...........................................................
เวลาแบบนี้ ผู้คนมักจะถามหา "ต้นทุนที่แท้จริง" มากกว่า "ร่วมใจกันประหยัด" หรือ "หาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน"
พอดีได้อ่านเรื่องนี้ เห็นว่าน่าสนใจ จึงนำมาฝากครับ
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/article_detail.aspx?cid=15704ไฟฟ้านิวเคลียร์ฝรั่งเศส
โลกกำลังหัวปั่นกับราคาน้ำมันที่วิ่งขึ้นไม่หยุด บางครั้งทำท่าจะปรับพักฐาน แต่ท้ายสุดราคาก็เล่นรอบวิ่งขึ้นไปต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่า จนกระทั่งเศรษฐกิจจะพังพินาศกันรอมร่อ แต่ที่ประเทศหนึ่งคือฝรั่งเศส กลับมีปัญหาใหม่ที่ตรงกันข้าม
คนฝรั่งเศสหลายท้องที่กำลังโวยวายว่า ต้องเร่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มเติมในพื้นที่ใกล้บ้านตนเอง
บางคนแสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงที่ชุมชนของตนตกสำรวจจากบริษัทผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์(ที่ปัจจุบันแปลงเป็นบริษัทมหาชนไปแล้ว)ในรายชื่อแหล่งที่จะสร้างโรงงาน
เอ็นจีโอ และนักประท้วงฝรั่งเศส ไม่ทราบพากันหายหัวไปไหน จึงไม่ยอมออกโรงมาประท้วงการสร้างไฟฟ้านิวเคลียร์กันเอาเสียเลย ทั้งที่ประเทศนี้ ได้ชื่อว่า เป็นต้นกำเนิดของนักประท้วงสารพัดพันธุ์มายาวนานหลายร้อยปี
คำตอบก็อยู่ที่กระบวนทัศน์ และทัศนคติที่มีต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของคนฝรั่งเศสเป็นสำคัญ
จะบอกว่าเป็นเพราะฝีมือทำงานมวลชนสัมพันธ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฝรั่งเศสเหนือชั้นกว่าชาติอื่นๆ ก็คงไม่เต็มปากนัก แต่ต้องยอมรับว่า การจัดการเรื่องการศึกษาต่อมวลชนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
ฝรั่งเศส เป็นชาติหลักในโลกปัจจุบันนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมันและพลังงานทั่วโลกน้อยมาก เพราะ 75% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศนี้ มาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีอยู่ 55 โรงทั่วประเทศ ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทยของเราเอง
ล่าสุด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงที่ 56 ซึ่งตั้งใจกลางชุมชนเมืองในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ก็จะเสร็จสมบูรณ์ลงมือผลิตไฟฟ้าได้ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
บรรดานายกเทศมนตรี และประชาชนในเมืองซิโยส์ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงใหม่ ได้ร่วมมือกันวางแผนว่า จะมีการเฉลิมฉลองโรงไฟฟ้าใหม่นี้กันอย่างเอิกเกริก และไม่มีใครแสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นว่าจะต้องอยู่กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แม้แต่น้อย
ที่น่าสนใจก็คือ แผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคีลยร์ใหม่อีกหลายสิบโรงในอนาคต ได้ถูกตัวแทนชุมชนต่างๆพากันยื่นจดหมายประท้วงอย่างรุนแรงที่รายชื่อของชุมชนตนตกสำรวจ เพราะแต่ละแห่งอยากให้มีรายชื่อบรรจุลงไปทั้งสิ้น
คำถามที่น่าสนใจก็คือ เหตุใดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จึงเป็นที่ยินดีต้อนรับสำหรับคนฝรั่งเศสยิ่งนัก?
คำตอบก็คือว่า พวกเขา ยังไม่เคยลืมความเจ็บปวดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการขาดแคลนไฟฟ้าเมื่อเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน ค.ศ. 1973 จนต้องปันส่วนไฟฟ้ากัน
ฝรั่งเศส เป็นชาติที่ประหลาด เพราะทรัพยากรด้านพลังงานในประเทศแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ หรือ น้ำมัน ในขณะที่ความต้องการมีอยู่มหาศาล ดังนั้น พวกเขาจึงยินยอมลงความเห็นร่วมว่า นิวเคลียร์คือคำตอบสุดท้ายที่ต้องเลือกเอา และปรากฏว่า ตัดสินใจไม่ผิด เพราะผลพวงจากการเร่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศ บังเกิดผลตามมาในปัจจุบันอย่างน่าอิจฉา
ไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เหล่านี้ ไม่เพียงทำให้ราคาค่าไฟฟ้าเสถียรใฝนประเทศเท่านั้น หากยังส่งออกเป็นรายได้เข้าประเทศไปยังสหภาพยุโรปอื่นๆอีกด้วย
มีคนต้องการคำอธิบายว่า เหตุใดคนฝรั่งเศสจึงหัวอ่อนเหลือเกินต่อเรื่องไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งที่นักต่อต้านนิวเคลียร์ทั่วโลกยืนยันว่า ต้องหยุดยั้งกันให้ได้
ที่ฝรั่งเศสเองก็เคยมีการต่อต้านเช่นกัน แต่ที่เป็นข่าวใหญ่ก็มีเพียงครั้งเดียวตอนที่เริ่มแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกเท่านั้น
มีคนพยายามให้คำตอบแบ่งออกเป็น 4 ข้อ ดังนี้คือ- คนฝรั่งเศสหยิ่งในตัวเองสูง ไม่ชอบพึ่งพาชาติอื่นๆในทุกเรื่อง เมื่อมีคำถามเรื่องพลังงาน จึงหาคำตอบร่วมกันได้เร็วว่า ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะพึ่งตนเองได้ คำขวัญก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จึงออกมาชัดเจนจนถึงปัจจุบันว่า ไม่มีน้ำมัน ไม่มีแก๊ส ไม่มีถ่านหิน เราจึงไม่มีทางเลือกอื่น "no oil, no gas, no coal, no choice"- วัฒนธรรมอหังการของอดีตมหาอำนาจเก่าแก่ ทำให้คนฝรั่งเศสชอบโปรเจกท์ขนาดยักษ์ที่อวดอ้างคนอื่นๆได้ พวกเขาต้องการแสดงว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฝรั่งเศศใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในโลก เหมือนกับเครื่องบินแอร์บัส และ รถไฟอัลสตรอม หรือ ทางหลวงที่ดีเลิศ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ไม่เคยมีโรงงานที่ปลอดภัย 100% ในโลกนี้ จึงไม่ต้องกลัว - รัฐบาลฝรั่งเศสทุ่มเทให้ข่าวสารทุกด้านที่เป็นรายละเอียดทั้งหมดให้ประชาชนทราบทั้งข้อดีและความเสี่ยงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นานหลายปี รวมทั้งอนุญาตให้ผู้คนเข้าเยี่ยมชมโรงงานได้ต่อเนื่องเพื่อตอบข้อสงสัยจนกระทั่งคนคุ้นเคย- คนฝรั่งเศสที่อยู่ในเขตภูธร ต่างรู้สึกเป็นเกียรติยศที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาโผล่ให้เห็นที่หน้าต่างบ้านของตน แทนที่จะเป็นใจกลางมหานครปารีสอันยิ่งใหญ่ ที่สำคัญที่สุด ประเด็นความเข้าใจเกี่ยวกับกากกัมมันตภาพรังสีที่เหลือจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่กลัวกันนัก ได้รับการประกันจากรัฐบาลว่าจะไม่เกิดขึ้นด้วยเหตุหลายประการ ยิ่งล่าสุด มีการพัฒนาเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้กากกัมมันตภาพรังสีแปลงรูปเป็นก้อนหิน แล้วนำไปฝังใต้ดินลึกกว่า 150 เมตร ซึ่งถือว่าปลอดภัยอย่างมาก ก็ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวไฟฟ้านิวเคลียร์ลดลงต่ำมาก ปล่อยให้ชาติที่ยังจัดการกับการต่อต้านอย่างไร้ประสิทธิผลวุ่นวายต่อไปไม่รู้จบ พร้อมกับรับผลพวงของราคาน้ำมันแพง และมลพิษจากโลกร้อนในต้นทุนสูงลิ่ว
............... อ่านจบแล้วสะท้อนใจ ในแผนการพลังงานของชาติเรา ....