..ในตอนหนึ่งของหนังสือเรื่อง Warrior อัตชีวประวัติที่ Aerial Sharon เขียน
ตอนชารอนเป็นเด็ก รัฐอิสราเอลยังง่อนแง่นโงนเงนอาหรับจะตีล่มเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พ่อเขาทำไร่ ไม่ห่างไปนักทหารยิวยังยิงกับอาหรับอยู่ เขาจำได้ว่าเห็นกระสุนส่องวิถีเป็นแนวๆ ที่ขอบฟ้า แต่พ่อเขาก็ยังก้มหน้าก้มตาขุดดินปลูกต้นส้มเพิ่มเพื่อให้ออกลูกในวันหน้า..
ผมอยากเห็นคนรุ่นเรามีความตั้งมั่นในคุณธรรมมากกว่านี้ กล้าที่จะเชิดหน้าชนกับความไม่ถูกต้องมากกว่านี้ ตลบแตลงปลิ้นปล้อนกันให้น้อยกว่านี้ ใช้โวหารบิดเบือนดี-ชั่วกันให้น้อยลง....เลิกละโมบในลาภที่ไม่พึงได้กันเสียที
แล้วมันจะเป็นรากแก้วแห่งต้นคุณธรรมให้ลูกให้หลานเราเอง.....
บอกตามตรงว่าพอเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งทีผมยิ่งรังเกียจผู้คน ยิ่งแก่ขึ้นผมอาจอ่อนโยนขึ้น ฝึกใจตัวเองให้เมตตามากขึ้น แต่ความรู้สึก"เหยียด"มนุษย์ยิ่งทียิ่งมาก ยิ่งเมื่อต้องมาทำงานอยู่กับกองเงินต้องลงลึกเข้าไปเตะเค้กก้อนเค้กออกจากปากพวกปอบชั้นต่ำก็ยิ่งสะอิดสะเอียนคน.....ใครมันจะตามน้ำ บอกว่าเป็นเรื่อง"ตามระบบ บ้านนี้เมืองนี้มันเป็นกันแบบนี้"ก็ตามใจ แต่ผมไม่ทำ
ผมนึกไม่ออก ว่าปู่ย่าตายายบุพการีของคนพวกนั้นเค้าสอนกันมายังไง แต่อากงผมสอนลุงสอนพ่อมาว่าอย่าทำ พ่อกับลุงๆก็สอนผมว่าอย่าทำ อย่ายอม ..... ผมไม่กล้าเป็นคนอกตัญญู
ผมคบคนไม่เคยสนใจว่ารวย-จน ไม่สนว่าสถานภาพทางสังคมจะสูงหรือต่ำ เดินเข้าสนามยิงปืนผมยกมือไหว้คนขับตุ๊กๆคนนึงทุกครั้งที่เจอหน้าแต่เคยชี้ธรณีประตูไม่ให้ผู้สมัครสส.คนนึงล่วงเข้ามาในบ้าน......เรื่องนี้อาบุญสวัสดิ์เป็นพยาน