คำพิพากษาศาลไทยผมมองว่ายังไม่นิ่ง มักเปลี่ยนไปตามยุค ตามกระแส แม้แต่ที่เคยร่ำเรียนกันมานมนานว่ากฏหมายไม่มีผลย้อนหลัง แต่ท่านก็ยังลากแถไปข้างๆจนได้ เช่นว่าเนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นนักการเมือง ซึ่งขณะที่พิพากษาผู้ปกครองประเทศเป็นกลุ่มทหาร ถ้าเราไม่ต้องไปสนใจแบบเจาะลึกหรือนำเอาหลักการปกครอง(คนละเรื่องกับหลักกฏหมาย)มาประกอบพิจารณา จะเห็นความจริงที่ว่ากฎหมายของประเทศเราเป็นกฏหมายลายลักษณ์อักษร คือต้องยึดตามที่ระบุไว้ในกฏหมาย จะผิดไปจากข้อกฏหมายนั้นมิได้ ในทำนองเดียวกันนี้เมื่อกำหนดให้ต้องมีเครื่องกระสุนเป็นขนาดเดียวกับปืนที่ได้รับอนุญาตก็ต้องเป็นไปตามนั้น..อย่างเคร่งครัด แต่ในทางปฏิบัติก็มักนำหลักรัฐศาสตร์มาวางระเบียบหรือวิธีการปฏิบัติเสียใหม่ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นประณีประนอม จึงได้เกิดบรรทัดฐานใหม่ๆหลายๆอย่างในสั้งคม ทั้งนี้ก็เนื่องจากดุลพินิจที่ผู้ปกครองนำมาใช้ต่างกัน สรุป หากยึดตามหลักกฏหมายมีอาวุธปืน .357 แต่มีกระสุน .38 ในครอบครองนั้นผิดครับ ถ้าไม่เข้าใจให้อ่านย้ำอีกครั้งเรื่องที่ประเทศเราใช้กหมายลายลักษณ์อักษร
ผมไม่เห็นด้วยกับคำวิพากษ์วิจารณ์ศาลตามที่ท่านกล่าวข้างต้น
ด้วยความเคารพครับคุณหนวดหิน......เอาเฉพาะประเด็นของกระทู้นี้....ผมเห็นด้วยว่ากฎหมายเราตีความตามตัวอักษร.. ...และนั่นจึงเป็นเหตุผลจากข้อเท็จจริงที่ว่า
กระสุน .38Spl เป็นกระสุนที่ใช้กับปืนขนาด .357Magnumได้โดยปกติ ข้อเท็จจริงนี้สามารถให้ผู้เชี่ยวชาญเบิกความยืนยันต่อศาลได้
ดังนั้นการมีกระสุนที่ใช้ได้(โดยปกติ)กับอาวุธปืนที่เราได้รับอนุญาตฯจึงไม่เป็นความผิด มีคำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิงได้
ถ้าคุณหนวดหินเห็นว่ามีข้อกฎหมายใด มาตราใด กำหนดให้เป็นความผิดไว้ ก็ได้โปรดแสดงให้ทราบด้วย
เนื่องจากผมยังไม่พบ....จึงถือตามหลักที่ว่า สิ่งใดที่กฎหมายมิได้บัญญัติห้ามหรือให้เป็นความผิด .... ย่อมไม่ผิดครับ