น่ากลัวขึ้นทุกที ทำไงได้ล่ะเนี่ยทำใจดีมั้ยพี่ เพราะหนียังไงก็หนีไม่พ้น
แต่ปีที่แล้วก็บอกว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ก็ไม่มีนะข้อมูลแบบนี้ผมฟังหูไว้หูครับให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติเตือนชัวร์กว่า
แต่เรื่อง
น้ำท่วมกรุงเทพไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับมันจะเกิดขึ้นจริงในเร็ววัน ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้รับข่าวการเตือนเรื่องนี้คือเมื่อซัก10กว่าปีก่อน เพราะน้ำบาดาลถูกสูบขึ้นมาใช้มากจนซึมกลับเข้าไปแทนที่ไม่ทัน ถึงตอนนี้ก็ยังทรุดอยู่
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ได้นำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง พบความเสียหายเป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ตลอดแนวชายฝั่งทะเลทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามันรวมถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งทะเลที่มีการย่นระยะทางเข้าสู่แผ่นดินมากขึ้น โดยพบว่ามีสาเหตุหลักมาจากการทรุดตัวของแผ่นดิน
จากการวิเคราะห์พื้นที่ที่เกิดการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนพบว่า ผลกระทบของการทรุดตัวของแผ่นดินนั้น มีผลต่ออัตราการกัดเซาะชายฝั่งทะเล สำหรับพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอัตราการทรุดตัวของแผ่นดินมากกว่า 10 เซนติเมตรต่อปี ในบริเวณชานเมืองย่านตะวันออกมีอัตราการทรุดตัวประมาณ 5-10 เซนติเมตรต่อปี จากการศึกษาความสัมพันธ์ของวิวัฒนาการชายฝั่งทะเลและการทรุดตัวของแผ่นดินพบว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลในอดีต ประมาณ 12,000 6,000 ปีที่ผ่านมา อัตราการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลในอ่าวไทยมีอัตราการเพิ่มประมาณ 16 - 26 มิลลิเมตรต่อปี ทำให้น้ำทะเลมีการรุกท่วมบริเวณอ่าวไทยทั้งหมดรวมทั้งส่วนที่เป็นภาคกลางในปัจจุบัน ทำให้ระดับน้ำทะเลช่วงดังกล่าวสูงขึ้นประมาณ 6.5 เมตร ดังนั้นหากเปรียบเทียบอัตราการทรุดตัวของแผ่นดินพบว่า บริเวณชายฝั่งทะเลในปัจจุบัน อยู่ที่อัตราประมาณ 25 - 45 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งเปรียบเสมือนการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ (Relative Sea Level ) ทำให้อัตราของแผ่นดินทรุดหรือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ของบริเวณนี้ มีขนาดมากกว่าการขึ้นของระดับน้ำทะเลในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีอัตราการกัดเซาะชายฝั่งทะเลในอนาคตรุนแรงมากขึ้น
มีการคาดการณ์ว่า ในอนาคตหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจจะทำให้พื้นที่ของกรุงเทพฯ บางส่วนลดจำนวนลงด้วยการแทนที่ของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ชายฝั่งทะเลอาจย่นระยะเข้ามาถึงบริเวณถนนสุขุมวิท และระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นอีกว่า 30 เซนติเมตรในอีก 100 ปี ซึ่งปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวกรรม หรือสิ่งแวดล้อมเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
สำหรับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยคณะนักวิจัยได้ทำการศึกษาพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า กระแสน้ำบริเวณชายฝั่งทะเลในอดีตมีการเคลื่อนที่จากทางเหนือลงสู่ทางใต้ ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกับทิศทางการเคลื่อนที่ในปัจจุบันซึ่งจะเคลื่อนที่จากทางใต้ขึ้นสู่ทางเหนือ จากการวิเคราะห์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของปริมาณตะกอนและทิศทางการเคลื่อนที่ของตะกอนบริเวณชายฝั่งทะเลของลุ่มน้ำปากพนัง ตั้งแต่ปี 2543 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของทิศทางการเคลื่อนที่ของตะกอนบริเวณชายฝั่งทะเลโดยเฉพาะที่บริเวณปากพนังในช่วงฤดูมรสุม ส่งผลให้คลื่นที่กระทบชายฝั่งทะเลในบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงไป จากการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้ทราบว่า ในอนาคตสภาพทางธรณีสัณฐานวิทยาชายฝั่งทะเลพบว่าพื้นที่บริเวณแหลมตะลุมพุก อาจหายไป เนื่องจากการเพิ่มขึ้นสูงของระดับน้ำทะเล และการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง
โดยทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการประมวลผลจากข้อมูลทางธรณีสัณฐานในอดีตเท่านั้น แต่ก็ทำให้สามารถคาดการณ์อนาคตล่วงหน้าได้ ซึ่งแนวทางแก้ปัญหานั้น ยังไม่สามารถชี้ชัดถึงวิธีการหรือกระบวนการได้อย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าจำเป็นที่จะต้องใช้องค์ความรู้หลายด้านประกอบกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว