อุบัติจากมอเตอร์ไซค์ มีสองครั้ง....หนักสุดๆ ตอนเรียน ปวช. ครั้งต่อมา ปวส.
...วันนั้นวันไหว้ครู ทำหน้าที่ถือพาน พานก็ยืมเจ้าของหอพัก พอไหว้เสร็จแวะอาคารฝึกงาน คุยกับเพื่อนฝูงเฮฮาพาที....ขากลับดันลืมหยิบพานมาด้วย..... ตกเย็นโพล้เพล้ เข้าหอพัก นึกขึ้นได้ว่าลืมพานไว้ รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์ ไปเอาพาน มีน้องชายซ้อนท้ายมาด้วย.........
.... แอ้นนนนน.... บิดสุดคันเร่ง น่าจะเกือบ 120 km/hr. ได้ หมอบเหลือบดูเกจวัดไมล์ เงยหน้าอีกที....เฮ้ยยย
สามล้อถีบพุ่งพรวดขึ้นมากลางถนน เหยียบเบรคทันทีพร้อมหักหลบ
แต่ไม่พ้น ชนสามล้อด้านขวาเข้าอย่างจัง...ปังงงง !! จำได้แค่นั้น ตื่นมาอีกที เอ๊ะ...ทำไมมีหลอดไฟส่องเราเต็มไปหมด เรานอนอยู่ที่ไหนเนี่ย สับสนไปหมด ทำไมเจ็บไปหมดทั้งตัว..............
....เหลือบมองไปมา เห็นพยาบาล สองสามคน ยืนอยู่ใกล้ๆ อ้าวนี่มันโรงพยาบาลนี่หว่า เรานอนอยู่บนแคร่ล้างแผลด้วย อะไรนี่ เกิดอะไรขึ้น สักพักหนึ่งในนั้นพูด ขึ้นว่า "คนเจ็บฟื้นแล้ว ไปตามร้อยเวรมาที"
...อะไรกันนี่ เราทำอะไรมาเนี่ย ยังมึนงงอยู่ จะลุกก็ลุกไม่ได้ เจ็บไปหมด ซักพักร้อยเวร เดินเข้ามาถาม "ฟื้นแล้วหรือ จำได้มั้ย น้องขี่รถมอเตอร์ไชค์ชนรถสามล้อนะ มีคนเจ็บด้วย.....
ซวยแล้วซิเรา นึกในใจ..."แล้วเขาเป็นอะไรมากไหมครับ ?" ผมถามปนตกใจ " เจ็บไม่มากหรอก แต่รถเขาเสียหาย เขาเรียกร้องค่าเสียหาย และค่าทำขวัญ ส่วนน้องต้องไปให้ปากคำเพิ่มเติมและเสียค่าปรับ ข้อหาขับรถโดยประมาท" ....ถ้าเดินได้แล้ว ไปที่โรงพักเสียค่าปรับ ตกลงกับคู่กรณีเรียบร้อย แล้วรับรถออกได้........... ร้อยเวร บอกชื่อแล้วเดินออกไป............
........ซักพักเพื่อนๆ เข้ามาเยี่ยม พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพื่อนบอกว่า "เอ็งหูขาดนะ เพราะหน้าซีกขวาถูไปกับพื้นถนน " แค่นั้นแหละครับ ผมปล่อยโฮทันที ร้องแบบไม่อายใครเลย นึกในใจ ...เราหูขาดหรือนี่ พิการแล้วรึนี่ คิดไปต่างๆนาๆ อีกทั้งยังไม่รู้ว่า ร่างกายส่วนอื่นเป็นไงบ้าง เพราะพันผ้าไว้หมด รวมทั้งใบหูด้วย........................
..... พอเพื่อนส่งข่าวทางบ้าน พี่สาวมาเยี่ยม ผมนอนซึมอยู่บนเตียง พอเจอหน้าพี่สาว เท่านั้นแหละ ปล่อยโฮอีกรอบ ผมหูขาดครับพี่ ผมหูขาด พูดไปร้องไห้ไป.....
...พี่สาวน้ำตาซึม บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวศัลยกรรมหูพลาสติกก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการให้ แกปลอบน้องชาย ด้วยความสงสาร ว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่แล้วยังไม่มีหูอีก เข้าข่ายพิการซ้ำซ้อน .....
.... นอนโรงพยาบาลสามคืน พอลุกไหว ออกจากโรงพยาบาลได้ ก็ไปโรงพัก ร้อยเวรนัดเจรจากับคู่กรณี...
.....คนถีบสามล้อ โวยวายใหญ่โต รถพังหมดแล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บ ไม่ได้ทำมาหากินเลย ขาดรายได้ อยากได้รถสามล้อถีบคันใหม่และค่ารักษาพยาบาลค่าทำขวัญด้วย....
...ตกลงกันไม่ได้ เรียกร้องมากเกิน ทั้งที่รถก็ไม่พังมาก ล้อบิดแค่นั้นเอง ส่วนมอเตอร์ไซค์ เรา โช๊คหน้าคด ไฟเลี้ยวแตก รอยครูดเต็มไปหมด ล้อหน้าเป็นเลขแปด...
....ร้อยเวร เลย สรุปให้ ว่าจ่ายค่าซ่อมสามล้อตามจริงเปลี่ยนล้อใหม่หมดทั้งสาม (ขอบล้อสามล้อแพงกว่าขอบล้อมอเตอร์ไซค์ซะอีก) จ่ายค่าทำขวัญอีกสองพัน และค่ายาอีกสองร้อย...
....พร้อมทั้งแจ้งข้อหา ประมาทร่วม ปรับผมสี่ร้อย ปรับสามล้ออีก สี่ร้อย แต่สามล้อโวยวายใหญ่ว่าหาเช้ากินค่ำ เลยเสียแค่ร้อยเดียว...............
.......ผมต้องพักรักษาตัวเกือบเดือน ไปเรียนก็ทำอะไรไม่ได้ จะกินนอน อาบน้ำ ต้องอาศัย เพื่อน .............
ปล. สรุปว่า หูไม่ขาดแบบที่เรานึก แต่ก็เละพอควร ดีว่าหมอเย็บไว้ เลยเป็นแค่หูแหว่ง เพื่อนๆ เลย ให้ฉายาว่า ไอ้หูวิ่น (แหว่ง) ตรงที่เกิดอุบัติเหตุเรียกโค้งชื่อผมซะเลย....
น้องที่ซ้อนท้ายมาด้วย คางแตก นอกนั้นปกติดี ร้อยเวรถามว่าจะเอาความอะไรไหม ? ไม่ติดใจเพราะไปด้วยกัน และสุดวิสัยจริงๆ เกือบพาน้องไปตายแล้วเรา
แต่อีกไม่กี่ปีน้องคนนี้ก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียชีวิต
ขอจงสู่สุขคติเถิด..........