นกแบบตัวนี้บางทีเขาก็เลี้ยงไว้ล่าเหยื่อที่เป็นนกด้วยกัน หรือเลี้ยงไว้ล่าหนู มันค่อนข้างเชื่อง
ด้วยความที่มันค่อนข้างเชื่องหลายบ้านจึงนิยมเลี้ยง
มีอยู่ครอบครัวหนึ่งก็เลี้ยงนกแบบนี้ไว้ล่าสัตว์เล็กเหมือนบ้านอื่น พอดีวันหนึ่งแม่บ้านเผลอเรอ
เข้าบ้านไปหยิบของปล่อยลูกน้อยนอนแบเบาะ กำลังค้นของก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยแผดเสียง
ร้องจ้าด้วยความเจ็บปวด จึงรีบวิ่งออกมาดู เห็นนกตัวนี้กำลังจิกลูกตาของเด็กน้อยจนหลุดออกมาคาปาก
แม่บ้านจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะรีบชิงดวงตาคืนมาแต่ไม่ทัน นกตัวนี้โผบินหนีออกไปแล้ว
เด็กน้อยคนนั้นแม้ไม่ตายแต่ก็ตาบอดไปตลอดชีวิต
โอ้ ...ป๊าดโถ่ ... ไอ้นกระยำ อย่างนี้มันต้องแกง ... สถานเดียว ...
จะกินตับมันล้างแค้นให้เจ้าหนูน้อยตาบอดคนนั้น เอื๊อก.... สับนก
คุณจะเด็ด ใจเย็น ๆ ระงับอารมณ์และคารมไว้ก่อน ประเดี๋ยวพวกเขาจะรู้ว่าเราเป็นคน
ชอบพูดจาหยาบคาย อย่าให้ไอ้นกระยำ เอ้ยขอโทษ นกตัวนั้นมาเปิดเผยตัวตนของเราสิครับ
เอาไว้เราค่อยนัดกันไปล้างแค้นไอ้นกระยำ เอ้ย (นั้นพูดหยายอีกแล้ว ตีปากตัวเอง 1 ที มันเป็น
สันดานปากแก้ไม่หายสักที) นกตัวนี้ดีไหมครับ
(พยายามพูดสุภาพอย่างเต็มที่เพื่อยกตัวเองขึ้นสังคมระดับสูง แต่อย่าให้ผมมาวนะเพ่ )
สมัยผมเรียนช่างยนต์ เวลาเพื่อนมันเห็นผมก็จะเรียกทักทาย แต่ผมสังเกตว่า
กว่ามันจะพูดเข้าเรื่องมันต้องผ่านประโยคมาตราฐานของพวกมันก่อนเข้าเรืองแล้ว
จึงจบด้วยประโยคมาตราฐาน ดังนี้
ถ้าผมรีบร้อน "เฮ้ย ไอ้ดม ไอ้ฉิบหาย จะรีบไปตายไหนวะ นั่งก่อน"
ถ้าผมมาสาย โดนเยอะหน่อย "เฮ้ย ไอ้ดม ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้เย็D แMไม้เอก ไอ้ฉิบหาย แม่งปล่อยให้กูรอตั้งนาน"
ถ้าผมมาตรงเวลา ก็ฟังก็พอดูดีหน่อย แบบสั้นๆ "ไอ้สัตว์ วันนี้แม่งมาตรงเวลาเป๊ะเลยนะมึง"
ถ้าผมเบี้ยวไม่มาตามนัด จะมีคำมาตราฐานสลับฟันปลากับเนื้อเรื่องเป็นระยะจนจบ มีคำว่าแม่งเยอะกว่าแบบอื่น
"ไอ้สันดานเอ้ย แม่งนัดแล้วไม่มา ไอ้เหี้ย ไอ้เย็D แMไม้เอก แม่งจะไม่มาก็ไม่บอกกัน ไอ้สัตว์แม่งปล่อยให้กูรอตั้งนาน"
ฟังแล้วเหนื่อยไหมครับ ผมโตมาแบบนี้จริง ๆ จนเข้ามหาลัยก็นึกว่าจะรอดก็ยังมีประปราย
ทุกวันนี้ผมก็ได้ยินพวกนักศึกษาพูดกันอยู่นะ ซ้ำร้ายบางครั้งได้ยินผู้หญิงพูดด้วย
ผมเองไม่ได้พูดคำเหล่านั้นเลยเมื่อเจอพวกเพื่อน (ดูเหมือนผมเป็นผู้ดี๊ผู้ดีนะ)
แต่พอโตมาลองพูดดูบ้าง เออ มันส์ดีวะ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ รู้งี้พูดมาตั้งนานแล้ว
ต้องรู้นะครับว่า คำเหล่านี้แม้เป็นคำหยายแต่ในอารมณ์ตอนนั้นมันไม่ใช่คำด่ากัน
แม้ว่าจะออกเสียงสะกดเหมือนกัน แต่อารมณ์คนพูดไม่ใช่คนกำลังจะทะเลาะกันเลยครับ
มันเป็นอารมณ์พูดกับคนที่สนิทแบบเพื่อนสนิทมากมากหรือเรียกว่าเพื่อนซี้
แต่ถ้าคำเหล่านี้ออกจากปากคนที่เราไม่รู้จักละก็ ใส่ตีนหมาได้เลยครับ (มีคำหยาบอีกแล้ว)
ลองพูดใหม่ ใส่เท้าสุนัขได้เลยครับ ฟังได้ใจความเหมือนกันแต่ไม่ได้อารมณ์ร่วม
ผมพร่ำสอนลูกสาวทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ว่าลูกอย่าพูดคำหยาบคายนะคะ
เมื่อหลายวันก่อนขณะผมขับรถกลับบ้าน มีภรรยากับลูกสาวนั่งเบาะหลัง
คนสองคนกำลังเล่นหัวเราะคนแม่คอยเออ ออตามลูก คนลูกก็พูดเลียนแบบ
ดาราสาวตลกทีมเวิคพอยต์คือพูดไทยสำเนียงฝรั่ง อารมณ์กำลังขี้เล่น กำลังคึก
ผมก็ชวนสองแม่ลูกว่า เย็นนี้ไปทานพิชซ่ากันไหม ลูกสาวผมได้ยินก็ตอบด้วย
อารมณ์คึก ว่า "ดีพ่อไปกินพิชซ่าส้นตีนเลยพ่อ" พอพูดเสร็จเธอก็เงียบเสียงทันที
แล้วรีบบอกว่าแม่หนูขอโทษค้า ผมละทั้งขำทั้งหนักใจ เพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา
ผมไม่กังวลใจเลย เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปในช่วงชีวิตวัยเรียน
ในโรงเรียนที่มีคนหลายแบบมาอยู่รวมกันเป็นสังคมเล็ก ๆ คำหยาบคายเหล่นนี้มันจะหายไปเอง
เมื่อถึงเวลาถึงวัยที่เป็นผู้ใหญ่พอโดยมีสังคมใหญ่คอยกล่อมเกลาเขาให้เป็นคนดีต่อไปเอง