เผอิญเมือวานได้มีโอกาสได้ไปตรวจงานแถวๆ ถนนพระราม 2 เสร็จงานมีเวลาเหลือเลยเข้าไปกราบขอพร ท่านพันท้ายนรสิงห์ เลยถ่ายรูปมาฝาก
ประวัติพันท้ายนรสิงห์
โดย ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์
อดีตอธิบดีกรมศิลปากร
พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ( พระเจ้าเสือ ) ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษา
ระเบียบวินัยยิ่งชีวิต สมควรเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังต่อไปเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฎอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่าง ๆ เนื้อความเป็นไปในแบบเดียว
กัน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2247 สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ประพาสปากน้ำสาครบุรี ( ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร ) เพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย มีพันท้าย
นรสิงห์ เป็นนายท้าย ตามหลักฐานชุมนุมพระนิพนธ์สมเด้๗พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยบาดำรงราชานุภาพทรง บันทึกไว้ว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้าน นรสิงห์แขวงเมือง
อ่างทอง และเป็นที่โปรดปรานของพระศรีสรรเพชญ์ที่ 8 จนทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รับราชการรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิดการเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีครั้งนี้ เมื่อเรือพระที่
นั่งไปถึงตำบลโคกขาม คลองในบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวัง แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตูได้ หัวเรือพระที่นั่ง
ชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่าความผิดครั้งนี้ ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู่ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้น
หมายถึง มรณะโทษให้ตัดศรีษะเสียจึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณีสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัย มิใช่ความ
ประมาท จึงพระราชทานพระอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยันขอให้ตัดศรีษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมพระราชกำหนดกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียน
พระเจ้าอยู่หัวทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดินและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป พระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงให้ปั้นมูลดินเป็นพันท้ายนรสิงห์แล้วให้ตัดศรีษะรูปดินนั้น
เป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตน แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจำพระทัยปฏิบัติ
ตามพระราชกำหนดดำรัสสั่งให้เพชรฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์เสียแล้ว โปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตานำศรีษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้น
พลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล ภายหลังเหตุการณ์ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ทรงโปรดให้นำศพพันท้ายนรสิงห์มาแต่งกายพระราชทานเพลิงศพ และพระราชทานสิ่งของ เงินทอง แก่
บุตรภรรยาพันท้ายนรสิงห์เป็นจำนวนมากและวทรงพระดำริว่าคลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองต่ฃ้องเดินเรืออ้มเป็นที่ลำบากยิ่ง สมควรจะขุด
ลัดให้ตรง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมให้เสียพระราชประเพณี และจะนำความเสื่อมเสียมาให้พระ
มหากษัตริย์ จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้กะเกณฑ์เลกหัวเมือง จำนวนสามหมื่นคนไปขุดคลองโคกขามให้ลัดตรงกำหนดให้ลึก 6 ศอก ปากคลองกว้าง 8 วา พื้น
คลองกว้าง 5 วา ให้พระราชสงครามเป็นแม่กลองอำนวยการขุด สมเด็จพระเจ้าบรมเธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวไว้ในชุมนุมพระนิพนธ์ว่า พระราชสงครามให้ขุดแต่ปาก
คลองลำน้ำท่าจีน มาจนถึงตำบลโคกขามแต่การขุดค้างอยู่มาเสร็จลงในรัชกาลต่อมา ปรากฏเป็นคลองตรงและกว้างใหญ่เรียกว่า คลองมหาชัย อยู่ตราบทุกวันนี้
ตรงจุดนี้เป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ สังเกตุจะเห็นเป็นโค้งน้ำ และหลักประหาร
หลักประหาร ด้านซ้ายน่าจะทำใหม่ แต่ด้านขวาเก่ามาก
ศาลเพียงตาพันท้ายนรสิงห์ และโขนเรือ
ซากเรือโบราณ เป็นเรือขุดขนาดใหญ่ ขุดพบในบริเวณใกล้เคียง ขนาดโดยประมาณกว้าง 2 เมตร ยาว 20 เมตร
ความใหญ่ของลำเรือ