เมื่อวานดูข่าวเด่นเย็นนี้ ช่อง3 พิธีกรอ่านข่าวบอกว่า โจรหนึ่งคนเรียกว่าชิงทรัพย์
หากมีมากกว่า 2คน ถึงเรียกว่าปล้นทรัพย์ อยากทราบว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อเจ้าทุกข์ต้องเสียทรัพย์เหมือนกัน
ส่วนใบอนุญาติอาวุธปืน ระบุว่าให้มีและใช้อาวุธปืน แต่ห้ามยิงโจรข้างหลังไม่ได้
เมื่อถูกชิงทรัพย์หรือปล้น ตลกจนน้ำตาตกใน
ความเห็นส่วนตัว เลยคิดว่าตอนนี้ หากโจรมันชิงทรัพย์ก็ให้มันไปเลยดีกว่า เว้นแต่โจรต้องการ
ชีวิตต้องสู้ครับ หากยิงต่อสู้เพียงเสียดายทรัพย์ มีแต่เสียกับเสีย ไหนจะขึ้นโรงพัก
ขึ้นศาล มูลค่ากับเวลาที่เสียไปมากกว่าถูกโจรชิงทรัพย์หลายเท่าครับ
ผมเคยได้ยินพวกพิธีกรชอบพูดบ่อยเหมือนกัน ระหว่างความผิดฐาน"ชิงทรัพย์ " กับ " ปล้นทรัพย์ " เท่าที่ลองเปิดหนังสือดู ความผิดฐานปล้นทรัพย์ ต้องร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่
สามคนขึ้นไป
ที่นี้ผมมองว่าเจตนาของการออกกฎหมายเป็นเจตนาของ การปกป้องคนดี ( ต่างกับ การป้องกันคนชั่ว นะครับ ) เพราะฉะนั่น กฎหมายจะแยกบทลงโทษและความรุนแรงของการกระทำ , ผลของการกระทำ และบทลงโทษ ออกเป็นแต่ละประเด็น เช่น ตั้งแต่ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ และ ปล้นทรัพย์ รวมทั้งการมีอาวุธติดตัวมา หรือไม่? ที่นี้ยังแยกลงไปอีก ถึงผลที่เกิดขึ้น เช่น อันตรายแก่กายและจิตใจ อันตรายสาหัส อันตรายถึงแก่ชีวิต จนกระทั่งถึงบทลงโทษ หนักเบาแล้วแต่ ผลที่กระทำและผลที่เกิดขึ้น
โดยส่วนตัวถ้าเกิดกับผมเอง ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร? เมื่อมีปืนจ่อที่หัวตัวเอง ( เคยเห็นคนอื่นโดนแค่เอาปืนออกมาขู่ตอนนั่นทำได้แค่เดินห่างให้เร็วที่สุด ) จะยืนฉี่แตก หรือจะขาสั่น ตกใจ ช๊อคชั่วขณะ แต่ที่รู้แน่ๆ ผมคงเสียวเย็นวาบจริงๆ ...
แต่หากมีการใช้ปืนจริงๆ ณ ขณะนั่น ผมเชื่อว่าคงมีน้อยคนมาก ที่จะนึกถึงข้อกฎหมายที่ "ท่านนาจา " ยกข้อกฎหมายมาให้อ่าน ผมว่ากฎหมายเขียนได้ค่อนข้างครอบคลุมส่วนหนึ่ง ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในระบบศาล ฯ แต่กระบวนการก่อนหน้านั่นผมไม่มั่นใจ ถ้าเลือกได้ ไม่อยากเข้าสู่กระบวนการนี้เหมือนกันครับ...
ป.ล. ถือว่าแลกเปลี่ยนกันครับ หนังสือที่ผมเปิดอ่าน เป็น ประมวลกฏหมายอาญา ฉบับปรับปรุง ฝ่ายวิชาการ สูตรไพศาล พ.ศ. 2547 มาตรา 334-340