เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 25, 2024, 03:23:56 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชมลิงค์ ตาสว่าง 27-05-51 ความเป็นจริง ราคาน้ำมันไทย  (อ่าน 10122 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 02:15:44 PM »

ราคาน้ำมันที่ VN วันนี้........................เบ็นซิน   vnd  14,500  /  US$  .9
                                                       ดีเซล     vnd  13,500  /  US$ . 8

                                                       ลองไปคิดเป็นเงินบาทเอาเองครับว่าเท่าไรแล้วทำไมเขาถึงทำได้.....  แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
อั๋น
ยอมแพ้ในวันนี้ เพื่อชนะในวันพรุ่งนี้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 139
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3109



« ตอบ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 02:19:46 PM »

ปตท. ได้กำไรทุกปี ไม่มีขาดทุน พลังงานไทยเพื่อคนไทย.. โดนชก
บันทึกการเข้า

มาด้วยใจ ไปด้วยกัน
ThaiLoei
KU 53 /EE
Sr. Member
****

คะแนน 43
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 708


อันตรายที่สุด คือ ความคาดหวัง


เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 04:30:17 PM »

 Grin
ไม่ได้ดูรายการนี้นะครับ และความรู้เรื่องราคาน้ำมันมีน้อย แต่วันนี้ตามเวปต่างๆ มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันมาก ผมเลยสงสัยว่า

จาก การคิดราคาน้ำมันตลาดโลกในค่าเงินบาท 31 บาท/USD   จำนวน (น้ำมันดิบ)บาเรล X 20 สตาง = ราคาจริง (น้ำมันกลั่นเเล้ว)ต่อลิตร 

ถ้าสมมุติราคาน้ำมันดิบ 130 /บาเรล  x 20 สตางค์ = 26 บาท ต่อลิตร(ราคาจริง ของน้ำมันที่กลั่นแล้ว)
หมายความว่า ราคาทุน 26 บาท แต่ว่าราคาขายจริง 30 ปลายๆ ส่วนต่าง ประมาณ 12 บาท (จาก จขกท) ฟังดูเหมือนเอากำไรเกินควร

แต่เท่าที่ผมเข้าใจ ราคา 26 บาท เป็นราคาน้ำมันดิบ ยังไม่ได้กลั่น
ต้องนำมากลั่น + ภาษี + ค่าขนส่ง และราคาขายน้ำมันแต่ละชนิดที่กลั่นเสร็จแล้ว ราคายังไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น ตารางข้างล่าง



ลองดู ตารางยอดขายของ ปตท


ต่อไปตารางกำไร


เท่าที่เข้าใจ    ยอดขายน้ำมัน 4 แสนกว่าล้าน แต่ได้กำไร 2 พันกว่าล้าน
แต่ก๊าซต่างๆ   ยอดขายเกือบๆ 7 หมื่นล้าน แต่ได้กำไร ถึงหมื่นสองพันล้านกว่าๆ
และ ปตท.สผ ยอดขาย 2 หมื่นกว่าล้าน กำไร หมื่นห้าพันล้าน

แสดงว่ารายได้หลักของ ปตท มาจาก ก๊าซต่างๆ และ ปตท.สผ มิใช่มาจากน้ำมัน

ถ้าผมเข้าใจผิด ใครช่วยอธิบายที

 Grinด้วยความเครพครับ กำไรจากองค์รวม การขายน้ำมัน อยู่ที่ หนึ่งเเสนสามหมื่นกว่าล้าน ปตท .ได้ หมื่นห้าพันกว่าล้านนั้นผมไม่ทราบว่าจริงไหม
เเต่เท่าที่ทราบ ปลัดกระทรวงนี้ ได้ 10 บาท จากปันผลของเดือน เเละไม่รู้อีกเท่าไรที่ไม่ได้เข้ารัฐ  หัวเราะร่าน้ำตาริน
หรือท่าน จขกท. ลองเข้าชมตามลิงค์ ที่ผมได้ข้อมูลจาก ท่าน จอบหลอย รายการตาสว่าง ดูนะครับ ซึ่งผมอาจจะผิดก็ได้ ขอบคุณครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

แผ่นดิน...มันยังไหว......กรู.......ก็ต้องไหวสิว่ะ......สู้โว้ย...T_T
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 04:51:54 PM »

 Smiley การเอาเปรียบประชาชน ของ ปตท.  เกิดจาก
1. โครงสร้างราคาน้ำมัน ที่ประกอบด้วยค่าการตลาดและค่าการกลั่น ที่สูงเกินความเป็นจริง และ ปตท. ยังได้รับประโยชน์จากผลผลิตต่อเนื่อง จากการกลั่นมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ของ ปตท. ได้อีกมากมาย

- ทั้งนี้ ในขั้นตอนการกลั่นน้ำมันดิบ 1 ลิตร ต่อ 1 กระบวนการกลั่นนั้น  จะได้ผลิตภัณฑ์มากกว่า 9 ผลิตภัณฑ์ ในปริมาณรวม 1.4 ลิตร (ประมาณ 1:1.4 เท่า) ดังนั้น ในแต่ละผลิตภัณฑ์น้ำมันนั้น จะมีค่าการกลั่นเพียง 1 ครั้งเท่านั้น แต่ในการคิดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ไม่แน่ชัดว่า ปตท. ได้กระจายสัดส่วนค่ากลั่นไปทุกผลิตภัณฑ์หรือไม่ หรือว่า ปตท.คิดค่าการกลั่นซ้ำซ้อนลงในทุกผลิตภัณฑ์ หรือไม่อย่างไร ค่าการกลั่นทุกผลิตภัณฑ์จึงสูงมาก

2. ต้นทุนค่าน้ำมันดิบที่แท้จริง ณ วันที่ซื้อ และแหล่งที่ซื้อจริง ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการซื้อล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยส่งมาทางเรือ น้ำมันดิบจากแหล่งตะวันออกกลาง

- แต่ ปตท. กลับใช้ราคาหน้าโรงกลั่น ที่อิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์หรือตลาดโลก 

3. ต้นทุนค่าก๊าซปากหลุมที่แท้จริง จากแหล่งในประเทศและต่างประเทศ มีต้นทุนจริงเท่าใด ไม่มีระบุไว้อย่างชัดเจน

4. ต้นทุนน้ำมันที่แท้จริงจากสต็อค ณ วันที่ซื้อและวันที่ขาย  ซึ่ง ปตท. มักจะกล่าวอ้างในการขึ้นราคาว่า ขึ้นตามราคาตลาดโลก แต่ความเป็นจริง ปตท. มีสต็อคอยู่ ที่สามารถสำรองใช้ในประเทศได้หลายเดือน การขาย ณ วันที่ราคาตลาดโลกสูงขึ้น นั้น เป็นเพียงการนำราคาที่ซื้อมาก่อนหน้า ในราคาต่ำ ในสต็อคมาขายในเวลาที่ราคาตลาดโลกสูงเท่านั้น ไม่ใช่ต้นทุนราคาที่แท้จริง

5. ต้นทุนและกำไรจากราคาค่าผ่านท่อ (ก๊าซ) ที่เก็บจาก กฟผ. สูงเกินจริง ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานยังอ้างว่า ปตท. ยังเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นใหญ่อยู่ แต่กลับไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย  ยิ่งไปกว่านั้นกลับกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อกิจการ ปตท. ในการแสวงหาประโยชน์จากรัฐวิสาหกิจอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจการไฟฟ้าของประเทศ ที่ต้องใช้เชื้อเพลิงก๊าซและน้ำมันจาก ปตท. เป็นหลักในการผลิตไฟฟ้า  ซึ่งเมื่อวิเคราะห์โครงสร้างรายได้ค่าขายก๊าซ ที่ ปตท. จำหน่ายให้กับ กฟผ. เมื่อปี 2548 แล้วจะพบได้อย่างชัดเจนว่า ปตท. คิดราคาขายกับ กฟผ. สูงมากอย่างไร้เหตุผล


คุณวัฒน์แย่งซีนผมหรือเปล่า  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก


 คิก คิก สองแรงแข็งขันครับ...
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
NAI HEAW
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 05:37:10 PM »

น่าตกใจมั้ยครับหากผมจะบอกว่ากำไรจากการกลั่นน้ำมันลิตรละ 8 บาท.
บันทึกการเข้า
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 05:41:37 PM »

 คิก คิก  เรื่องราคาน้ำมันผมรู้  งูๆ ปลาๆ ครับ จะแสดงออกก็กลัวจะปล่อยไก่... คิก คิก
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 05:42:54 PM »

 Smiley คัดมาจาก  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อ 2 มิ.ย. 50  จะครบปีอยู่แล้วแต่น่าอ่าน...

 Smiley ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัทลานนารีซอร์สเซส นักวิชาการปิโตรเลียม ผู้ได้ทุนรัฐบาลไทยเรียนจบปริญญาตรี-โท-เอก ด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมโดยตรง ให้สำภาษณ์

การคิดราคาน้ำมันขายปลีก นอกจากมีปัจจัยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแล้ว ยังมีอีก 4 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ

(1) ค่าการกลั่น

(2) ค่าการตลาด

(3) ภาษีซึ่งประกอบด้วย ภาษีสรรพสามิต (ลิตรละ 3.685 บาท-คงที่ตลอด ไม่เปลี่ยนตามราคาน้ำมันดิบ) ภาษีเทศบาล (ลิตรละ 0.3685 บาท) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ประมาณลิตละ 1.8835 บาท-เปลี่ยนตามราคา)

(4) กองทุนน้ำมัน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนน้ำมันเพื่อการประกันราคา (ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติ ลิตรละ 3.46 บาท) และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน (ใช้เพื่อสิ่งแวดล้อม ลิตรละ 0.07 บาท)

ปริศนาค่าการกลั่น
ค่าการกลั่น ค่าการตลาด มักจะถูกผู้ค้าน้ำมันหยิบยกเป็นข้ออ้างทวงบุญคุณจากประชาชน บีบให้รัฐบาลปรับขึ้นราคาน้ำมันมาโดยตลอด

ค่าการกลั่นก็เปรียบได้กับค่าแปรรูปสินค้า แปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล แปรรูปน้ำมันดิบเป็นน้ำมันสำเร็จรูป...ต้นทุนในการแปรรูปน้ำมันดิบเป็นเบนซิน เป็นดีเซลมีเท่าไร ค่าการกลั่นก็ควรจะเท่านั้น

ค่าการตลาดก็เช่นกัน ก็เงินเปอร์เซ็นต์ เงินกำไร ที่ทางบริษัทน้ำมันจ่ายให้กับปั๊ม แบบเดียวกับบริษัทผลิตสินค้าอย่างอื่นจ่ายให้กับห้างร้านที่ขายปลีก ให้ผู้บริโภคนั่นแหละ

เป็นเพราะการคิดค่าการกลั่นต่างจากสินค้าอย่างอื่นตรง...

บริษัทน้ำมันคิดมาให้อย่างไร หน่วยราชการไทยเชื่อว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาว่า

“หน่วยราชการไทยไม่มีข้อมูล ไม่มีมาตรฐานในการคิดคำนวณว่าค่ากลั่นน้ำมันที่แท้จริงของโรงกลั่นแต่ละแห่งนั้นมีต้
นทุนเท่าไร

น้ำมันดิบกลั่นออกมาเป็นดีเซล เป็นเบนซิน เป็นน้ำมันก๊าด น้ำมันเจ๊ทสำหรับเครื่องบิน เป็นก๊าซแอลพีจี แต่ละตัวมีต้นทุนเท่าไรกันแน่ ตัวเลขที่แท้จริงเราไม่รู้

ตัวเลขที่ผู้ค้าน้ำมันบอกมาเป็นตัวเลขจริง หรือตัวเลขลวง หน่วยราชการไทยที่รับผิดชอบไม่มีตัวเลขมาตรฐานเปรียบเทียบ เพราะที่ผ่านมา ไม่มีการศึกษาวิจัยเรื่องต้นทุนค่าการกลั่นน้ำมันที่แท้จริงเลย”

ที่สำคัญไปกว่านั้น ค่าการกลั่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้...คิดกันแบบรวบหัวรวบหาง....แล้วมัดมือชก

“เขาคิดแบบซื้อน้ำมันดิบมาในราคาเท่าไร เมื่อกลั่นเสร็จ เอาผลผลิตที่ได้จากการกลั่นทุกอย่างไปเปรียบเทียบกับราคาขายในตลาดโลก ซึ่งก็คือราคาที่สิงคโปร์

ผลิตภัณฑ์ที่กลั่นได้ทั้งหมดขายได้ในราคาเท่าไร เอาราคานั้นไปหักลบกับราคาน้ำมันดิบที่ซื้อมา ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าไรนั้นก็คือ ค่าการกลั่น”

เช่น ซื้อนํ้ามันดิบมาในราคาบาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐฯ พอนำมากลั่น ผลิตภัณฑ์ที่กลั่นได้ทั้งหมดเปรียบเทียบกับราคาในตลาดโลก ณ วันที่กลั่นออกมา สมมติว่า รวมกันแล้วขายได้ 100 เหรียญ

เอา 100 ไปลบ 60...ค่าการกลั่นจะตกบาร์เรลละ 40 เหรียญ ส่วนจะเป็นลิตรละเท่าไรให้เอา 159 หาร...1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร

ฉะนั้น ค่าการกลั่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้....ไม่ได้คิดจากต้นทุนที่แท้จริงของการกลั่น

ซ้ำร้าย...ค่าการกลั่นก็ไม่ได้คิดจากต้นทุนราคาน้ำมันดิบ ณ วันที่ซื้อมาจริง

ปกติแล้วการซื้อน้ำมันดิบมากลั่น ประเทศไทยจะสั่งซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางเป็นหลัก เพราะในละแวกแถวบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย ถูกสิงคโปร์กว้านซื้อไปหมดแล้ว

เราต้องไปซื้อไกล กว่าน้ำมันดิบจะมาถึงโรงกลั่นในบ้านเราจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ฉะนั้น การจะคิดค่า ก็ควรจะต้องคิดจากราคาน้ำมันดิบในวันที่ซื้อจริง

แต่เขากลับคิดราคาต้นทุนน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบัน...ที่มักจะแพงกว่า

แม้ผู้ผลิตจะอ้างว่าราคาน้ำมันไม่แน่นอน มีความเสี่ยงสูง มีขึ้นมีลงตลอดเวลาก็ตาม...แต่โดยส่วนใหญ่ราคาปัจจุบันจะแพงมากกว่าราคาในอดีต เพราะมีขึ้นมากกว่าลง

เมื่อเอาราคาน้ำมันดิบปัจจุบันมาคิด ทำให้ตัวเลขที่ทำมาเสนอหน่วยราชการ ค่าการกลั่นจะออกมาต่ำกว่าความเป็นจริง

โชว์ตัวเลขให้พอเชื่อได้ว่า...ฉันไม่ได้เอาเปรียบ

แค่นั้นยังไม่พอ สิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้นั่นก็คือ...น้ำมันดิบที่ซื้อมา 1 ลิตร เวลากลั่นแล้วผลิตภัณฑ์ที่ออกมามีปริมาตรมากกว่า 1 ลิตร

หลายคนอาจจะงง เป็นไปได้ยังไง?

ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆเหมือนอย่างที่เราเรียนกันมา สสารทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อโดนความร้อนแล้วโมเลกุลจะขยายตัว

น้ำมันดิบ 1 ลิตร กลั่นออกแล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ลิตร

คิดดูก็แล้วกัน การคิดค่าการกลั่นตามสูตรแบบนี้ จะทำให้บริษัทน้ำมันโกยกำไรจากค่าการกลั่นมากมายขนาดไหน

นี่ยังไม่รวมกรณีโรงกลั่นรู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า โรงกลั่นโรงไหนจะหยุดซ่อม ซึ่งส่งผลให้น้ำมันสำเร็จรูปขาดตลาด มีราคาแพง โรงกลั่นจะรีบสั่งซื้อน้ำมันดิบมากักตุน รอกลั่นขายตอนน้ำมันสำเร็จรูปแพง ฟันกำไรค่าการกลั่นมโหระทึก

ถึงจะได้ค่าการกลั่นมหาศาล แต่เขามีเทคนิคที่สามารถนำค่าการกลั่นไปซุกไว้ตามที่ต่างๆไม่ให้เราได้รู้ทัน

วงการค้าน้ำมันสามารถนำกำไรจากค่าการกลั่นไปซุกได้ทั้งที่โรงกลั่นที่ จ็อบเบอร์หรือธุรกิจขนส่งน้ำมัน และซุกไว้ที่ปั๊มหรือค่าการตลาด ขึ้นอยู่กับว่า เขาต้องการอะไร

ถ้าอยากได้เงินไปลงทุนสร้างขยายโรงกลั่น ก็จะโชว์ตัวเลขว่าโรงกลั่นมีผลกำไรดี เพื่อจะได้ปั่นหุ้นเอาเงินมาลงทุน ยิ่งสร้างตัวเลขให้รัฐบาลเชื่อว่า ได้ค่าการกลั่นน้อยแล้วรัฐบาลเพิ่มค่าการกลั่นให้ หุ้นก็จะยิ่งพุ่งถล่มทลาย เมื่อได้ดั่งใจก็เอาค่ากลั่นไปซุกไว้ในธุรกิจอื่นเพื่อหากำไรต่อ

ค่าการตลาดก็เหมือนกัน ในความจริง รถใช้อะไรก็เติมอย่างนั้น แต่ทำไมบริษัทค้าน้ำมันถึงให้ค่าการตลาดน้ำมันแต่ละชนิดไม่เท่ากัน...เพื่ออะไร?

เพื่อสร้างความสับสนงงงวยให้เกิดขึ้นในระบบ และจะได้นำไปเป็นข้ออ้างขอขึ้นราคาไม่จบสิ้นหรือเปล่า?

ในเมื่อค่าการตลาด ค่าการกลั่นเป็นเช่นนี้...เลยมีคำถามว่า หน่วยราชการไทยมีความสามารถที่จะรู้ให้ทันและปรับเปลี่ยนแก้ไขความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมได้หรือไม่

ธุรกิจน้ำมันมีเงินเป็นแสนๆล้าน มีความสามารถที่จะจ่ายอะไรก็ได้

เลยทำให้นักการเมือง ข้าราชการและคนที่เกี่ยวข้อง อยากแกล้งโง่...มากกว่าอยากฉลาดกันทั้งนั้น.

 งอน
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 05:54:49 PM »

 Smiley ถามคุณ.papae~ ว่าทำไม ปตท.ถึงได้กำไรจากก๊าซสูงมาก

 Smiley ปตท. คือ เจ้าของธุรกิจก๊าซหุงต้มรายใหญ่ของไทย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพลังงานไฟฟ้าด้วย การไฟฟ้าทั้งสาม คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จะเป็นผู้ดำเนินกิจการไฟฟ้าทั้งหมดก็ตาม หากแต่หลายคนยังไม่ทราบว่าเบื้องหลังกำไรมหาศาลจากกิจการไฟฟ้าอย่างแท้จริงนั้นคือ ปตท.

การที่ ปตท.มีกำไรมหาศาลนั้นเป็นเพราะว่า ปตท.คือผู้ผูกขาดก๊าซธรรมชาติรายแรกรายเดียวของไทย และลูกค้าที่ผูกติดกับ ปตท.มาตลอดก็คือ บริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) นั่นเอง

โครงสร้างการดำเนินกิจการพลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยในปัจจุบัน ถือเป็นกิจการที่ผูกขาดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทที่ได้รับสัมปทาน เช่น บริษัทยูโนแคล ปตท.สพ. และเชฟรอน เป็นต้น โดย ปตท.ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการจัดหาก๊าซเพื่อจำหน่ายภายในประเทศแต่เพียงผู้เดียว ทั้งยังอาศัยอำนาจในการผูกขาดการขนส่งก๊าซผ่านท่อก๊าซธรรมชาติของตนอีกด้วย

ยิ่งกว่านั้นสูตรราคาซื้อขายก๊าซ ปตท.กำหนดให้ผันแปรตามราคาน้ำมันโลก รวมทั้งยังผลักความเสี่ยงต่างๆ ตามอัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ซึ่งการที่ ปตท.กำหนดสูตรการคำนวณราคาก๊าซผันแปรตามราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันที่กำลังถีบตัวสูงขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ในขณะนี้ ก็จะส่งผลให้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย

ประมาณ 42.9% ของเงินค่าไฟฟ้าที่ผู้บริโภคจ่าย จะเข้ากระเป๋าของ ปตท. และอีกประมาณ 30% จะเป็นรายได้ของ กฟผ. ส่วนแบ่งที่น้อยที่สุดก็คือผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยที่มีอยู่ประปรายในประเทศไทย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2008, 06:16:48 PM โดย วัฒน์ » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
rockguns
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 06:04:12 PM »

            กระทรวงที่มีพลังฯ เนี่ยมีไว้ทำไม ดันไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา กลับมาคาบเงินซะจนลืมวิชาความรู้ที่ร่ำเรียน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน

โดยเฉพาะนายกรุณา ตาเอกแต่ไม่ชำนาญน่ะ กะด็อกฯเสกคาถา สวัสดีมีกิน เนี่ย เก่งน่าดูเลย Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 06:41:30 PM »

 Smiley นอกเรื่อง เรื่องท่อก๊าซอีกหน่อย...

ปตท.ก่อนที่เขาจะเปิดขาย IPO (การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก) เขามีหนังสือชี้ชวนให้คนมาซื้อหุ้น ก็มีระบุว่า ภายใน 1 ปี ปตท.จะแยกท่อส่งก๊าซให้เป็นอิสระ และจะตั้งกรรมการที่เป็นอิสระ ที่จะมาควบคุมเรื่องราคาให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค

หลังจากที่ ปตท.แปรรูปมา 4-5 ปี 2 ข้อนี้ก็ไม่ได้ทำเลย เมื่อไม่ได้ทำ ทาง ปตท.เขาก็อ้างว่า มติของ ครม.เปลี่ยนไปจากที่ตอนแรกเคยคิดจะใช้วิธีการ Power Pool คือหมายถึงว่า แยกท่อก๊าซเป็นอิสระ แล้วก็เปิดให้ใครสามารถที่จะมาใช้ท่อก๊าซ คือจะไม่มีการผูกขาดตรงนี้ แต่ปรากฏว่า ในภายหลังรัฐมนตรีพลังงาน สมัยคุณหมอพรหมินทร์ (เลิศสุริย์เดช) ก็บอกว่า มีมติ ครม.บอกว่า เปลี่ยนจากระบบอันนี้มาเป็น Enhance Single Buyer คือ ผูกขาดรายเดียว เมื่อผูกขาดรายเดียว ปตท.ก็ไม่ได้แยกท่อส่งก๊าซให้เป็นอิสระ

ตอนที่มีการแปรรูป ปตท.ก็มีการระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ว่า ใน 1 ปีจะมีการแยกท่อก๊าซซึ่งเป็นอำนาจสิทธิขาดที่ยกให้เอกชน คือ ปตท.ให้เป็นอิสระ ช่วงนั้นมีการกำหนดราคาหุ้น(ปตท.) ทั้งหลายก็ไม่สุจริต ราคาหุ้นแรกซื้อ 35 บาท ซึ่งผู้ซื้อรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้รวมท่อก๊าซด้วย (หุ้นจึงราคาถูก) แต่ปรากฏว่า ผ่านไป 1 ปี รัฐบาล (ทักษิณ) มั่วนิ่มเปลี่ยนนโยบาย ยกท่อก๊าซนั้นให้ ปตท.ไปเลย ทำให้หุ้นพุ่งทะลุทะลวงขึ้นไป จาก 35 บาท สูงสุดที่ 410 บาท ซึ่งจุดนี้ทำให้ ปตท.ได้กำไรที่ไม่ควรจะได้ เพราะกำไรของ ปตท.ส่วนใหญ่แล้วมาจากก๊าซ
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
Iron
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #40 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:00:27 PM »

ปัญหาหลักของประเทศชาติก็วนกลับมาที่เดิมนั่นแหละครับ

คนเลือกก็หวังผลประโยชน์เฉพาะหน้าเฉพาะตน เลือกเพราะหวังเงินหวังนโยบายลดแลกแจกแถมที่เอามาล่อ โดยไม่นึกถึงผลรวมที่ได้รับกับคนทั้งประเทศและสุดท้ายก็กระทบชิ่งกลับมาหาตัวเอง

คนที่เข้ามาก็ต้องหว่านเงินไปเยอะ เข้ามาก็ต้องกอบโกยสุดแรงเกิด

ยังโชคดีอยู่หน่อยที่ไฟฟ้ายังไม่ได้แปรรูป ไม่งั้นตายอย่างเขียด
บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:09:12 PM »

ผมเป็นประเภท ตาสี ตาสาครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ ที่ดินเราไม่มีน้ำมันบ้างก็แล้วไป หุๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
ThaiLoei
KU 53 /EE
Sr. Member
****

คะแนน 43
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 708


อันตรายที่สุด คือ ความคาดหวัง


เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 08:46:46 PM »

 Grinตาสว่าง จากพี่ วัฒน์  อีกเรื่อง ขอบคุณครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

แผ่นดิน...มันยังไหว......กรู.......ก็ต้องไหวสิว่ะ......สู้โว้ย...T_T
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 09:12:23 PM »

เข้ามาอัพเดดครับ ....

เมื่อสักครู่ผมเพิ่งเติมน้ำมันลิตรละ ๔๑.๐๙ บาทต่อลิตรครับ .... แพงขึ้นจากอาทิตย์ที่แล้ว (ปั้มเดิม หัวจ่ายเดิม) ๑ บาทครับ

อีกเรื่อง ผมเพิ่งทราบว่า ราคากาซที่ขายให้การไฟฟ้านั้น "ถูกกว่า" ที่ขายให้โรงงานอุตสาหกรรมอื่นครับ ... อันนี้ไม่ตรงกับคุณวัฒน์ .... แต่คงแพงกว่าที่มาขายตามปั้มแน่ ....

เรื่องการแยกท่อกาซ ผมจำได้ว่า ปตท. พร้อมอยู่นานแล้ว แต่นโยบายไม่ยอมให้ทำเสียที โดยอ้างว่ารอการไฟฟ้าแปรรูปก่อน พอแปรไม่สำเร็จ จึงยกให้ทำเอง โดยออกเป็นมติ ครม. (ถ้าจำผิดต้องขออภัยครับ)

ที่ท่าน papae~ สงสัย ผมไม่สงสัยครับ .... ตอนยอดขายใกล้แสนล้าน ก็มีคนมาโพสว่ากำไรแสนล้าน .... ยอดขายแสนร้าน "รวมทุกธุรกิจ" ก็หาว่ามาจากราคาน้ำมัน .... ฯลฯ .... ผมไม่คิดจะขอให้ใครเชื่ออะไรตะพึดไป มันก็ต้องใช้ความคิดกันบ้าง บางอย่างผมก็ยังไม่มีคำตอบเหมือนกันครับ

ตอนที่เขียนนี้ ผมยังไม่ได้ดูรายการ แต่รายการตาสว่าง ก็คงไม่ได้ไปวิจัย ศึกษา ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมา .... การฟังแล้วเชื่อเลย มันไม่ถูกหลักกาลามสูตรครับ

มีกระทู้หนึ่ง ถามถึงการตั้งราคาน้ำมัน ... มีท่านผู้รู้แจงให้เห็น แล้วจึงพบว่า ราคาน้ำมันบ้านเรา มีค่าโน่นค่านี่ มีภาษี ปะไว้มากมาย และไม่มีใครยอมสาง ... ขนาดนักการเมืองสุดรักของเรา (ที่เลือกไป) ก่อนเลือกก็บอกกันอย่างดิบดีว่า จะยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ราคาน้ำมันจะลดทันที ... ตอนนี้เท่าที่ทราบ เบนซิน 95 ของผมก็ยังจ่ายเงินเข้ากองทุนอยู่หลายบาท ... ส่วนดีเซลนี่ แทบจะไม่ได้จ่ายแล้ว ... นี่ยังไม่รวมถึงการชดเชยแกสโซฮอลอีก ที่ไม่รู้ว่าถ้าไม่อุดหนุน จะราคาพุ่งไปเท่าไร ....

มีเรื่องคลายเครียดเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งครับ

วันก่อนเมียผมเอารถเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั้มเชลล์ เยื้องบิ๊กซี แจ้งวัฒนะ .... สั่งเด็กไปว่า "แกส 91" เด็กมันก็ไม่ตอบอะไร เดินไปเติมให้เรียบร้อย .... เมียผมก็ลงมาจดสถิติตามที่ผมฝึกไว้ .... เอ๊ะ ทำไมราคาน้ำมันแพงจัง แพงกว่าที่ไปเติม "แกส 91" แถวบ้านอีก (จว. ร้อยเอ็ด เพิ่งไปมาช่วงวิสาขบูชา) ....

เมียสุดที่รักของผมก็เก็บความสงสัยไว้ แล้วกลับไปทำงาน (แต่ก็ยังหงุดหงิด ๆ ตลอดวัน) .... ตอนเย็นก็กลับมาเล่าให้ผมฟัง ..... ..... .....

และก่อนที่เธอจะแสดงอาการอะไรออกมา (ทุกท่านคงทราบอาการของผู้หญิงที่หลงไปซื้อของแพงจะเป็นอย่างไร) ... ผมก็ก็บอกว่า ปั้มนั้นมันไม่มี "แกสโซฮอล 91ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

papae~
Full Member
***

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197


Once a solider, always a soldier.


« ตอบ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 09:53:00 PM »

น่าตกใจมั้ยครับหากผมจะบอกว่ากำไรจากการกลั่นน้ำมันลิตรละ 8 บาท.

ตารางเพิ่มเติมของคุณ  P_Wut  จาก pantip ครับ


จากตารางทางด้านขวา ผมเห็นค่าการตลาดที่โรงกลั่นได้ มีตั้งแต่ -2.7 จนถึงสูงสุด 3.2

ยกตัวอย่างเบนซิน 95  ส่วนต่างราคาหน้าปั๊มกับหน้าโรงกลั่น 12.05 บาท แต่เป็น ภาษีต่างๆซะ 10.81 ส่วนค่าการตลาดที่โรงกลั่นได้ มีเพียง 1.24 เท่านั้นเองนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2008, 10:07:47 PM โดย papae~ » บันทึกการเข้า

.... เหล่าชายฉกรรจ์ใฝ่ฝันนักรบ
ครันครบมุ่งเพียรเรียนเรื่อยมา
รักเป็นทหารจึงต้องการศึกษา
ร่วมกันมาไม่ท้อใจ.......
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 22 คำสั่ง