กรณีการโอนอาวุธปืนสวัสดิการ ผมใช้เวลาศึกษามาอยู่ระยะหนึ่ง เนื่องจากหัวหน้าแผนกที่ทำเกี่ยวกับงานสวัสดิการต่างๆของที่ทำงานผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้านพัก ,อาวุธปืนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับสวัสดิการข้าราชการทั้งหลายแหล่ เค้าชวนผมไปหาข้อมูลอยู่บ่อยๆ เพราะเค้าต้องทำงานด้านนี้โดยตรง จึงได้ความรู้ใหม่ๆมาเหมือนกัน แต่ยังไม่ละเอียดถี่ถ้วนมากนักครับ
สิ่งที่ได้ทราบมา คือ
- เรามากจะเห็นการปั๊มหัวสีแดงห้ามโอน ในหลายๆ รูปแบบ ที่ผ่านตามาก็อย่างเช่น
ห้ามโอนภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ
ห้ามจำหน่ายจ่ายโอน ยกเว้นตกทอดทางมรดก หรืออีกแบบที่เห็นไม่บ่อยนักคือ
โอนเฉพาะข้าราชการตำรวจด้วยกันเท่านั้น เงื่อนไขเหล่านี้ที่เราเห็น บางท่านอาจสงสัยว่า เค้าเอาอะไรมากำหนด ทำไมถึงกำหนดไม่เหมือนกัน
คำตอบคือ อยู่ที่ข้อกำหนดของผู้ทำโครงการกับหน่วยงานครับ ต้องไปดูรายละเอียดในข้อตกลงสัญญา ที่ผู้ทำโครงการฯกำหนดไว้ในสัญญากับหน่วยงาน ซึ่งบางโครงการก็ไม่ได้กำหนดเช่นนั้น แต่นายทะเบียนเห็นเป็นปืนสวัสดิการปุ๊บ ก็จับปั๊มหัวเลย โดยมิได้สนใจรายละเอียดสัญญา จะสังเกตุได้ว่า เดี๋ยวนี้ แทบจะไม่ค่อยมีแบบกำหนดเวลา (อาจเพราะนายทะเบียนทำตรายางไว้แบบเดียว อิ อิ ) ไม่แน่นะครับ อ่านถึงตรงนี้แล้ว ท่านอาจจะอยากไปตรวจสอบสัญญาดู บางทีปืนในบางโครงการของท่าน อาจจะไม่ได้มีสัญญาระบุห้ามกรณีใดๆไว้เลย แต่โดนนายทะเบียนจับปั๊มหัวไปซะแล้ว เพียงเพราะเห็นว่าเป็นปืนสวัสดิการ- ถ้าโดนปั๊มไปแล้วหล่ะ จะถูกต้องตรงตามสัญญาก็ดี หรือเพราะซวย นายทะเบียนปั๊มแหลก โดยไม่ดูเงื่อนไขก็ดี พอมีวิธีโอนมั๊ย (แบบถูกกฎหมาย ไม่มีใต้โต๊ะนะ)
คำตอบคือ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงครับ ช่วยท่านได้แน่นอน ท่านสั่งอนุญาตได้ แล้วถ้าไม่รู้จักท่านหล่ะ ใครจะเซ็นต์ให้ ถ้าหน่วยงานอื่นผมไม่รู้ครับ ไปหาข้อมูลกันเอาครับ แต่ถ้าท่านเป็นทหารหล่ะก็ ผู้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพ หรือเทียบเท่าครับ (ชั้นยศ พลโท, พลเรือโท, พลอากาศโท ทำหนังสือรับรองเพื่อขออนุญาตโอนตามความเหมาะสมให้ท่านได้ เช่น โอนให้ผู้มีความเกี่ยวพันธุ์ทางสายเลือด หรือโอนให้ข้าราชการด้วยกัน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีสิทธิ์ที่จะซื้อปืนสวัสดิการได้เช่นเดียวกับผู้โอน รู้มาแค่นี้เองครับ แต่กำลังเดินหน้าศึกษาต่อไป ฉะนั้น ที่กล่าวมา ผิดถูกจึงยังไม่ฟันธง 100% แต่ก็อาจเป็นประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้มีพื้นฐานในการหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ
ถ้าถ้าพี่ๆท่านใด ฟันธง หรือสรุปได้ ช่วยให้ความรู้ทีครับ