วันก่อนผมกับเพื่อนๆได้ตั้งวงพูดคุยเรื่องข่าวสารการเมือง คิดว่าพอจะมีเนื้อหาสาระบ้างเลยเก็บมาฝากท่านผู้อ่าน อย่างน้อยก็อาจจะได้คลายเครียดในวันเสาร์สบายๆบ้าง
หลังจากถกเถียงเรื่องสัพเพเหระกันพอหอมปากหอมคอ เพื่อนในวงคนหนึ่งก็หยิบยกข่าวเล็กๆที่แทรกอยู่ในหน้าการเมือง ขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนา
โดยข่าวดังกล่าวมีรายละเอียดว่า พล.ต.อ.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นี้ว่า ในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประชุมแก้ปัญหาการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ ที่ตกต่ำอย่างหนักผิดสังเกต
ทั้งนี้ เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ทุกปี เชียงใหม่จะมีนักท่องเที่ยวมาอย่างหนาแน่น แต่ปีนี้คนมาเที่ยวน้อยกว่าปกติ และได้รับการร้องเรียนผู้ประกอบการค้า การท่องเที่ยวผิดปกติมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่เชียงใหม่เคยเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้สูงเป็น อันดับ 2 รองจาก กทม.
นายกฯพร้อมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จึงต้องการจะเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเองอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกฯจะใช้เวลาคุยกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ 3 ชั่วโมง และเดินทางไปดูสถานที่ต่างๆ เช่น ไนท์บาซาร์ เพื่อคุยกับผู้ค้าและประชาชน ในช่วงบ่ายจะมีการประชุมกับข้าราชการในพื้นที่ เพื่อนำปัญหามาแก้ไข
เพื่อนคนหนึ่งออกความเห็นว่า ยุคนี้ข้าวยากหมากแพงเศรษฐกิจฝืดเคือง น้ำมันราคาพุ่งกระฉูด ข้าวสารแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ใครจะมีเงินเหลือไปเที่ยวพักร้อนกันเล่า
ส่วนคนที่มีเงินเก็บก็ไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เพราะไม่มั่นใจว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงยังงี้
อีกคนก็บอกว่า บ้านเรายังมีข่าวไม่ดี ทั้งเรื่องม็อบ เรื่องปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวชาวยุโรปไม่มีมา
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวเอเชียก็เลือกที่จะเที่ยวที่อื่นแทน เพราะไม่อยากจะมาเสี่ยงอันตรายในบ้านเรา
ในขณะที่เพื่อนที่หัวเอนเอียงไปทางฝ่ายพันธมิตรฯ ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า การท่องเที่ยวเชียงใหม่มีปัญหา เป็นผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง
ทำเอาทั้งวงต้องหยุดฟังด้วยความสนใจ
เพื่อนคนเดิมจึงอธิบายว่า คนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นคน กทม.ที่มีเงินถุงเงินถัง ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มักจะพาครอบครัวขึ้นเครื่องไปตอนเย็นๆวันศุกร์ อยู่เที่ยวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ก่อนจะนั่งเครื่องกลับในเย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์
หากเป็นวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญ รวมทั้งในช่วงฤดูหนาว ก็มักจะเลือกขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ หลายคนถึงขนาดซื้อที่เชิงเขาตีนดอย ปลูกบ้านพักตากอากาศกันเป็นกิจจะลักษณะเลยแต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ คน กทม.เลิกไปเที่ยวเชียงใหม่ หันไปเที่ยวชายทะเลแทน ทำให้ชะอำ หัวหินไปจนถึงปราณบุรีคึกคักผิดหูผิดตา
ส่วนหนึ่งบอกว่าไม่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ เพราะเป็นบ้านเกิดอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
เมื่อทำอะไรอดีตนายกฯในทางการเมืองไม่ได้ ก็ประท้วงด้วยการไม่ไปเที่ยวซะงั้นเพื่อนผมสรุปจบประเด็นแบบห้วนๆ ทำเอาคนอื่นต้องหัวเราะหึๆ กับความคิดพิลึกพิลั่น แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านหรือทักท้วง แม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องเบาสมองมากกว่าคิดจริงจังอะไร
แต่ที่เก็บเอามาเล่าให้ฟังก็เพราะอยากจะบอกว่า อย่าประท้วงกันด้วยวิธีนี้เลยครับ ผมสงสารชาวเชียงใหม่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=92574ไม่ใช่เพราะเป็นบ้านเกิดทักกี้หรอก
" คนเราเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ " แต่เป็นเพราะคนเชียงใหม่ปกป้องทักกี้แบบไม่ลืมหูลืมตามากกว่า ผมไปเชียงใหม่เมื่อต้นปียังรู้สึกเลยว่ามันขัดแย้งทางความคิดกันเกินไป เราเกลียดทักกี้อย่างกับอะไร แต่บรรยากาศในเชียงใหม่กลับเป็นว่าการที่ทักกี้ไปทำชั่วที่ไหนไม่เป็นไรขอให้เอาเงินแผ่นดินมาโปะพัฒนาเชียงใหม่เป็นพอ แบบว่า คนอื่นจะฉิบหายไม่เป็นไรข้าอยู่สบายก็พอ คนเกลียดทักกี้รักความยุติธรรมที่ไหนจะไปอยากอยู่ในบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นครับ