เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 19, 2024, 01:19:35 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โดน.357 สองนัดแค่ซ้ำ  (อ่าน 8254 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 18 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ก็อต
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 35



« ตอบ #60 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 09:36:14 PM »

ผมว่าคนที่ออกข่าวเหล่านี้มา ต้องมีวิจารณญาณ อย่างสู้ครับเพราะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นได้
ส่วนตัวเชื่อว่ามีจริงนะครับเเต่ปัจจุบันจะหาคนที่ดูเเลรักษาของพวกนี้ให้คงอยู่ ผมว่าเหลือน้อยมากเเล้วละ

ทุกวันนี้กลายเป็นพุทธพาณิชย์ ไปซะหมด
จนสุดท้ายกลับกลาย เป็นการลองของกัน
อย่างพวกวัยรุ่นที่ก่อนไปตีกัน ต้องมีของ(เครื่องราง)ไปติดตัว สุดท้ายก็อย่างที่เห็นๆกันละครับ
ทุกวันนี้มันกลายเป็นธุรกิจไปหมด

ผมเชื่อเพราะ เห็นมาจากปู่จากพ่อ

ทุกวันนี้ไม่ไม่ได้พกเครื่องรางอะไรเลยครับ พกสติกับความรอบคอบ
 ผมว่า คนโบราณพกเครื่องราง เพราะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้มีสติ เเละระมัดระวังในการทำอะไรลงไปครับ

ลองดูอย่างพวกสักยันต์ สมัยก่อนดูครับ ต้องถือข้อบังคับต่างๆเยอะมาก
เช่น ห้ามด่าพ่อล่อเเม่  =  จะได้ปากไม่พาภัยหาตัว
       ห้ามเดินลอดสะพานขาด= ระวังของหล่นจากบนสะพาน(เมื่อก่อนสะพานขาดคือสะพานใกล้พัง)
เเละอีกหลายข้อ

ผลลัพท์ทางอ้อมเพื่อให้มีสติเเละระวังตัว
ทุกวันนี้วัยรุ่นสักกัน เพื่อเเสดงความเหนียว เก๋า ไม่กลัวคู่อริ หัวเราะร่าน้ำตาริน

บันทึกการเข้า
ก็อต
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 35



« ตอบ #61 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 09:37:39 PM »

ขอเเก้ไขคำผิดครับ    ''อย่างสูง"
บันทึกการเข้า
I Love My King (AkNaRiN~*)
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 1670



« ตอบ #62 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 10:00:44 PM »

กระทู้นี้ทั้งหมด ถูกใจความเห็น พี่R@ad ที่สุดครับ

เรื่องปาฎิหารย์ สิ่งลี้ลับ พลังเหนือธรรมชาติ เถียงกันจนตาย ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงเท็จ100%

ให้เป็นเพียงที่พึ่งทางใจเถิดครับ

ส่วนทางกาย "อัตตาหิ อัตโนนาโถ"

ครับผม
บันทึกการเข้า
ต้นหนาว
CE KKU
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1397
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9433



« ตอบ #63 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 10:45:20 PM »

สำหรับผมแล้ว ปืนน่ะลืมได้  แต่พระไม่เคยลืมครับ
บันทึกการเข้า

  
ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง
Hero Member
*****

คะแนน 57
ออฟไลน์

กระทู้: 1891


ทำความดีเพื่อชาติ


« ตอบ #64 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 11:09:08 PM »

พระเครื่อง เครื่องราง เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ไม่ให้ทำผิดศิล ทำแต่ความดี
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #65 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2008, 11:58:15 PM »

สำหรับผมแล้ว ปืนน่ะลืมได้  แต่พระไม่เคยลืมครับ

กลับกันกับผม. ที่สุด ผมจะถอดสร้อย ไว้ในรถ หรือมีพระเครื่องประจำรถ
ส่วน Colt หรือ  Sig จะได้ที่นอนหลับค้างแรม ลืมไปเลย

ตลอดเวลา ตั้งแต่มีปืนกระบอกแรก ออกจากบ้าน ลืมแล้วลืมเลย  ๑-๒ ครั้ง
และเฉพาะไปต่างประเทศเท่านั้น.. ผมจริงจังกับเรื่องเหล่านี้ มาก
จะไม่มีให้เหลือใช้คำว่า "เสียดาย รู้อย่างนี้ จะไม่....  เลยจริงจริง"  Smiley

บันทึกการเข้า

mat031
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 37
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 968



« ตอบ #66 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2008, 02:05:57 AM »

ลองเปลี่ยนเป็น 375 ไหมครับ Grin
บันทึกการเข้า

ปืนเป็นอุปกรณ์ ไม่ใช่อาวุธ
ของชิ้นหนึ่งจะเป็นอาวุธหรือไม่ ผู้ใช้เป็นคนกำหนดให้มันเป็น
ข้าน้อย
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #67 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2008, 09:17:09 AM »


อีกเกจิ ใช้แล้ว ผิวหยาบเนียน เป็นเนื้อชิน กระด้าง  ขลัง ผมมีไว้เหน็บเอว อยู่ ๔ รุ่น
บางสถานที่ถูกใช้ เสกคนเลว คนร้าย ให้วิญญาณล่องลอย .ของผมถึงจะขลัง แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น

ก็ พระอาจารย์ Colt .กับลูกศิษย์ ๒ แม็ก..  ที่ผมจะสามารถ กำกับด้วยตัว ของผมเอง  เยี่ยม
ถ้า มีพระอาจารย์เดียวกับผม ละก้อ  หยิบขึ้นมาลูบคลำ ปลุกเสก เตรียมการณ์ไว้บ้าง . ครับ  Wink



เพิ่งพาตัวเองดีที่สุดครับ แม้จะแขวนพระสักดี่องค์ แต่ถ้าเป็นคนเลว ยังไง ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่คุ้มครองเราหรอกครับ แค่แขวนแบบหลอก ๆ ตัวเองให้อุ่นใจ ขออยู่ด้วยความไม่ประมาท
และผมก็ชอบมาก ๆ เลยกับหลาย ๆ ความคิด และ ความเห็น รวมทั้งข้อแนะนำของพี่Ro@d(ที่ในหลายอย่างผมก็นำไปใช้) และอุดมการณ์ของพี่Ro@d ด้วยครับ...สุดยอด  + 1 เยี่ยม ไหว้
บันทึกการเข้า

ดีใจที่เกิดเป็นคนไทยภายใต้เบื้องพระบาทพระบารมีองค์พระเจ้าอยู่ห้ว...องค์พ่อหลวงของคนไทยทุก ๆ คน ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ.
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #68 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2008, 01:35:48 PM »

คนรู้จักผมเป็นทหาร... ไปรบช่องบก... แกเล่าให้ฟังว่า... เพื่อนเขาคนหนึ่งแขวนพระอยู่องค์เดียวตลอด... ตอนปะทะกัน... โดนอาก้าเข้าเต็มอก... ไม่เข้าเนื้อครับ... พอโดนก็กระเด็นล้มลงไปจุกแอ๊กๆ อยู๋ที่พื้น... เขายืนยันว่าเรื่องจริงนะครับ... แล้วผมก็เชื่อด้วย...

...เพราะพี่แกเล่นแขวนพระเครื่องเนื้อเหล็ก... องค์ใหญ่กว่าฝ่ามืออีกครับ... ช้ำในอยูหลายวันเลยครับ... แต่เขาไม่ได้บอกว่ากระสุนเจาะเข้าไปในองค์พระเครื่องพิมพ์ XXL นั้นลึกเท่าไหร่... Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
parman
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

กระทู้: 63


« ตอบ #69 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2008, 03:43:49 PM »

พระพยอม......แต่เณรไม่ยอม.. Huh Huh
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #70 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2008, 03:53:04 PM »

พระพยอม......แต่เณรไม่ยอม.. Huh Huh

เพียงใช้บางถ้อยคำ ก็ขำก๊ากกกกก ได้ จริงจริง ครับ คุณparman  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก   
บันทึกการเข้า

fOnCaL
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 24


« ตอบ #71 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2008, 05:20:20 AM »

ผมนับถือศาสนาพุทธ แขวนพระเครื่อง แต่ผมซื้อรถคันไหนๆ ไม่เคยไปเจิมที่ไหน ไม่เคยดูฤกษ์ในวันจัดงานใดๆ ถือเอาวันพร้อมที่สุดของเรา แม้แต่งานแต่ง หรือ บวช ของตนเอง เพราะเคยนั่งคิดว่า คู่แต่งงานที่เขาไปดูฤกษ์กันนั้นมีกี่คู่ที่อยู่กันได้ไม่นาน(ตอบว่าเพียบ) รถที่เขาซื้อๆกันแล้วไปเจิมโดย พระ หรือ อาจารย์ใดๆ มีกี่คันที่ชนที่เกิดอุบัติเหตุ(ตอบว่าเพียบอีกล่ะ) แต่ก็แปลกที่เคยมีคนบอกว่าผมท่าจะบ้าคิดไม่เหมือนคนอื่น ผมก็เลยคิดอีกว่าคนเรามีเหตุผลต้องเป็นคนบ้าหรือ แล้วท่านๆละอยากบ้าแบบผมมั้ย     ด้วยความเคารพครับ
บันทึกการเข้า
vvv_v
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2008, 06:57:32 AM »

พระห้อยคอเป็นที่พึ่งทางใจให้หนักแน่นมั่นคงมีสติ มีความเชื่อมั่นและมั่นใจไม่ให้กลัวภัยร้ายต่างๆนานาได้ ( คงมีผลเพียงระดับจิตใจ )

ปืน เป็นที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจ ( ๒ อย่าง )และใช้เป็นอาวุธป้องกันภัยร้ายต่างๆได้จริงๆ หากใช้อย่างมีสติ

สรุป มีทั้งพระ+ปืน  ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่เลยครับ  ไหว้ เยี่ยม
บันทึกการเข้า
parman
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

กระทู้: 63


« ตอบ #73 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2008, 02:44:58 PM »

ผมนับถือศาสนาพุทธ แขวนพระเครื่อง แต่ผมซื้อรถคันไหนๆ ไม่เคยไปเจิมที่ไหน ไม่เคยดูฤกษ์ในวันจัดงานใดๆ ถือเอาวันพร้อมที่สุดของเรา แม้แต่งานแต่ง หรือ บวช ของตนเอง เพราะเคยนั่งคิดว่า คู่แต่งงานที่เขาไปดูฤกษ์กันนั้นมีกี่คู่ที่อยู่กันได้ไม่นาน(ตอบว่าเพียบ) รถที่เขาซื้อๆกันแล้วไปเจิมโดย พระ หรือ อาจารย์ใดๆ มีกี่คันที่ชนที่เกิดอุบัติเหตุ(ตอบว่าเพียบอีกล่ะ) แต่ก็แปลกที่เคยมีคนบอกว่าผมท่าจะบ้าคิดไม่เหมือนคนอื่น ผมก็เลยคิดอีกว่าคนเรามีเหตุผลต้องเป็นคนบ้าหรือ แล้วท่านๆละอยากบ้าแบบผมมั้ย     ด้วยความเคารพครับ
มันจะแปลกกว่านี้ถ้าคุณขับรถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเพราะไม่เคยดูฤกษ์...จะแปลกกกว่านี้ถ้าคุณบวชแล้วศึกพระมาคุณไม่เหมื่อนตาลยอดด้วนที่มองดูสูงแต่จริงๆแล้วจะสูงมากกว่านี้ถ้ายอดไม่ด้วน...ผมว่าคนแบบคุณก็มีมากผมไม่มองว่าบ้านะครับมันเป็นความเชื่อมากกว่า...ปฏิหารย์เกิดขึ้นกับผู้ศรัทธาเท่านั้นครับ...แสดงความคิดส่วนตัวด้วยเคารพครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 25, 2008, 03:19:18 PM โดย parman » บันทึกการเข้า
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #74 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2008, 03:21:23 PM »


      Grin Grin Grin..เอาบันทึกของมือปราบรุ่นเดอะมาให้อ่านเล่นครับ... Grin


สวัสดีครับ.. กระผมขอนำเรื่องของท่าน พ.ต.ท. อรรณพ กอวัฒนา มาเรียนเสนอ ตามที่ได้เคยบอกไว้ แต่ก่อนอื่นต้องขอเรียนทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า ข้อเขียนของท่าน อรรณพฯ ในเรื่องนี้นั้น ท่านใช้สำนวนแบบชาวบ้าน และออกจะบู๊ ๆ สักหน่อย เพราะท่านเป็นมือปราบ ดังนั้นอย่างที่ท่านเคยเกริ่นไว้ว่า ท่านเป็นคนพูดโผงผางตรงไปตรงมา สรรพนามที่ใช้ในเรื่องก็เป็นสรรพนามที่ผู้คนในเรื่อง เขาใช้เรียกขานกันอย่างนั้น ท่านไม่มีเจตนาจะให้ระคายหู หรือไม่สุภาพแต่ประการใด ก็ขอเรียนเชิญท่านติดตามได้แล้วครับ ...
 

"ตอนหนึ่งในเรื่อง หลวงปู่สี ฉันทสิริ ที่ท่านพูดว่า “ปาน วัดบางเหี้ย นั่งเรือไม่ต้องแจว เรือวิ่งไปเอง” นั้นเป็นเหตุจูงใจให้ผมอยากจะได้พบ ได้เจอะเจอพระเกจิอาจารย์ท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง ระยะนั้นเป็น ระยะที่เรากำลัง “ตามล่าพระอาจารย์” ว่างั้นเถิด พระอาจารย์องค์ไหนที่ว่าเก่ง ๆ ก็จะพยายามไปหาข้อเท็จจริง ไปพิสูจน์เพื่อที่จะได้ทำตัวเป็นอีกาบอกข่าว ไปกราบเรียนให้หลวงพ่อฯ ท่านทราบ เผื่อจะเกี่ยวเนื่องกับท่านจะได้ชวนหลวงพ่อฯ ให้พาไปนมัสการ

จากการสืบเสาะจากท่านผู้รู้ และจากหนังสือหนังหาที่เขาเขียนเล่าเอาไว้ จึงได้ทราบว่า หลวงพ่อปานฯ วัดบางเหี้ย เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก เครื่องรางของขลังของท่าน ที่โด่งดังเป็นพิเศษก็คือ เขี้ยวเสือที่ท่านแกะสลัก เป็นรูปเสือตัวเล็ก ๆ ว่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ขนาดตกลงไปในน้ำ ถ้าเอาเหยื่อเช่น หมูไปตก เสือที่แกะสลักนั้นก็จะคาบเหยื่อติดขึ้นมาทีเดียว

แม่จ้าวโวย... อะไรจะปานนั้น ก็อย่างว่าแหละครับ ในสมัยนั้นผมชอบมากเรื่องฤทธิ์เดช สนุกยังกะเรื่องปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ฯ สัตหีบ ที่วิ่งตามเรือแม่ค้าปากจัด หรือเรื่องขรัวอีโต้ลอยน้ำ เลยทีเดียวเชียว (สองเรื่องนี้ถ้าท่านใดอยากทราบ กระผมยินดีนำมาเรียนเสนอในโอกาสหน้านะครับ :คนรู้น้อย) แต่จากการสืบเสาะในที่สุดก็ทราบว่าท่านมรณภาพไปนานแล้ว พอทราบเช่นนี้ความสนใจก็เลยหมดไปแม้แต่วัดบางเหี้ยก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เขาว่าอยู่แถวปากน้ำ (จ.สมุทรปราการ) แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เมื่อไม่รู้แม้แต่วัดอยู่ที่ไหนก็จบกัน ไม่สาวเรื่องและไม่ติดตามกันต่อไปอีก

ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๐ ผมย้ายไปรับราชการที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สมัยนั้นท่าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ภัยลี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๑ เป็นสารวัตรใหญ่ ผมเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวน โรงงานและบ้านจัดสรรยังไม่ขึ้นเป็นดอกเห็ดเหมือนทุกวันนี้ การคมนาคมมีทางรถยนต์ คือถนนสายบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์และถนนภายในตลาดบางพลีใหญ่เท่านั้น ในส่วนที่ติดกับถนนก็ไม่ใช่ว่าจะจอแจเหมือนทุกวันนี้ เรียกได้เลยว่าเปลี่ยวมาก มีผู้คนอยู่เป็นหย่อม ๆ พ้นจากถนนใหญ่เข้าไปจะมีหมู่บ้านอยู่เป็นระยะห่าง ๆ กัน ราษฎรส่วนใหญ่เป็นชาวนา แต่ละหมู่บ้านไม่มีถนนมีแต่คลองและคันนา ชาวบ้านใช้เรือเป็นพาหนะหลัก ถ้าจำไม่ผิดคลองที่มีชื่อเรียกมีจำนวนถึง ๑๐๖ คลอง คลองเล็กคลองใหญ่เหล่านี้สามารถลัดเลาะไปได้เป็นใยแมงมุม โดยทิศเหนือไปได้ถึง อ.จระเข้น้อย อ.ลาดกระบัง อ.มีนบุรี ทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปถึง บางปะกง และ อ.บ้านโพธิ์ (แปดริ้ว หรือฉะเชิงเทรา) ทิศตะวันออกและตะวันตกเฉียงใต้ ไปถึง ต.แพรกษา และ ต.บางปิ้ง อ.เมือง สมุทรปราการ

และเป็นธรรมดาอยู่เองเมื่อมีคนดีก็ต้องมีคนร้าย แต่กลุ่มแก๊งค์คนร้ายที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าก็ไม่มีแก๊งค์ไหนเกินกลุ่มโจรทางน้ำที่ผมขอเรียกว่า “สลัดน้ำจืด” ซึ่งมีอยู่ ๒-๓ กลุ่ม และเป็นพันธมิตรกัน พวกนี้นอกจากจะมีความช่ำชองพื้นที่ทางน้ำทางเรือแล้วยังมีนายทุนระดับเจ้าของโรงสีตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้านบางคนสนับสนุนอีกด้วย ทำให้มีความเข้มแข็งไม่น้อย และยากยิ่งในการปราบปราม

และต่อไปนี้เพื่อให้สามารถติดตามเรื่องได้โดยง่าย ผมจะขออนุญาตสมมติชื่อบุคคลเหล่านี้ให้เสียเลย จะได้ติดตามเรื่องได้โดยไม่สับสน ผมไม่กลัวมันหรอกแต่บางตัวยังไม่ตายเพียงแต่อยู่ในคุก ดังนั้นถ้าจะใช้ชื่อจริงก็เกรงว่าพวกมันจะรู้ไต๋และวิธีการของผมมากกว่า เพราะเชื่อว่าในไม่ช้าก็จะต้องเจอกันอีกจนได้ เนื่องจากอาชีพมันบังคับให้ต้องพบปะกันเสมอ แต่อยู่กันคนละข้างมาโดยตลอด และคิดว่าสำหรับในคราวนี้ผมก็จะไม่เล่าวิธีการทั้งของคนร้ายและของผมให้ละเอียดนัก ความจริงพิมพ์เอาไว้แล้วครับแต่ในตอนนี้ถือว่าเรื่องของเรื่องมันยังไม่จบเด็ดขาด จึงควรรอเอาไว้ก่อน (ท่านที่อยากรู้จริง ๆ ต้องรอไปงานศพของผมรับรองแจกแน่ เพราะผมได้สั่งการบุตรและภริยาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว) สลัดน้ำจืดเหล่านี้มีแก๊งค์ใหญ่ ๆ อยู่ ๔ แก๊งค์ คือ แก๊งค์ไอ้เขียวฯ แก๊งค์ไอ้แดงฯ แก๊งค์ไอ้ขาวฯ และแก๊งค์ไอ้หนูผีฯ ไอ้เขียวฯ นั้นเดิม เป็นหัวหน้าแก๊งค์ใหญ่ มีไอ้แดงฯ เด็กรุ่นหลังเป็นมือขวา ต่อมาไอ้แดงฯ แยกตัวออกไปและกลับเป็นกลุ่มแก๊งค์โจรลูกทุ่งที่ดังกว่าครูโจร (ครูโจรนะครับไม่ใช่ครูเพลง)

ต่อมาไอ้แดงไปฉุดลูกสาวผู้ใหญ่บ้านมาเป็นเมียน้อย ทีนี้เมียของผู้ใหญ่บ้านก็ดันเป็นพี่สาวของไอ้หนูผีฯ รุ่นเก๋าอีกคนหนึ่ง ไอ้แดงฯ กับไอ้หนูผีฯ ก็ต้องนับญาติกันไปโดยปริยาย โดยไอ้หนูผีฯ รับหน้าเสื่อเป็นสายคอยสืบข่าวและส่งข่าวของทางราชการให้กับไอ้แดงฯ ตลอดจนรับติดต่อกับบรรดานายทุนที่ต้องการจะกำจัดคู่ต่อสู้ที่ขัดแย้งกันในเชิงการค้า เรียกกันว่ากินหัวคิวจากไอ้แดงฯ อีกทอดหนึ่ง ในตอนที่ไอ้แดงฯ กำลังดังนั้นไอ้เขียวฯ ซึ่งเป็นปรมาจารย์วางมือแล้วครับ แต่หูตาของมันยังแพรวพราวยังมีแหล่งข่าวเป็นตาสับปะรดอยู่ เรียกว่าใครเป็นใครไปทำอะไรที่ไหนไอ้เขียวฯ ต้องรู้เรื่องเป็นอย่างดี เพียงแต่เสือไม่กินเนื้อเสือกันเท่านั้น และไอ้แดงฯ ก็นับว่าเป็นลูกเสือที่ไอ้เขียวฯ เคยฟูมฟักมาก่อน ที่ไอ้เขียวฯ ยังมีหูตาอยู่ ภายหลังที่ผมคุ้นเคยกับมันแล้วจึงได้ทราบหลักการของมัน อันที่จริงก็เป็นหลักการเก่าแต่ก็ยังทันสมัยอยู่เสมอ คือไอ้เขียวฯ จะไม่ยอมปล้นหรือฆ่าคนบ้านเดียวกันโดยไม่จำเป็น

เรื่องปล้นนั้นยกให้ได้เลยว่ายังไง ๆ ไอ้เขียวฯ ก็ไม่ทำ แต่เรื่องฆ่าอาจจะมีถ้าคิดตรงกัน ยิ่งไปกว่านั้นในหมู่บ้านหรือละแวกใกล้เคียงบ้านของมันชาวบ้านแทบจะเรียกได้ว่ารักมันเสียด้วย ทั้งนี้เพราะถ้าเป็นคนบ้านเดียวกันกับมันแล้วละก็ ไอ้เขียวฯ จะอ่อนน้อม ยิ้มแย้มโอบอ้อมอารีมีมารยาทดีเสมอกับลูกบ้านของมัน แถมบางครั้งเมื่อปล้นบ้านอื่นมาได้มาก ๆ ไอ้เขียวฯ จะซื้อของติดไม้ติดมือไปแจกชาวบ้านเดียวกับมันเสมอ ไม่ทราบว่ามันจะเอาอย่างโรบินฮู๊ดหรืออย่างไร และไม่ทราบว่าหลักการของโจรผู้ดีเมืองอังกฤษไหงมาตรงกับหลักการของโจรลูกทุ่งอย่างไอ้เขียวฯ ไปได้ แต่ก็นับว่าเป็นหลักการที่ใช้ได้ผล

อีกแก๊งค์หนึ่งคือแก๊งค์ไอ้ขาวฯ สำหรับไอ้ขาวฯ นั้นผมค่อยข้างจะรู้จักมันน้อย ทราบแต่ว่ากำลังเป็นดาวรุ่งอยู่เหมือนกันแต่อยู่ทางบางบ่อว่ากันว่าฝีมือของไอ้ขาวฯ จะสะอาด นิ่มนวล และ ผู้ดีกว่าแก๊งค์อื่น ๆ

ในช่วงระยะเวลาที่ผมรับราชการอยู่ที่ สถานีตำรวจภูธร อ.บางพลีนั้น มีคดีปล้น และฆ่าโดยสลัดน้ำจืดเกิดขึ้นมาก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคดีประจำวัน ประจักษ์พยานที่เป็นชาวบ้านส่วนใหญ่ปากปิดสนิท มีไม่กี่คนที่ยอมบอกเล่า แต่ถ้าจะให้สอบสวนกันอย่างเป็นทางการแล้ว เมินเสียเถิดเพราะชาวบ้านไม่เชื่อว่าพวกผมจะให้ความคุ้มครองเขาได้ ซึ่งผมก็เห็นใจเขา และยอมรับว่าตำรวจเราสมัยปัจจุบัน ยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนชาวบ้านน้อยเกินไป ซึ่งเป็นเพราะองค์ประกอบอะไร ๆ หลายอย่าง ซึ่งผมไม่ขอกล่าวในที่นี้

การไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน ทำให้ผมสูญเสียเวลา และความเหนื่อยยากไปเปล่า ๆ หลายสิบคดี เรียกว่าเท่าที่พอจะสืบสวนได้ ว่าใครเป็นใครแค่นั้นก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้ตำรวจไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ไม่เห็นหนทางที่จะว่ากันตรง ๆ ตามตัวบทกฎหมายอีกต่อไปแล้ว ลืมได้เลย แต่หนทางที่เลือกก็ไม่ใช่ว่าง่ายเพราะเราไม่รู้เขาเลย มีแต่เขาที่รู้เราตลอด ผมให้ลูกน้องไปตามไอ้เขียวฯ มาพูดคุยเพื่อหว่านล้อมให้มันเป็นพวก มิฉะนั้นผมจะบีบ แหม ! อยากให้เห็นท่าทางของไอ้เขียวฯ จริง ๆ มันก้มลงกราบ น้ำตาคลอ นัยว่าตื้นตันที่ทางราชการให้ความสำคัญ และไว้เนื้อเชื่อใจมัน มันยินดีจะรับใช้ทุกอย่าง อย่างสุดหัวใจ เจ้านายของผมนั้นหลงเลยครับ ขนาดหาปืนให้ไอ้เขียวฯ เอาไว้ใช้เป็นเขี้ยวเล็บ สำหรับในการช่วยเหลือราชการของมัน

ไอ้เขียวฯ จะไปมาหาสู่ไม่เคยขาด มีสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามประสาคนยากคนจน ติดไม้ติดมือมาฝากไม่เคยขาด เมื่อเรือไอ้เขียวฯ มาจอดที่ท่าน้ำบ้านผม เสียงเรือจะทำให้ผมต้องออกไปดูว่าใครมา พอไอ้เขียวฯ เห็นผมทั้ง ๆ ที่ยังอยู่แต่ไกล ไอ้เขียวฯ จะทรุดตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้นถนน ก้มลงกราบแต่ไกลเชียว ช่างนอบน้อมน่ารักเสียไม่มี แต่เมื่อเชื้อเชิญให้ขึ้นมาพูดคุยกันบนเรือนอย่างเป็นกิจลักษณะแล้ว ไอ้เขียวฯ ไม่เคยคืบหน้าในเรื่องการหาข่าวเลยครับ มันจะปฏิเสธ และเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้อย่างสวยสดทุกครั้ง

เรียกว่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันรู้ แต่ไม่ยอมบอก ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ต้องทนคบกับมันต่อไป โดยที่มันจะรู้เราตลอด มันรู้พวกโจรด้วยกันตลอด แต่เราไม่เคยรู้อะไรจากมัน ผมงี้อยากจะกระทืบมันให้คาตีน แต่เพราะความที่มันฉลาดพูด มันจึงเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง และทำให้ผมเกิดความท้อใจว่างานปราบโจรครั้งนี้ไม่มีทางสำเร็จ เพราะถ้ามองเผิน ๆ ผมอาจจะดูเหนือกว่ามัน เพราะมันจะต้องพูดจาอ่อนน้อมกับผม เรียกผมว่าเจ้านายทุกคำ แต่ภายในผมรู้ดีว่ามันนั่นแหละที่เหนือกว่าผม เขาเรียกว่า เหนือกว่าในเชิงนักเลง แม้ผมจะครุ่นคิดหาหนทางที่จะพลิกสถานการณ์ตลอดเวลา ก็ดูเหมือนว่าเวลา และวารีไม่เคยเปิดโอกาสให้กับผมเลย

จนกระทั่งในวันหนึ่งผมได้รับการยืนยันว่า ก่อนหน้าที่ผมจะเรียกไอ้เขียวฯ มาขอความร่วมมือนั้น ไอ้เขียวฯ รู้ตัวก่อนแล้วไม่ทราบว่าข่าวรั่วได้อย่างไร นอกจากที่มันจะรู้ตัวล่วงหน้าแล้ว มันยังทราบประวัติของผมพอสังเขป แถมยังได้เคยมีการวางแผนมาดูตัวผม ในงานของชาวบ้านแห่งหนึ่งที่ผมไปร่วมงานด้วย เป็นการล่วงหน้าอีกด้วย เรียกว่าไอ้นี่หัวเสธฯ หรือหัวหมอไม่เบา เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ทำให้ผมสามารถประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้องขึ้น และท่ามกลางความเวิ้งว้างของความหมดหวัง ก็ยังเห็นช่องทางเล็ก ๆ คือทำให้พอจะมีแนวทางนิดหน่อย และทำให้ผมประเมินได้ว่า ไอ้เขียวฯ นั้นแม้จะยังไม่มีความจริงใจให้กับผม แต่ความสนใจที่มันมีต่อผมเป็นพิเศษ มากกว่านายตำรวจคนอื่น ๆ เป็นจุดอ่อนของมันที่ผมมองว่ามันเกรงบารมีผมอยู่บ้าง ซึ่งแค่นี้ก็เป็นการเพียงพอสำหรับผมแล้วที่จะดำเนินการตามแผนต่อไป เพราะในเรื่องของใจนักเลงแล้วถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เกรงบารมีเราแล้ว ก็หมดหนทางที่จะซื้อใจกันต่อไป สู้เก็บเสื้อผ้ากลับไปนอนกกลูก กกเมียให้สบายใจดีกว่า

 
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.102 วินาที กับ 22 คำสั่ง