เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 28, 2024, 05:25:36 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ดีเซลจะไปอีก ๓ บาท แย่จัง  (อ่าน 5627 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 08:34:11 PM »


        ยกเลิกกองทุนเสีย ....... แล้วให้ราคาอยู่ที่ความเป็นจริง ........ จะได้รับรู้ว่าประเทศเราอยู่ในสถานะไหนแล้ว

บันทึกการเข้า

                
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 08:44:38 PM »

เดี๋ยวก็ชินกันไปเองครับและเห็นด้วยกับพี่ปูครับ... ตอนนี้กะลังไปด้อมๆมองรถจักรยานไฟฟ้าเมดอินไต้หวันไว้ให้แม่บ้านไปตลาดครับ Grin
บันทึกการเข้า
รัตตรา
"อร่อย..อารมณ์"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 506
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6849


08-21491911 08-59591911


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 08:47:35 PM »

คงได้เห็นลิตรละร้อยบาท....ในเวลาอันใกล้ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า


"จงคิดว่า มีใคร ได้มองอยู่...เฝ้ามองดู ตัวเรา อย่างเฝ้าจ้อง
ทำสิ่งใด รู้ได้ สายตามอง...อย่างน้อยต้อง รู้ละอาย ในหมายทำ"
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 08:48:45 PM »

คงได้เห็นลิตรละร้อยบาท....ในเวลาอันใกล้ หัวเราะร่าน้ำตาริน
ติดแก๊ซ ngv ไปเลยน้ารัตน์ Grin
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 08:50:11 PM »

...แค่ตอนนี้ ..ผมจะอกแตกตายแล้วครับ...รถผมคิดว่าประหยัดแล้วนะครับ...อัตราส่วนสิ้นเปลืองอยู่ที่ ๑๘-๒๐ ก.ม./ลิตร..  ตอนน้ำมันถูก ๆ  ก็ยังสบายใจอยู่ตอนนี้ ขึ้นไป ๆ อีก...ปวดหัวกับราคาน้ำมันจริง ๆ ครับ... แบร่



ปล.อย่าให้ราคากระสุน..ขึ้นเอา ขึ้นเอา เหมือนน้ำมันก็แล้วกัน..สาธุ๊.............. ไหว้
บันทึกการเข้า
Iron
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 10:07:14 PM »

ตอนไปหาลูกค้าแถวสะเดา เสร็จแล้วก็ขับเลยเข้ามาเลย์ ดีเซลลิตรละ 16+ สงสัยต้องไปเติมถี่ขึ้นแล้วครับ  Wink
บันทึกการเข้า
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2008, 10:07:25 PM »

เดี๋ยวก็ชินกันไปเองครับและเห็นด้วยกับพี่ปูครับ... ตอนนี้กะลังไปด้อมๆมองรถจักรยานไฟฟ้าเมดอินไต้หวันไว้ให้แม่บ้านไปตลาดครับ Grin
มันไม่ทนครับพี่ น้าผมเคยซื้อผ่อน สิริรวมราคาก็เกือบๆ 4 หมื่น(ราคาเมื่อปี 47)


...แค่ตอนนี้ ..ผมจะอกแตกตายแล้วครับ...รถผมคิดว่าประหยัดแล้วนะครับ...อัตราส่วนสิ้นเปลืองอยู่ที่ ๑๘-๒๐ ก.ม./ลิตร..  ตอนน้ำมันถูก ๆ  ก็ยังสบายใจอยู่ตอนนี้ ขึ้นไป ๆ อีก...ปวดหัวกับราคาน้ำมันจริง ๆ ครับ... แบร่



ปล.อย่าให้ราคากระสุน..ขึ้นเอา ขึ้นเอา เหมือนน้ำมันก็แล้วกัน..สาธุ๊.............. ไหว้
โอย พี่ ขนาดผมใช้เวบ 110 ดรัมเบรคแล้วผมยังเจอพิษค่าน้ำมันจนอ่วมเลย 40 บาทสุนัขฉี่ยังเยอะกว่านี้มั้ง
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
powerboy
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 52
ออฟไลน์

กระทู้: 412


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 10:15:26 AM »

คำถามที่ค้างคาใจผมคือทำไมมาเลย์ถึงสามารถทำให้ราคาน้ำมันต่ำกว่าราคาตลาดได้
ทั้ง ๆ ที่ไทยก็มีกำลังการผลิตไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่ หรือเป็นเพียงเพราะการเห็นแก่ตัวของผู้รับผลประโยชน์
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 11:30:30 AM »

คำถามที่ค้างคาใจผมคือทำไมมาเลย์ถึงสามารถทำให้ราคาน้ำมันต่ำกว่าราคาตลาดได้
ทั้ง ๆ ที่ไทยก็มีกำลังการผลิตไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่ หรือเป็นเพียงเพราะการเห็นแก่ตัวของผู้รับผลประโยชน์


ผมฟังผู้ร่วมสนทนา ใน FM ๙๗  ของ อาจารย์วีระ ให้ข้อเท็จจริงว่า

มาเล รัฐเป็นเจ้าของกิจการน้ำัมัน ได้อุดหนุนเงิืนให้ กับผู้ใช้ น้ำมัน
หมดเงินไป ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.- บาท.    เพราะกำไร จา่กการค้า เป็นของรัฐ  หมุนกลับมาช่วยเหลืิอพลเมืองของเขา . เพราะมิฉะนั้น

จากน้ำมันตัวเดียวจะทำให้สินค้าอื่นมีต้นทุนสูงตามไปด้วย
แต่ถ้าคุมราคาน้ำมันไว้ .. ต้นทุนสิ้นค้าอื่น ก็ไม่มีเพิ่มขึ้น

ไม่อยากพูด แต่การกระทำ ทำให้เห็นชัดเจนว่า 
"รัฐบาลมาเล รักประชาชน ของเขา  จึงกล้ากระทำได้อย่างนี้"

แต่ประเทศไทย ปตท. ๓๐ % เป็นของเอกชน .. ทำกำไรมหาศาล ไม่เคยเิกิดสำนึก
น้ำมันยิ่งแพง.. ที่ผ่่านมา่ยิ่งทำกำไรมากขึ้น.. จะคอยดูผลกำไร ของมัน จะยิ่งเพิ่มขึ้น .. ไปอีกเท่าไร

ขอแค่ดู .. และหวังให้ คนที่คุมอำนาจรัฐ เกิดสำนึกได้ อย่าง รัฐฯ มาเล  แค่ ครึ่งเดียวก็พอ.  ไหว้

 

บันทึกการเข้า

lovegunna
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 28


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 02:05:15 PM »

กำลังสงสัยว่า  สมมุติว่า  ปืนทุกกระบอก ต้องเติมน้ำมัน  พวกพี่ๆ จะคิดยังไง ขำก๊าก
บันทึกการเข้า
CT_Pro4
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4869



« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 09:14:02 PM »

แย่มากๆ เลยครับ... ผมคิดว่า... น้ำมันที่มีผลกับเศรษฐกิจมากที่สุด... ก็ดีเซลนี่ละครับ...

...แต่ถึงแพงยังไงก็จำเป็นต้องเติม... เพราะใช้รถทุกวัน... จะหันไปคบไบโอดีเซล... ก็ถูกกว่ากันแค่ห้าสิบสตางค์...



...เท่าที่ทราบ ตอนนี้กระทรวงพลังงานกำหนดให้ B2 เป็นดีเซลพื้นฐาน ส่วน B5 ตอนนี้มี PTT ที่จำหน่ายครับ...  Wink

บันทึกการเข้า

Every problem contains the seeds of its own solution.- Stanley Arnold
ภูปทุม-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 89
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 914



« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 09:29:58 PM »

ค้าน้ำมัน มันมีผลประโยชน์มหาศาล ประชาชนเรียกร้องอะไรเสียงยังไม่ดังเท่าแมลงหวี่เลย
ตอนนี้คงต้องช่วยเหลือตัวเอง จากที่ขับ 120ก็เหลือ 90 เสียเวลาเพิ่มนิดหน่อย
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
.
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 11:14:21 PM »

คำถามที่ค้างคาใจผมคือทำไมมาเลย์ถึงสามารถทำให้ราคาน้ำมันต่ำกว่าราคาตลาดได้
ทั้ง ๆ ที่ไทยก็มีกำลังการผลิตไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่ หรือเป็นเพียงเพราะการเห็นแก่ตัวของผู้รับผลประโยชน์

เหตุผลง่ายๆครับ...

Tin and petroleum are the two main mineral resources that are of major significance in the Malaysian economy. Malaysia was once the world's largest producer of tin until the collapse of the tin market in the early 1980s. In the 19th and 20th century, tin played a predominant role in the Malaysian economy. It was only in 1972 that petroleum and natural gas took over from tin as the mainstay of the mineral extraction sector. Meanwhile, the contribution by tin has declined. Petroleum and natural gas discoveries in oil fields off Sabah, Sarawak and Terengganu have contributed much to the Malaysian economy. Other minerals of some importance or significance include copper, bauxite, iron-ore and coal together with industrial minerals like clay, kaolin, silica, limestone, barite, phosphates and dimension stones such as granite as well as marble blocks and slabs. Small quantities of gold are produced.

In 2004, Minister in the Prime Minister's Department, Mustapa Mohamed, revealed that Malaysia's oil reserves stood at 4.84 billion barrels while natural gas reserves increased to 89 trillion cubic feet (2,500 km³). This was an increase of 7.2%.[citation needed] As of January 1, 2007, Petronas reported that oil and gas reserve in Malaysia amounted to 20.18 billion barrels equivalent.[50]

The government estimates that at current production rates Malaysia will be able to produce oil up to 18 years and gas for 35 years. In 2004, Malaysia is ranked 24th in terms of world oil reserves and 13th for gas. 56% of the oil reserves exist in the Peninsula while 19% exist in East Malaysia. The government collects oil royalties of which 5% are passed to the states and the rest retained by the federal government.[citation needed]


อ้างอิงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Malasia#Natural_resources ครับ...
บันทึกการเข้า
Desperado - รักในหลวง
แก่ ขี้บ่น อ้วน นิสัยไม่ดี งี่เง่า ปทุมธานี
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 156
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2434



« ตอบ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2008, 11:21:19 PM »

ทำไม ถึงต้องขึ้นราคาน้ำมัน
ทำไม โลกไม่ถาม ตะวันออกกลาง ผู้ผลิตน้ำมัน
ทำไม ต้องไปกระจุกราคา อยู่ที่ อเมริกา
ทำไม ต้องอ้างอิงตลาดสิงค์โปร์
ทำไม นักวิทยาศาสตร์ คิดพลังงานทดแทนไม่ได้หรือ
น้ำมันหมดโลกจะทำยังไง
เฮ้อออ.....
บันทึกการเข้า

เหม็นขี้หน้า นักการเมือง และสุนัขรับใช้นักการเมือง
papae~
Full Member
***

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197


Once a solider, always a soldier.


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2008, 10:59:04 AM »

ถ้ารัฐบาลอุ้มราคาน้ำมัน
บรรดาคนรู้ทันทั้งหลายก้อจะดาหน้าออกมาบอกว่า บิดเบือนราคาน้ำมัน ทำไปเพื่อหวังผลคะแนนเสียงเลือกตั้ง สร้างภาระให้อนาคต ทำไมไม่ปล่อยให้ราคาเป็นไปตามจริงถ้าน้ำมันแพงคนจะได้ใช้น้อยลง เช่น
--------------------------------------------------------------------
 ราคาน้ำมัน...ใช้ภาษีเรา บิดเบือนให้เราตายใจ
กาแฟดำ : กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  4  มีนาคม   พ.ศ. 2548

ราคาน้ำมันขายปลีกของเพื่อนบ้านเรา อย่างมาเลเซีย และอินโดนีเซีย (ซึ่งมีบ่อน้ำมันของตัวเอง) ก็พากันขึ้นไปแล้ว เพราะรัฐบาลทั้งสองต้องการ "สะท้อนความเป็นจริง" ของราคาน้ำมันในตลาดโลก และเพราะขืน "อุ้ม" ราคาน้ำมันต่อไป ก็จะเป็นการ "บิดเบือน" ตลาดเกินเหตุ

ที่อินโดนีเซีย พอรัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันขายปลีก ก็มีการประท้วงของประชาชนบางกลุ่ม เหตุเพราะไม่ได้บอกกล่าวความจริงกับประชาชนมาตั้งแต่ต้น และขาดการสื่อสารให้รู้สภาพความเป็นจริงอย่างต่อเนื่องมาตลอด

ราคาน้ำมันกลายเป็นประเด็น "การเมือง" เพราะรัฐบาลทำมันเป็นการเมือง เอาไปผูกไว้กับการหาเสียง และการสร้างภาพลักษณ์กับชาวบ้าน

โดยไม่บอกความจริงว่า เงินที่เอามาอุ้มราคาน้ำมันให้ต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น ล้วนแต่เป็นเงินจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น

รัฐบาลไทยใช้เงินภาษีประชาชนกว่า 60,000 ล้าน ไปอุดหนุนให้ราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซลต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมานานพอที่จะทำให้ "อุ้มไม่ไหว" อีกต่อไป

เพราะมันเป็นการเมือง ตอนที่รัฐบาลตัดสินอุ้มราคาน้ำมัน ก็อ้างว่าเป็นการทำ "ชั่วคราว" และเมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมา ก็จะเอาเงินมาคืนกองทุนน้ำมันนี้

เพราะมันเป็นการเมือง รัฐบาลจึงไม่ได้เผื่อคำตอบเอาไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ลดลง แต่กลับพุ่งขึ้น จะทำอย่างไร?

และความจริงก็คือว่า มันไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐบาลพยากรณ์เอาไว้ ราคากลับพุ่งพรวดพราดขึ้นไป และมาถึงตอนนี้ ถ้อยคำรับประกันอันหนักแน่นน่าฟังเหลือเกินก่อนเลือกตั้งก็กลายเป็นเสียงอ่อยๆ ที่บอกว่า ไม่อาจจะแบกรับภาระของเงินอุดหนุนไม่ไหวเสียแล้ว

คนไทยลืมง่าย ความจำสั้น นักการเมืองจึงทำอะไรที่ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างนี้ได้เสมอ มันเกิดแล้วเกิดอีก และจะเกิดต่อไป หากสังคมไร้เสียงซึ่งกลไกแห่งการตรวจสอบว่า ใครเคยพูดอะไรไว้ และทำได้มากน้อยแค่ไหน

รัฐบาลที่ปกครองด้วยกติกาจะต้องเปิดเผยโปร่งใส และจะต้องบอกความจริงกับประชาชนว่า เงินแต่ละก้อนที่เอามาบิดเบือนกลไกตลาดนั้น เอามาจากไหน? ใครต้องรับผิดชอบ? ใครเป็นคนตัดสินว่า จะอุ้มอะไรเพื่อใคร?

ตั้งแต่ต้นปี ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาแล้วร้อยละ 30 ไปอยู่ที่บาร์เรลละ 50 ดอลลาร์ และทำท่าว่าจะไม่ยอมลดลงมาที่ระดับ 40 ถึง 45 ดอลลาร์ อย่างที่ทำนายทายทักกันเอาไว้

คนไทยควรรู้เอาด้วยว่า ไม่ว่าใครจะบอกเราว่าสามารถทำนายเรื่องของราคาน้ำมันโลกได้ ก็เชื่อไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันนั้น อยู่นอกเหนือความสามารถของใครก็ตามในรัฐบาลไทย

เราต้องวางนโยบายเรื่องนี้บนพื้นฐานของการเผื่อสำหรับความเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง ต้องตระเตรียม สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะเราต้องสั่งน้ำมันเข้าเกือบทั้งหมด ขนาดประเทศที่ผลิตน้ำมันเอง อย่างมาเลเซีย และอินโดฯ ก็ยังต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท ไม่หลอกชาวบ้านว่า รัฐบาลรู้ดีทุกอย่าง

เพราะบ่อยครั้งรัฐบาลไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าคนที่อยู่ในวงการนั้นๆ ด้วยซ้ำไป

ทางเดียวที่ชาวบ้านอย่างพวกเราจะเข้าใจความเป็นไปอย่างแท้จริง โดยไม่ฟังนักการเมืองคุยโม้โอ้อวดว่า รู้ดีกว่าเราก็คือการเกาะติดข่าวคราวเรื่องราคาน้ำมัน และสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด

หาไม่แล้ว พอเผลอหน่อย ท่านผู้มีอำนาจก็เอาเงินภาษีของเราไปบิดเบือนภาพจริง แล้วยังหันมาบอกเราว่า "ที่ทำอย่างนี้เพื่อให้ประชาชนอย่างพวกคุณสบายใจน่ะ"

วันนี้ความจริงเริ่มปรากฏแล้ว ใครต้องรับผิดชอบตอบคำถามของเราบ้าง?



---------------------------------------------------------------

แต่ถ้าปล่อยไปตามราคาตลาดโลก คนรู้ทันก้อจะออกมาบอกว่า รัฐบาลไม่สนใจแก้ไขปัญหา

กรรมของเวร

บันทึกการเข้า

.... เหล่าชายฉกรรจ์ใฝ่ฝันนักรบ
ครันครบมุ่งเพียรเรียนเรื่อยมา
รักเป็นทหารจึงต้องการศึกษา
ร่วมกันมาไม่ท้อใจ.......
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 22 คำสั่ง