ปัญหาที่สำคัญและใหญ่หลวงที่สุดสำหรับประเทศเราในเวลานี้คือ "ความแตกแยก ของคนในชาติ"
สมัยที่เรายังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีรถยนต์ ชาติเราก็ยังอยู่ได้ แต่ ณ เวลานี้ผมมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าของประเทศไทยเลยว่าจะเป็นอย่างไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อนั้นถูกต้อง แต่กลับไม่เคารพสิ่งที่ผู้อื่นเชื่อ ดูถูกซึ่งกันและกันอย่างไม่เคยพบเคยเห็น ตื่นตระหนกและไหลไปกับกระแสง่ายมาก
ผมไม่คิดว่าปัญหานักการเมืองคดโกงจะทำให้ชาติเสียหายได้เท่ากับความแตกแยกในครั้งนี้ ตั้งแต่ผมพอจะรู้เรื่องราวของโลกภายนอกบ้างจนถึงปัจจุบันนี้
ผมก็ได้ยินเรื่องทุจริตคู่มากับนักการเมืองมาโดยตลอด แต่ทำไมจึงเพิ่งมาเต้นกันเย้วๆเอาตอนนี้ จะบอกว่าคราวนี้โกงมากกว่าก็คงไม่ใช่ประเด็น ครั้ง ปรส. เสียหายไปกว่า หกแสนล้าน บาทจนประชาชนทั้งชาติต้องเป็นหนี้ร่วมกันทุกคนแม้แต่เด็กที่เพิ่งลืมตาเกิดมาหรือเอาที่ดินที่ไว้ให้เกษตรกรได้ทำกินไปแจกพวกพ้องศาลตัดสินแล้วว่าผิด รัฐบาลชุดนั้นก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในวงการการเมืองได้อยู่ทุกวันนี้
ที่กล่าวมาไม่ได้จะบอกว่าฝ่ายไหนดีฝ่ายไหนเลวกว่ากันนะครับ เพียงอยากให้เห็นว่า
ไม่มีใครดีใครเลวกว่ากันเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าชอบหรือไม่ชอบใครมากกว่า อย่าอินไปกับการนำเสนอที่ชี้นำให้แตกแยกง่ายๆ ได้ยินได้ฟังอะไรมาก็อย่าเพิ่งไปปักใจเชื่อว่ามันจริง
ปีที่ผ่านมาผมได้รับเมลที่ฟอร์เวิร์ดมาหลายฉบับมาก อ่านแล้วน่าตื่นเต้นและชวนให้เคลิบเคลิ้มตามไปกับคนเขียนจริงๆ แต่หลังจาก 19 กันยา ทำไมหลักฐานต่างๆ ที่นำมาชักจูงผู้คนให้เชื่อจึงไม่นำไปใช้ดำเนินคดี กับผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ทราบ แถมตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอเรื่องเหล่านี้เองยังถูกศาลตัดสินจำคุกเสียอีก
เรื่องแบบนี้เสี่ยงที่จะพูดคุยกันเหลือกเกินครับ แต่ก่อนผมว่าคนที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องแมนฯ ยูฯ ลิเวอร์พูลนี่หนักแล้ว แต่การเมืองหนักกว่าเยอะเลย แวะไป gun.in.th ก็เห็นว่าห้ามพูดคุยกันเรื่องการเมืองไปแล้วครับ อะไรมันจะแตกแยกขนาดนั้น
สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
คนที่เสียหายและบอบช้ำก็คือประเทศของเราอยู่ดี ผมเชื่อคำนี้มากกว่าครับ
******
ได้ยินว่าบางคนเขาทำมาเลยต้องยอมรับหรือครับ?รู้จักความแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่วโดยธรรมชาติหรือเปล่าครับ? หรือคิดว่าถ้าชอบแล้วก็ดีทั้งนั้น?จะยิงโจรแล้วกลัวลูกปรายโดนฝาบ้านหรือครับ?