ผมโดนกะตัวเลยครับ เมื่อวันพฤหัสที่แล้วนี่เอง เหตการณ์คล้ายๆกัน
หินกระเด็นเข้าตา เป็นห่วงเขามาก ให้เงินไปโรงพยาบาล
ทำงานเสร็จแล้วจะตามไป ขอเบอร์โทรไว้ โทรไปยังไงก็ไม่ติด
เป็นห่วงเขามาก ทีแรกไม่นึกว่าจะโดนหลอก น้องมันพูดเล่นๆ หรือว่าเราโดนหลอก
ก็เลยลองsearchเล่นๆ เจอจริงๆครับ หมอนี่เลยครับ พับผ่า แต่ก็โล่งอกซักที
รู้งี้ตอนลงไปเคลียร์ เหน็บปืนไปด้วยน่าจะดี
http://www.musicza.com/webboard/data/5/0058-1.htmlจาก forward mail ...
วันนี้มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นกับตัวเอง จากที่เคยอ่านเรื่องที่ forward กันใน mail ก็คิดว่าอย่างนี้ก็มีด้วยแล้วก็ได้แต่คิดว่าต้องระวังไว้.. แต่ไม่คิดว่ามันจะใกล้ตัว และสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
เรื่องมีอยู่ว่า... เราขับรถมาจากซอยทองหล่อเพื่อที่จะไปออก ถ.สุขุมวิท เลี้ยวซ้ายสู่ถนนสุขุมวิทอยู่เลนส์ในมาตลอด เพื่อจะเข้าซอยเล็กๆ ถัดจากซ.สุขุมวิท 59 ไปหนึ่งซอย
จอดรถเสร็จก็ขึ้นไปยังออฟฟิศ ประมาณ 14.00 น. แต่ในเวลาไม่นานมีคนมาเรียกบอกว่า เราขับรถ แล้วก้อนหินกระเด็นไปเข้าตาเค้า เค้านั่งอยู่ที่ฟุตบาท
พร้อมแผลที่ตาหน้ากลัว มีเลือดไหลจากเปลือกตา และไม่รู้ว่าจากข้างในตาด้วยหรือเปล่า ทุกคนต่างก็ตกใจ
พี่ที่เค้าอยู่ด้วยก็เลยอาสาพาพี่เค้าไปโรงพยาบาล ซึ่งแถวนั้นที่ใกล้ที่สุดก็เป็นโรงพยาบาลคามิลเลียน ในซอยทองหล่อ ส่วนเราก็โทรติดต่อเรียกประกัน เพื่อจะนัดประกันไปเจอกันที่โรงพยาบาลคามิลเลียน
เราขึ้นไปเก็บของและเตรียมตัวไปที่ร.พ. ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์จากพี่ที่ไปด้วย บอกว่าคู่กรณีจะไม่ยอมไปที่ร.พ.คามิลเลียน เพราะต้องรีบจะไปขึ้นเรือที่สมุทรปราการ เพื่อจะไปอินโด ตอนบ่ายสามโมง ตอนนั้นประมาณบ่ายสองกว่า) เดี๋ยวไปไม่ทัน จะไปให้ทันก่อนแล้วค่อยบอกกับเจ้านายค่อยไปหาหมอ พยายามต่อรองกับเราว่าเราจะช่วยเค้าได้เท่าไร เค้าจะไปหาหมอเองที่สมุทรปราการ
เราก็บอกเค้าว่าไม่ได้หรอก เพราะก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะไปหาหมอที่สุขุมวิท 71 เราเลยบอกว่าเราเรียกประกันแล้วถึงยังไงถ้าพี่ไม่เอาเรื่องก็ต้องให้ประกันรับรอง แล้วแผลที่ตาเกิดตาบอดไปจะทำอย่างไร ยังไงให้ไปหาหมอก่อนโรงพยายบาลคามิลเลียนก็แค่ใกล้ๆ ไม่เสียเวลาหรอก
เค้าก็ยังไม่ยอม บอกว่าถ้าเราไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร เราก็เลยบอกว่าถ้าจะไม่เอาเรื่องยังไงก็ให้ไปที่สถานีตำรวจ
เพราะว่ากลัวจะมีปัญหา ถ้าจะให้จ่ายยังไงก็ได้แต่ขอให้ตำรวจ และประกันรับรู้ก่อน ไม่งั้นถ้าภายหลังตาของพี่เกิดมีปัญหาเราจะทำอย่างไร
เค้าก็พยายามบอกว่าถ้าไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร แล้วส่งโทรศัพท์คืนพี่ที่ไปด้วย พี่เค้าบอกว่าลุงแกจะไปแล้ว เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ พี่ที่ออฟฟิศก็บอกว่าก็ต้องปล่อยเค้าไป เรื่องพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องภายหลังเราจะซวย ถ้าไม่มีหลักฐานว่าเรารับผิดชอบเค้าแล้ว
หลังจากนั้นเราก็โทรแจ้งประกันว่าคู่กรณีไม่อยู่แล้ว ประกันเลยให้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความไว้ก่อน
พอไปถึงสถานีตำรวจเราเจอประกันของเรานั่งอยู่กับตัวแทนประกันบริษัทอื่นซึ่ง เค้าเล่าเรื่องให้กันฟังแล้ว
เค้าถามถึงเหตุการณ์ว่าเป็นแบบนี้ใช่มั้ย (ตรงตามที่เราเจอ) แล้วเอารูปที่ Xerox พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้ชายคนนึงให้ดู โอ้โห!!! ใช่เลย
เค้าเลยบอกว่าลูกค้าเค้าเจอมาหลายราย บางรายก็ให้เงินไปเยอะ บางรายก็นิดหน่อย ประกันเองก็เคยจ่ายไปแล้ว ตอนนี้เค้ากำลังตามตัวกันอยู่
ถ้าเจอจะต้องจับส่งสถานีตำรวจ นี่เรายังดีที่ไม่เสียเงินให้ไป แผลที่ตาเค้าก็มีอยู่แล้ว คงทำให้ดูน่ากลัวขึ้นมาอีก
จากนั้นประกันเราก็เลยให้เราไปแจ้งความไว้ก่อน เราโทร.ถามพี่ที่เค้าพาคู่กรณีคนนั้นไป ปรากฏว่าพี่เค้าให้ไป 100 บาท
เรื่องก็จบลงแค่นี้ ดังนั้นเราจึงขอเตือนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆคนว่าให้ระมัดระวังพวกมิจฉาชีพ เดี๋ยวนี้มันคงเยอะ แล้วพยายาม forward เตือนคนรู้จักให้มากที่สุดเพราะมันใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน
ไม่น่าเชื่อว่าสุขุมวิทจะมีด้วย ไม่ใช่ถนนเปลี่ยว กรณีที่เกิดเหตุอะไรก็ตามให้โทรเรียกประกัน ถ้ารอไม่ไหวให้ไปที่โรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ให้จ่ายเงินเด็ดขาด หรือถ้าตกลงกันได้ว่าจะให้เงิน ยังไงก็ต้องไปที่สถานีตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าเค้าจะไม่เอาเรื่องเราในภายหลัง ..
ให้ตำรวจกับประกันรับรู้ไว้ดีที่สุด ถ้าเป็นมิจฉาชีพก็จะไม่ยอมไปที่สถานีตำรวจ สุดท้ายเราก็เลยขอ Xerox
รูปถ่าย กับสำเนาบัตรประชาชนไว้ อาจจะไม่ชัดเนื่องจากเป็นตัวถ่ายเอกสาร ดูได้ตามที่แนบ file มา ถ้าเข้าเค้าก็จะได้ระวังกันไว้ก่อนนะจ๊ะ........เป็นห่วง............ ......... ..
