ตัวแปรอาจจะอยู่ที่กำมะถัน ผมเคยเล่นดินดำตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็ชักลืมๆแล้วครับกำมะถันไม่ได้ใช้ครับ โปแตสเซี่ยมไนเตรทกับถ่านเท่านั้น เป็นดินลำตัวสำหรับฉุดให้ขึ้นสูง
น่าจะเป็นแบบนั้นละครับ กำมะถันเป็นตัวเร่งการปะทุ ถ้ามีกำมะถันอยู่ในดินส่งจรวดมากเกินไป อาจจะระเบิดก่อนพ้นพื้น
ดินประสิวเป็นตัวให้ออกซิเจน และถ่านเป็นเชื้อเพลิง
จะว่าไม่มีก็มีอยู่ครับท่านผู้การ คือในบั้งไฟบั้งหนึ่งนี้จะมีดินปืนอยู่สามชนิด ชนิดแรกอยู่บนหัวบั้งไฟด้านบนสุดเรียกว่าหัวระเบิดเป็นดินปืนที่มีส่วนผสมแรงมากๆเวลาจุดไฟทดลองจะไหม้ลุกเป็นไฟไม่ค่อยมีควัน ไหม้ช้ามาก ทำหน้าที่เผาแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่ปิดหัวบั้งไฟใว้ให้เปิดโล่งเพื่อที่จะให้ลมเข้าแล้วเบาตกลงดินช้า ใช้ไม่มาก วัดจากหัวมาประมาณ 2 นิ้วได้ครับ
ชนิดที่สองถัดจากชนิดแรกลงมาประมาณหนึ่งศอกเรียกว่าดินปืนสำหรับล้างเลาให้บาง(เพื่อที่จะทำให้เบา)
มีส่วนผสมของกำมะถันกับโปแตสเซี่ยมไนเตรท เป็นหลักและมีถ่านผสมเพียงเล็กน้อยดูแล้วเหมือนจะระเบิด
แต่ที่ไม่ระเบิดก็เพราะเวลาก่อนจุดเขาจะเอาน้ำเข้าแช่ในส่วนนี้ตามด้วยนมข้นตรามะลิอีกหน่อย
ส่วนที่สามถัดจากดินล้างเลาลงมาจนสุดลำตัว ประมาณสามเมตร(ท่อพีวีซีห้านิ้ว ยาวประมาณสามเมตรเศษเรียกว่าบั้งไฟแสนครับ) เรียกว่าดินลำตัวนี่แหละครับเป็นดินที่พอเปลี่ยนล็อตใหม่เข้ามา (ยี่ห้อเดียวกัน)มีปัญหาทุกทีทั้งๆที่ทำเหมือนเดิมทุกอย่างดินลำตัวนี่ก็จะแบ่งออกเป็นสามช่วง สี่ช่วงบ้างแล้วแต่เจ้าฉบับ
ของผมเป็นสี่ช่วง ภาษาชาวบ้านเรียกเหล็ก 1-2-3-4 เหล็ก1รูจะเล็กสุดหมายความว่ามีจำนวนดินเยอะสำหรับฉุดบั้งไฟช่วงแรกให้มีแรงมากๆ
เวลาจุดบั้งไฟจะเริ่มจุดตรงนี้ระหว่างดินชนิดที่2 และดินลำตัวตรงปลายเหล็ก1
ไฟเริ่มไหม้ตรงนี้จนหมดเหล็ก1(ไหม้จากบนลงล่าง) ต่อมาก็จะไหม้เหล็กสองซึ่งรูจะใหญ่ขึ้นมาอีก ไหม้มาเรื่อยๆจนหมด เคล็ดลับในการให้ไฟไหม้ลงมาเป็นลำดับก็คือใช้ดินเหนียวผสมน้ำเหลวๆหน่อยเคลือบรูตั้งแต่เหล็ก2ลงมาหาเหล็กสี่(สุดท้ายครับ)ในขณะเดียวกันส่วนท้ายของดินชนิดที่2 ก็จะค่อยๆไหม้(ไหม้จากล่างขึ้นบน)จนถึงดินระเบิดที่อยู่ด้านบนสุด
ทั้งนี้ดิน2และดิน3ต้องไหม้ให้หมดพร้อมๆกันครับ