพฤกษ์ได้รับการปลูกลงไปในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว จะเจริญเติบโตช้ามาก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นก็จะเจริญเติบโตเร็วขึ้น ในระยะแรกของการเจริญเติบโต (early growth) เปลือกเป็นสีน้ำตาลเรียบ มีรากแก้วยาวสีเหลือง รากแขนงขนาดเล็กจำนวนมาก มีปมเล็กๆให้เห็นเด่นชัดใบเลี้ยงโคนใบสีน้ำตาลบางและนูนข้างหนึ่ง กว้าง 1.75-2.00 เซนติเมตร ยาว 1.00-2.75 เซนติเมตร มีเส้นใบ 5 เส้น สำหรับการเจริญเติบโตในระยะถัดมา จะเกิดใบผสมอยู่สลับกัน ใบแรกมีใบย่อย 2,3 และ 4 คู่ตามลำดับ ในตอนแรกใบมีรูปหอกขนาดเล็ก และค่อยๆใหญ่ขึ้น ต้นราชพฤกษ์จะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีอายุ 4-5 ปี จึงจะให้ดอกและเมล็ด ต้นราชพฤกษ์ที่มีการดูแลโดยให้น้ำอาหารและกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นราชพฤกษ์ที่ขึ้นอยู่ในสภาพตามธรรมชาติโดย ไม่ได้รับการดูแลภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน

การใช้ประโยชน์
              ประโยชน์ของต้นราชพฤกษ์มีอยู่มากมาย ราชพฤกษ์เป็นไม้ประจำชาติไทย ถือเป็นไม้มีค่ามีมงคลนานมาแต่โบราณ ใช้ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ เช่น เสาไม้หลักเมือง คฑาจอมพล ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร และประโยชน์อย่างอื่นดังนี้

๑. ด้านการปลูกเป็นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆ เช่น บริเวณสองข้างทาง สถานที่ราชการ และที่อื่นๆ
๒. เนื้อไม้ ใช้ทำเสา สากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ เสาบ้าน เสาสะพาน ด้ามเครื่องมือต่างๆ นอกจากนี้ในส่วนของแก่นไม้ยังมีสรรพคุณทางยา ใช้ขับพยาธิไส้เดือนและแก้โรครำมะนาด
๓. ราก ฝนทารักษากลากเกลื้อน เป็นยาระบาย ยาบำรุงแก้ไข โรคเกี่ยวกับหัวใจหรือ ถุงน้ำดี
๔. ใบ ฆ่าเชื้อโรคผิวหนังได้ทุกชนิด ต้มรับประทานเป็นยาระบาย
๕. ดอก แก้ไข้เป็นยาระบาย รักษาแผลเรื้อรัง
๖. เนื้อในฝัก ใช้เป็นยาระบาย วิธีใช้ เนื้อในฝักประมาณ 4 กรัม หรือทั้งฝัก ต้มใส่เกลือเล็กน้อยรับประทานตานเช้าหรือก่อนนอน
๗. เปลือก นำไปบดผสมกับใบทาฝี เม็ดผื่นตามร่างกาย

ปัญหาแมลงศัตรู
              ราชพฤกษ์เป็นไม้ป่าอีกชนิดหนึ่งที่มีปัญหาของแมลงศัตรูค่อนข้างมาก พบว่ามีแมลงทั้งสิ้น 43 ชนิด ทั้งที่สามารถจำแนกชนิด และไม่สามารถจำแนกชนิด สร้างความเสียหายต่อส่วนต่างๆ ของต้นราชพฤกษ์ เช่น สร้างความเสียหายต่อลำต้น ใบ ดอก และผล แต่ที่มีความสำคัญ และสร้างความเสียหายรุนแรงมี 2 กลุ่ม คือ
         
       1. กลุ่มของแมลงกินใบ แมลงในกลุ่มนี้สร้างความสูญเสียต่อใบ ซึ่งได้แก่ หนอนผีเสื้อ กินใบราชพฤกษ์ (Catopsilia pomona) หนอนผีเสื้อเณร (Eurema spp.) และ ด้วงค่อมทอง (Hypomeces squamosus) ซึ่งสร้างความเสียหายต่อใบในฤดูฝน โดยเฉพาะหนอนผีเสื้อกินใบราชพฤกษ์ที่ตัวหนอนสีเขียว หรือสีเขียวและแถบดำด้านข้าง นอกจากกินใบราชพฤกษ์แล้ว ยังกินใบขี้เหล็กบ้านแสมสาร ผีเสื้อมีสีขาว หรือสีเหลือง
 
       2. กลุ่มของแมลงเจาะลำต้น ได้แก่ หนอนผีเสื้อเจาะต้นราชพฤกษ์ (Xyleutes leuconotus) และหนอนกาแฟสีแดง (Zeuzera coffeae) โดยเฉพาะหนอนผีเสื้อเจาะต้นราชพฤกษ์เจาะลำต้นราชพฤกษ์ซ้ำซากทุกปี ทำให้ลำต้นหักโค่น มีเชื้อรา และปลวกเข้าทำลายซ้ำ ทำให้ต้นราชพฤกษ์ตาย ส่วนหนอนกาแฟสีแดง มักพบเจาะลำต้นในช่วง 1-2 ปีแรกที่ปลูก ลักษณะที่เห็นคือยอดแห้ง และเมื่อโยกยอดจะหักทำให้เกิดการแตกพุ่ม

 Grin Grin Grin

... ที่บ้านผมก็มีอยู่ 2 - 3 ต้น ... ครับ ... เมื่อก่อนต้องฟันกิ่งมาสับแล้วตากแห้งเอาไว้ ... ให้คุณยายทานกับหมาก ...  คิก คิก คิก คิก คิก คิก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2008, 03:03:22 AM โดย สหายเล็กน้อย » บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #33 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 08:10:38 AM »


         กระทู้กลายพันธ์เป็นเรื่อง ผีกล้วย กะ ผีขนุน ซะแล้ว .... 55555

บันทึกการเข้า

                
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #34 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 08:37:37 AM »

ปลูกราชพฤกษ์ ไม้มงคลในบ้าน ดีครับ

แต่ขอเล่าเล่นๆ แถววัดบ้านผม มีราชพฤกษ์2ต้น
ช่วงมันมีฝัก มีรถมาจอบใต้ต้นราชพฤกษ์ เจอฝักมันหล่นปุ๊ใส่

อ่า....ได้รอยลักยิ้มบนรถใหม่ๆบนฝากระโปรงรถเลยครับ

เคยหล่นใส่หัวผมด้วย พอมันปลิดตัวลงมา จิ้มเป๊าะ กลางกระหม่อม
แล้ว แล้วก็กระเด็นลงพื้นดินไป แต่อ้ายปลายเเหลมๆของปลายฝักมันก็หักติดกบาลผม


เจ็บน้ำตาเล็ด  โชคดีจริงๆ มีผมโดนอยู่คนเดียว (อยู่กันตั้งหลายคน)


อ้อ....เรื่องลั่นทม(ลีลาวดี)แนะนำ พันธุ์ขาวพวง และระวังเรื่องยางครับ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

RUGER
ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ตรองดูซีทุกคนก็มีหัวใจ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1262
ออฟไลน์

กระทู้: 23344


ฟ้าลิขิตชีวิตข้า ให้ค้าขาย


« ตอบ #35 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 08:53:20 AM »

    ถ้าจะฝังท่อยังไงก็ระวังเรื่องเด็ก ๆ วิ่งเล่นด้วยเน้อ
บันทึกการเข้า

http://www.youtube.com/watch?v=Ci3YXN93QEs
เนื้อร้าย  ต้องตัดทิ้ง  ... 555
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 04:03:56 PM »

ตกลงโลตัสเปิดแถวห้าแยกเหรอครับ เห็นแถวบ้านผมก็มีป้ายประท้วงอยู่  สงสัยมันจะเปิดกี่ที่เนี่ย  เฮ้อ......... Tongue

ตอบคุณเบิ้ม

มันมาสร้างอยู่หลังบ้านผมครับ 2ที่อันนั้นมันหลอกดอก ปล่อยข่าวหลอกให้ชาวบ้านไปประท้วงผิดที่

ว่าจะให้มันยืมฐานกำแพงซะเลยเนี่ย เวลาไปซื้อของได้เปิดประตูรั้วเดินออกทางหลังบ้านได้เลย  คิก คิก

ล้อเล่นอ่ะ .... ที่จริงได้ไม่คุ้มเสีย แค่มันมาก็เสียตังค์บานตะเกียงแล้ว ไม่นับที่เสียวิว เสียความสงบอีก  ยี๊

บันทึกการเข้า
sopon7
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 139
ออฟไลน์

กระทู้: 1095


« ตอบ #37 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 07:11:00 PM »

- ไม่ต้องห่วงเรื่องระบบรากที่ถมดิน ปีเดียวรากใหม่ก็จะขึ้นมาอยู่ในระดับธรรมชาติของต้นไม้เอง

- ท่อ พีวีซีไม่ต้องฝังก็ได้เพราะท่านไม่ได้เทปูนปิดรอบโคนต้น  แต่ ระยะแรกต้องรดน้ำให้มากเพื่อให้ความชื้นถึงระดับดินเดิม ( ใช้วิธีเปิดน้ำสายยางให้ไหลน้อย ๆทิ่งไว้ค้างคืนก็ได้..ความชื้นจะลงไปเอง)  หรือ...
**ถ้าจะให้ดี ...ก่อนถมดินรดน้ำรอบๆโคนต้นให้มาก (ประมาณ 1000 ลิตร/ต้น) เพื่อให้ดินมีความชื้น แล้วถมดินตามต้องการ...(กว่าดินจะหมดความชื้นก็เข้าฤดูฝน)

- แต่ถ้าวันหน้าจะเทปูน ควรนำท่อ พีวีซี ยาวประมาณ 2 เมตร จำนวน 4 ท่อน  มาเจาะรูเล็ก ๆ หรือ ใช้เลื่อยตัดเหล็กบากห่างกันพอควร...เพื่อให้น้ำไหล  แล้วใช้ข้องอ ประกอบเป็นสีเหลี่ยมล้อมต้นไม้ แล้วใช้ข้อต่อ 3 ทาง แยกไปที่โคนต้นเพื่อเติมน้ำ/ให้น้ำ  (ควรฝังท่อ พีวีซีเล็กน้อย..แล้วเทปูนทับได้เลย)
บันทึกการเข้า
aniki
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 232
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3074


สังคมดีไม่มีขาย...ถ้าอยากได้ต้องร่วมสร้าง


« ตอบ #38 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 08:28:15 PM »

เออ...เคยได้ยินข่าวลูกตาลหรือมะพร้าวนี่แหละหล่นใส่หัวคน  ฝักคูนก็ยาวและมีน้ำหนักไม่น้อยระวังหน่อยนะครับคุณจ้าว  กระบี่กลมๆดีๆนี่เอง Shocked  สูงตั้ง15เมตร  หล่นใส่รถคงยุบไม่น้อย  หล่นใส่คนอื่นเจ้าของคงเดือดร้อน... Grin
บันทึกการเข้า

ขอคืนคุณสู่แผ่นดิน  รักในหลวง
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #39 เมื่อ: เมษายน 26, 2008, 09:43:37 PM »

ผมกลัวลูกเค้าน่ะแหละจะโดนลูกหลง
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 22 คำสั่ง