การดื่มอัลกอฮอล เพื่อสุขภาพ
การดื่มอัลกอฮอล เพื่อสุขภาพ (ที่ดี และ เลว)
ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์
อัลกอฮอล เป็นยาอันตรายอย่างหนึ่ง พบได้ทั่วโลก ราคาไม่แพง ถูกกฎหมาย และสังคมยอมรับ เมื่อมีการดื่มมาก โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จากอัลกอฮอลก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เช่น อุบัติเหตุ โรคจิต ตับแข็ง พบว่าผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 40% เป็นโรคจากอัลกอฮอล นอกจากโรคดังที่กล่าวมาแล้ว อัลกอฮอลมีผลต่อผิวหนัง โดยที่อัลกอฮอลซึมผ่านอวัยวะต่างๆ ได้ เพราะสามารถละลาย ในไขมันและน้ำ โรคที่เราอาจไม่เคยทราบ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงทางระบบภูมิคุ้มกัน การไหลเวียนของโลหิต การสลายตัวของไขมัน และฮอร์โมนต่างๆ มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ โรคผิวหนังบางอย่างมีอันตรายมากขึ้น เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคปอร์ไฟเรีย, สิว, สิวชนิดหน้าแดง, โรคติดเชื้อทางเพศ, การขาดอาหาร, มะเร็งผิวหนัง ซึ่งจะได้อธิบายต่อไป
เครื่องดื่มอัลกอฮอล เช่น เบียร์ ไวน์ และเหล้า เบียร์ การวิธีหมักธรรมชาติ จะมีอัลกอฮอล 3-8% ไวน์ 8-12% เหล้า 20% -50% ขึ้นอยู่กับว่า เป็นวิสกี้, ยิน หรือวอดก้า ส่วนของไทย เหล้าโรง เหล้าเถื่อน อาจถึง 45% หรือสูงกว่านั้น ไวน์มีประวัติมานาน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ในความเข้มข้น 10% ในสมัยโบราณ ใช้รักษาแผลติดเชื้อ และเมื่อครั้งมีโรคระบาด อหิวาต์ในปารีส พบว่าการดื่มไวน์ ทำให้ โรคหยุดการแพร่กระจาย นี่เป็นการค้นพบ ก่อนที่แพทย์จะรู้เรื่องโรคอหิวาต์ และไข้ไทฟอยด์ว่า จะหยุดยั้งโรคได้อย่างไร แพทย์ค้นพบว่า ไวน์สามารถฆ่าเชื้ออหิวาต์ได้ใน 15 นาที และเชื้อไทฟอยด์ใน 24 ชั่วโมง ดังนั้น จึงเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ในสมัยนั้นว่า ดื่มอัลกอฮอลปลอดภัยแน่ ไม่ติดเชื้อ และไวน์ที่มีอัลกอฮอล 10% ฆ่าเชื้อดีกว่า อัลกอฮอล 90% เสียอีก เพราะในไวน์มีสารแอนโธไซยานิน และมัลโวไซด์ พบในไวน์แดง และสารอีโนไซด์ ในไวน์ขาว เมื่อดื่มอัลกอฮอลมากๆ ทำให้เกิดเป็นโรคตับแข็งได้ อายุก็สั้น ถ้าดื่มเหล้าแล้วมีระดับสูงเกินกว่า 0.05% ในกระแสเลือด การควบคุมระบบเคลื่อนไหว ก็สูญเสียไป ดังนั้น ไม่ควรดื่มมาก ถ้าระดับในเลือดสูง 0.2% สูญเสียเรื่องอารมณ์ เช่น ส่งเสียงโหวกเหวก ถ้า 0.3% จากการดื่มอย่างรวดเร็วสัก 1 ขวดแบน ก็หมดสติได้ ถ้า 0.3 - 0.5% ถึงตายได้ เพราะไปกดระบบการหายใจ ในสหรัฐในปี 1996 และเกิดอุบัติเหตุถึงตายจากการขับรถ 40% เกิดจากการดื่มสุรา
การดื่มสุรา ถ้าเป็นผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว(ผสมแล้ว) ต่อวัน หญิง 1 แก้วต่อวัน คนสูงอายุ ครึ่งแก้วต่อวัน
เพียงเท่านั้น ก็ถือว่ามากแล้ว ถ้าดื่มเกินกว่านี้ เป็นอันตรายแน่นอน
ชนิดของเหล้า
เบียร์ ทำจากข้าวมอลต์ มีมากกว่า 170 ชนิด ในชื่อมากกว่า 20,000 ยี่ห้อ มีอัลกอฮอล์ 3-10%
ไวน์ มีอัลกอฮอลประมาณ 10-14% มีชนิดแดง ขาว กุหลาบ ไวน์โซดาคารบอเนต เช่น แอมเพน เบอรกันดี ไวน์ฟอรติไฟด์ มีแอลกอฮอล 14-19% ไม่เกิน 24%
บรั่นดี เป็นเหล้ามักทำจากผลไม้อื่นๆ เช่น องุ่น แอบเปิล พลัม เชอรี่
วิสกี้ เป็นของสก๊อต ไอริส เบอรเบิน (อเมริกัน) เทนเนสซี ทำจาก ข้าวโพด ข้าวราย ข้าวสาลี (แคนนาดา)
ยิน ของชาวดัชช์ ทำจากจูนิเปอร์เบอรี่ อาจมีส่วนประกอบของ ใบ, ราก, เปลือก, เม็ด, เปลือกส้ม, เปลือกมะนาว
วอดก้า ทำจากข้าว มัน ไม่มีกลิ่น มักเป็นของรัสเซีย สแกนดิเนเวียน สหรัฐ
รัม ทำจากอ้อย
คอกเทล ผสมกันหลายอย่าง เพื่อความมีรสชาติ ฯลฯ
คนที่ดื่มเหล้า แล้วมีอาการหน้าแดงง่าย สาเหตุเกิดจาก สารอะเซตาดีไฮด์ และพลอสตาไซคลิน ทำให้เกิดเส้นเลือดขยาย และบางคนขาดสารเอนไซม์ ซึ่งสลายสารอะเซตาดีไฮด์ ทำให้มีการคั่งของสาร อะเซตาดีไฮด์สูงในตับ และในเลือด จึงเป็นคนหน้าแดงง่าย คนจีน(อาจรวมในไทย เชื้อจีน) 50% ไม่มีสารเอ็นไซม์นี้ ดังนั้น จึงจะเป็นโรคตับแข็งง่ายกว่า ชาติอื่นอาการที่ปรากฎตามผิวหนัง เมื่อเป็นโรคตับแข็ง มีจุดแดงตรงกลางรอบๆ มีเส้นเลือดขยายเหมือนใยแมงมุม เมื่อกดที่จุดแดง ตรงกลาง เส้นเลือดแดงรอบๆ จะหายไป เมื่อปล่อยเส้นเลือดแดง จะกลับคืนอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือแดง มืออุ่นสีแดง โดยเฉพาะโดนฝ่ามือตรงกลางปกติ เมื่อกดสีแดงจะหายไป ผิวหนังเมื่อโรคเป็นมากขึ้น เส้นเลือดฝอยจะขยายมากขึ้น ตามลำตัวท่อนบน และไหล่ เหมือนธนบัตรดอลล่าร์ บางทีมีเส้นเลือดสีเขียว แผ่ออกรอบสะดือ จมูกโต พบในบางคน แพทย์ยังหาคำอธิบายไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่ ที่ดื่มเหล้าเมาจมูกก็ไม่โต
เหงื่อออกน้อย เกิดจากระบบอัตโนมัติไม่ทำงาน ฝ่ามืออุ่น ระดับไข่ขาวในกระแสเลือดน้อยลง ทำให้เล็บมีสีขาว แทนสีชมพู โดยตอนแรก อาจมีริ้วสีขาวๆ ต่อมาขาวทั้งเล็บ การแข็งตัวของระบบเลือดเสีย ดังนั้น ผิวหนังมีรอยฟกช้ำง่าย โรคสารปอร์ไพเรียของผิวหนัง เกิดเป็นตุ่มน้ำพองใส ที่หลังมือ, บริเวณหน้า หายแล้วเป็นแผลเป็น และมีขนขึ้นดกตามหน้า และแขน
ขาดสารอาหาร เช่น ไนอะซิน ทำให้ผิวหนังนอกร่มผ้า หน้าคอ, มือ มีสีแดงคล้ำ เรียกโรคเพลละกร้า ผู้ที่เป็นโรคนี้ในเมืองไทย เมื่อมาปรึกษา ผู้เขียนมักจะถามคนไข้ว่า ดื่มเหล้าเซียงซุนใช่ใหม มักจะได้คำตอบที่ถูกต้อง คนไข้มักจะถามด้วยความทึ่งว่า หมอทราบได้อย่างไร ว่าดื่มเซียงซุน คำตอบคือ เพราะคนที่ดื่มเซียงซุน มักไม่กินอาหาร ทำให้ขาดสารอาหาร
ขาดไวตามินซี เป็นจุดแดงๆ ออกตามรูขุมขน ขาดแร่สังกะสี ทำให้เกิดผื่นคัน มุมปากเป็นแผล ตามองไม่เห็น ท้องเสียมีผื่นตามตัว ระบบประสาทเสื่อม ผมร่วง เล็บเป็นร่อง
การดื่มเหล้า ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับ ใช้ยารับประทานหลายตัว ทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์ ในขณะที่ต้องการยาเพื่อรักษาโรค ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เช่น เป็นโรคเรื้อน ที่ต้องใช้ยาซัลฟา, การใช้ยาเรตินอยด์ ทำให้ลดกรดไวตามินเอ ในระยะแรก ทำให้ขาดไวตามินเอ แม้ใส่เพิ่มในอาหารก็ไม่พอ และทำให้เกิดโรคมะเร็งของหลอดลม มะเร็งปอด ลูกเกิดมาพิการ จากการขาดกรดไวตามินเอ เมื่อขาดไวตามินเอ ทำให้ตาแห้ง ผิวหนังเหมือนผิวคางคกและผิวแห้ง เมื่อมีอาการตับแข็ง บางทีระดับไวตามินเอสูงขึ้น อาจมีอาการผมร่วง ผิวแห้ง และริมฝีปากแตก และทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน คล้ายกับไวตามินเอลดต่ำลง ระดับแคร์โรตีน จากธรรมชาติ (มะละกอ แครอด) อาจต่ำลง ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้าง ไวตามินเอในร่างกายไม่พอ แต่แปลก เมื่อให้ดื่มเหล้าผสมแคร์โรตีนลงไป กลับทำให้สัตว์ทดลอง เป็นตับแข็งมากขึ้น หรือทำให้เป็นมะเร็งปอดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดื่มเหล้า ช่วยทำให้การเป็น มะเร็งปอดเพิ่มขึ้น
ข้อดีของเหล้า คือ สามารถลดอัตราตาย โดยดื่มวันละ 1 แก้ว เช่น โรคหัวใจ ถ้าดื่มวันละ 1 แก้ว (ผสมแล้ว) ลดการเกิดโรคหัวใจอุดตัน 30- 50% ถ้าดื่มมากกว่านั้น กลับเพิ่มการเป็นโรคหัวใจ อธิบายได้ว่า อัตราส่วนของไขมันชนิดต่ำต่อไขมันชนิดสูง ถ้าสูงเกิดโรคหัวใจได้ แต่เหล้าไปเพิ่มไขมันชนิดสูง และลดไขมันชนิดต่ำ แอลกอฮอล์ยังช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด และเพิ่มการทำลายไฟบริน จากหลักฐานของฝรั่งเศส และประเทศแถวเมดิเตอเรเนียน พบว่าคนที่ดื่มไวน์ เป็นโรคหัวใจน้อยกว่า ประเทศอื่น เพราะในไวน์ นอกจากมีอัลกอฮอล์แล้ว ยังมีสารแอนติอ๊อกซิแคนท์ และฟลาวานอยด์
ภาวะอัมพาต และอัมพฤกษ์ (อัมพาตชั่วคราว) ในอังกฤษพบว่า เป็นสาเหตุของอัตราตายถึง 10% การวิจัยพบว่า ถ้าดื่ม 2 - 5 แก้ว/วัน ในผู้ชาย หรือ 2 - 4 แก้วในผู้หญิง อัตราการเกิดอัมพฤกษ์ น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม และคนที่ดื่มสม่ำเสมอดีกว่า ดื่มกระปริดกระปรอย แต่การวิจัยกลับพบว่า ถ้าดื่ม 2 แก้วต่อวัน เพิ่มการเกิดอัมพาตจากเส้นเลือดแตกมากกว่า ถ้าดื่ม 3 แก้ว เกิดอัมพาต 2 - 3 เท่า เลยไม่ทราบว่า จะดื่มดีหรือไม่
ก้อนหินในถุงน้ำดี ถ้าดื่มวันละ 5 แก้วในผู้ชาย และ2 แก้วในหญิง สามารถกันการเกิดก้อนหินในถุงน้ำดีได้ ข้อเสีย เป็นโรคตับแข็งได้ทุกชนิด รวมทั้งมะเร็งตับ ขึ้นกับเวลา และจำนวนที่ดื่ม ถ้าเป็นแล้วดื่มต่อไป โรคแย่ลง มะเร็งเกิดได้ 5 - 10% หลังจากเป็นโรคตับแข็ง อาการที่พบ คือ เลือดกำเดาไหล, อาเจียนเป็นเลือด, ตาเหลือง, สมองพิการ, ระบบทางเดินอาหาร, คลื่นไส้, อาเจียน, ต่อมน้ำลายอักเสบ พบได้เสมอ โรคกระเพาะอักเสบ ท้องเสียบ่อยๆ ปวดท้องจากการที่ตับอ่อนอักเสบ แม้หยุดดื่มก็ไม่หาย น้ำหนักลด จากการดูดซึมอาหารไม่ดี
การดื่มเหล้า ทำให้เกิดพลังงานสูง ทำให้อ้วน แต่ดื่มนานๆ จนตับแข็ง ทำให้น้ำหนักลด ระดับไวตามินต่างๆ ลดลง อาการทางสมอง ความดันสูง หัวใจโต และเต้นไม่เป็นจังหวะ กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไม่มีแรง ระบบสืบพันธุ์ ลดพลังเพศ หญิงท้องเกิดแท้งง่าย เด็กโตช้า สมองไม่ฉลาด ดื่มประมาณ 2 แก้ว/วัน ทำให้เด็กมีน้ำหนักต่ำกว่าปกติ เด็กที่เกิดจากแม่ขี้เหล้า มีอาการติดเหล้า 10% สมองทึบ ตัวเล็ก หัวเล็ก จมูกสั้น ปากบาง ลิ้นโรคหัวใจรั่ว ฯลฯ
ระบบจิตประสาท ในคนวัยรุ่น ทำให้เกิดอันตราย ขณะขับขี่รถยนต์ ก่ออาชญกรรมสูง เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง มีปัญหาในสหรัฐ อุบัติเหตุเกิดจากขับขี่จากเมาเหล้าพบ 25% อุบัติเหตุบ้านพบ 6% ที่ทำงานพบ3.5% ไฟไหม้ และการจมน้ำตาย พบได้บ่อยๆ อาชญากรรม และอุบัติเหตุที่สถานีตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับการดื่มเหล้า พบ 50% ดื่มมากกว่า 5 แก้ว/วัน อาจพบโรคจิตซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย ในโรงพยาบาลพบว่า การรักษาการถอนพิษสุรา คนกลุ่มนี้ มีโอกาสฆ่าตัวตาย 75 เท่าของคนปกติ
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้เขียนขับรถในสหรัฐตอนกลางคืน ตั้งใจจะจอดข้างทาง เพื่อดูแผนที่ พอชลอรถเข้าไป เจอรถเสียที่จอดข้างทาง หักรถออกมาทัน ไม่ทันไร แสงไฟแวบๆสีแดง ตามมาเรียกให้จอด ข้อหาขับรถไม่ตรงทาง ตำรวจถามว่า ยูเมาหรือเปล่า ผู้เขียนตอบว่าไม่ได้ดื่ม (แต่ความจริงไปชิมไวน์ที่นภาวัลเล่ย์ ซานฟรานซิสโก เมื่อ 5 ชั่วโมงก่อน) ตำรวจไม่ฟังเสียงเอาเครื่องเป่า วัดอัลกอฮอล มาให้เป่า แต่ไม่พบว่ามีอัลกอฮอล
จริงอยู่ที่สังคมยอมรับการดื่มอัลกอฮอล สมควรแล้วที่ประเทศไทย ได้มีการตรวจจับนักขับรถว่า ดื่มสุราหรือเปล่า มิฉะนั้นแล้ว แพทย์ผู้มีหน้าที่รักษาพยาบาล ต้องทำงานมากขึ้น ในยามค่ำคืน และเป็นการลดอุบัติเหตุ การเสียชีวิตพิการ และทรัพย์สินเงินทอง
ขอบคุณข้อมูลจากเวบ yenta4.com ค่ะ
