FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2008, 07:18:31 PM » |
|
ทีนี้เรามาดู กระสุน N. E. ที่ถามมา ว่า มันไม่รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไรกัน ภายในมีอะไรบ้าง
ส่วนกระสุน รุ่นใหม่ ไปหา ดู กันเองนะครับ แล้วค่อยอ่าน ต้นกำเหนิด ตอนท้าย เอาเอง ครับ 8792-1
8792-2
8796
8800
8801
8806
8807
8810
ข้อความต่อไปนี้ เป็น ของ ท่าน วิจิต ครับ
ดินปืนลูกซอง
ดินปืนทุกชนิด จัดเป็นพวกดินขับ มิใช่เป็นวัตถุหรือดินระเบิด ดินลูกซองในสมัยปัจจุบัน ถึงแม้จะเป็นดินขับพลังสูงแบบเผาไหม้ส่งกำลังได้ทวีคูณ ( Dense Progressive Burning Powders ) เช่นเดียวกับดินของกระสุนไรเฟิลก็ตาม แต่ก็เป็นดินประเภทซึ่งมีกำลังน้อยกว่า และเผาไหม้ได้รวดเร็วกว่าอัตราการเผาไหม้ของดินไรเฟิล กำเนิดของดินไรเฟิล, ดินปืนสั้นและดินลูกซอง ก็มาจากรากฐานและส่วนผสมประเภทเดียวกัน แต่ดินทั้งสามอย่างนี้ ต่างก็ได้ถูกปรับปรุงให้มีอัตราการเผาไหม้และส่งกำลังได้มากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่กรณี
ดินไรเฟิล
เป็นดินที่ปรับปรุงขึ้นเพื่อให้มีอัตราการเผาไหม้อย่างดี, อย่างหมดจดเกลี้ยงเกลาในรูลำกล้องเล็กและยาว การเผาไหม้ที่เกิดขึ้นต้องแปรสภาพเป็นกำลังขับที่ทวีความแรงสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ เพื่อให้สามารถรักษาอัตราความแรงแห่งกำลังขับดันให้เป็นระดับเดียวกันเสมอตลอดๆ ทุกระยะที่กระสุนอยู่ในลำกล้องปืนและจนกระทั่งกระสุนหลุดพ้นออกไป
ดินปืนสั้น
ได้ถูกปรับปรุงขึ้นเพื่อความมุ่งหมายให้เผาไหม้ในอัตรารวดเร็วกว่า แต่ส่งพลังขับดันได้ต่ำกว่า เพราะเนื่องจากมีลำกล้องสั้นกว่า, บอบบางกว่า และไม่ ปรารถนา ให้มีแรงสะท้อนถอยหลังสูง
ดินลูกซอง
เป็นดินซึ่งได้ถูกปรับปรุงขึ้นเพื่อใช้ได้ผลดีสำหรับปืนลูกซองเท่านั้น อันเป็นอีกกรณีหนึ่งซึ่งแตกต่างกับดินไรเฟิลและดินปืนสั้น การแปรสภาพเป็นกำลังขับของดินลุกซองมีกำลังทวีแรงมากและสูงขึ้นเป็นลำดับ เข่นเดียวกับดินไรเฟิล แต่การแปรสภาพเป็นกำลังขับดันจำจะต้องให้อ่อนกำลังลง ก่อนที่หมอนและกระสุนจะหลุดพ้นจากปากลำกล้อง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงมิให้กำลังขับดัน กลายเป็นกำลังซึ่งทำให้เม็ดลูกปลายกระจัดกระจายแตกออกจากการรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเสียแต่ในระยะใกล้ๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความแน่นสม่ำเสมอของม่านกระสุนและก็เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันมิให้ปืนมีเสียงดังรุนแรงมากเกินไป เพราะในด้านการกีฬานั้น การยิงลูกซองแต่ละคราวเป็นจำนวนมากนัดกว่าการยิงปืนไรเฟิล หลักการทำให้กระสุนลูกซองส่งเสียงไม่ดังมากเกินไปนัก ช่วยให้ผู้ให้สามารถยิงลูกซองติดๆ กันหลายๆนัดได้โดยไม่รู้สึกเวียนศีรษะ อันมีสมุฎฐานเนื่องมาจากเสียงดังของปืน.
ดินของกระสุนไรเฟิล แต่ละแบบ แต่ละขนาด ต่างก็มีหลักการปรุงแต่งให้เหมาะสมเพื่อการใช้ในการขับหัวกระสุนแต่ละขนาดแต่ละน้ำหนักเป็นพิเศษโดยเฉพาะ และเล่ห์เหลี่ยมหรือศิลปะในการปรุงดินปืนเหล่านี้ได้พยายามปกปิดกันเป็นความลับอย่างสูง ดินบางแบบสร้างขึ้นเพื่อให้เหมาะแก่การขับหัวกระสุนขนาดเบาให้มีอัตราความเร็วพอประมาณ ดินบางแบบสร้างขึ้นเพื่อให้ขับหัวกระสุนขนาดเบาให้มีอัตราการวิ่งแหวกสูง และบางแบบก็ปรับปรุงขึ้นในอัตรากำลังต่ำ เพื่อใช้บรรจุแทนดินดำในกระสุนรุ่นเก่า ๆ
นอกจากดังกล่าว ยังมีดินพิเศษอีกประเภทหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นเป็นกระสุนสัญญาณเพื่อให้ส่งเสียงได้ดัง ๆ
สำหรับใช้เป็นกระสุนสัญญาณในการกีฬาหรือในราชพิธีการต่างๆ ดินพวกนี้มีอัตราการเผาไหม้ไวและรุนแรง เกือบจะเท่าดินระเบิด ซึ่งสามารถส่งเสียงได้โดยมิต้องใช้หัวกระสุนอุดอัดแก็สไว้ ดินประเภทนี้ห้ามใช้เป็นดินขับหัวกระสุนโดยเด็ดขาด เพราะ อาจทำให้ลำกล้องปืนระเบิดแตกทันทีได้
ดินซึ่งใช้เป็นดินขับกระสุนลูกซองกันเป็นเช่นเดียวกันจำต้องปรับปรุงให้เหมาะสมจนกระทั่งสามารถสร้างอัตราความไวให้แก่ลูกปรายแต่ละน้ำหนัก แต่ละขนาด ให้ได้มาตรฐานในการวิ่งแหวกเสมอกัน ถ้าส่งกำลังแรงเกินไปก็จะทำให้ปืนมีแรงสะท้อนถอยหลังมาก และทำให้กลุ่มลูกปรายแตกกระเจิงกระจายส่งม่านกระสุนไม่สวยงาม และถ้าส่งกำลังอ่อนเกินไปก็จะทำให้อานุภาพเจาะผ่านและอานุภาพประหัตประหารมีน้อย ดินลูกซองแบบหนึ่งมีปริมาณอย่างหนึ่ง ขับลูกปรายหมายเลขใด ขนาดใดขนาดหนึ่งได้ผลดี จะนำดินแบบนี้และปริมาณเดียวกันนี้ไปขับลูกปรายหมายเลขอื่นซึ่งมีขนาดและน้ำหนักแตกต่างไปให้ได้ผลดีเช่นเดียวกันไม่ได้ ดินลูกซองจะมีพฤติขีปนะเป็นอย่างเดียวเช่นเดียวกับดินไรเฟิลไม่ได้ เพราะลำกล้องไรเฟิลหนาแข็งแรงกว่า และเพราะหัวกระสุนของไรเฟิลเป็นก้อนโลหะอันเดียว แน่นและแข็งแรง สามารถปิดรูลำกล้องได้แน่นสนิท สร้างความฝืดให้เป็นอุปสรรคในการต่อต้านกำลังของแก็สได้มากกว่าหมอนและกลุ่มลูกปลายของกลุ่มลูกซอง หมอนและกลุ่มเม็ดลูกปรายทั้งหลายต่างก็เป็นชิ้นส่วนย่อยๆ อันมิได้เชื่อมต่อติดกัน รวมกันอยู่ได้ในสถานะอันไม่มั่นคง ขวางทางเดินของแก็สเพื่อให้แก็สขับออกไปได้เท่านั้นถ้ากำลังของแก็สสูงเกินไป สายแก็สก็อาจพุ่งทะลุหมอนเข้าไปตีกลุ่มลูกปรายข้างหน้าหมอนจนแตกกระจายออกจากกันในขณะที่ยังอยู่ในลำกล้อง
โดยทั่วไปได้จัดว่า ดินลูกซองเป็นดินประเภทพลังขับต่ำจำพวกดิน ตวง ซึ่งต้องใช้ประมาณของดินเป็นจำนวนมากจึงจะได้กำลังขับสูง เป็นมาตรฐานในการผลิต นั่นได้แก่ทำการอัดกระสุนโดยการตักตวงเป็นมาตรฐาน มิใช่การชั่งน้ำหนักของดินเพื่อให้ได้ปริมาณแน่นอน
ดินของกระสุนไรเฟิลและดินปืนสั้น เป็นดินแบบใข้การชั่งน้ำหนักเป็นสำคัญเพื่อการบรรจุ ดินไรเฟิลเป็นดินที่ใช้ปริมาณน้อยเพื่อการแปรสภาพเป็นกำลังขับดันได้อย่างแรง ดังนั้นจึงจัดเป็นจำพวกดิน ชั่ง
การรักษาวิถีของกระสุนปืนไรเฟิลแต่ละนัดให้เหมือนกันเป็นแบบเดียวกัน จึงต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างมากในการบรรจุดิน ถ้ามีการแตกต่างในน้ำหนักของดินเพียงนิดเดียว ผลแตกต่างทางกำลังขับจะมีมากและวิถีกระสุนก็ย่อมแตกต่างกันมากเป็นเหตุให้การใช้ปืนได้ผลไม่แน่นอน คุณประโยชน์อันดีของดินไรเฟิล เมื่อเทียบกับดินลูกซองก็ได้แก่ดินไรเฟิลต้องการที่อยู่น้อย ทำการขนย้ายแต่ละครั้งได้กระสุนเป็นจำนวนมากๆ นัดในขนาดน้ำหนักบรรทุกเท่าๆกัน
แต่ในด้านกระสุนลูกซอง การใช้ ดินชั่ง บรรจุเพื่อปราถนาจะให้เปลืองเนื้อที่ในการขนย้ายน้อยดังกระสุนไรเฟิลก็มิได้เกิดประโยชน์มากเท่าไรนัก เพราะหมอนและมวลลูกปรายของกระสุนลูกซอง อันเป็นสิ่งสำคัญส่วนใหญ่และซึ่งจะลดขนาดให้เล็กลงไม่ได้ เป็นสิ่งซึ่งสิ้นเปลืองเนื้อที่มากที่สุด ตามความจริงนั้นดินลูกซองก็ไม่ต้องการเนื้อที่มากเท่าไรเลย
การใช้ ดินตวง กลับเป็นประโยชน์ต่อการบรรจุกระสุนลูกซองเสียอีกด้วยซ้ำ เพราะช่วยให้การบรรจุกระสุนโดยเครื่องจักรเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย ถ้วยตวงสำหรับตักดินของเครื่องจักร, สามารถปรับให้ได้อัตราส่วนในการตวงดินได้เต็มถ้วยตวง เพื่อการบรรจุดินลงในกระสุนแต่ละนัด
ถ้าเป็นดินแบบชั่งน้ำหนักแล้วก็ต้องใช้ถ้วยตวงขนาดเล็กซึ่งตามธรรมดาในการตักตวงทั่วไป ย่อมจะมีการผลิตพลาดคลาดเคลื่อนได้บ้างเล็กน้อยเป็นประจำ การผิดพลาดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นดังกล่าวในด้านดิน ชั่ง นั้น ยังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีและทางด้านพฤติขีปนะของกระสุนไปอย่างมาก
การผิดพลาดอันเล็กน้อยสำหรับดินลูกซองซึ่งเป็นดินตวงไม่มีผลกระทบกระเทือนแก่การยิงเท่าไร ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วก็ไม่ต้องคำนึงถึงกันเลยให้เสียเวลา
ในด้านการใช้งานทางปฏิบัติ ขนาดของกระสุนลูกซองเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็นับว่าสะดวดสบายดีแล้ว ปืนลูกซองซึ่งสร้างขึ้นใช้กันเรื่อยๆมาก็จัดได้ว่าเป็นแบบมาตราฐานดีอยู่แล้วถ้าคิดจะเปลี่ยนขนาดของกระสุนให้เล็กลงแล้ว ก็จะก่อให้เกิดความยุ่งยากนานาประการ
การวิวัฒนาการของดินลูกซองตั้งแต่เริ่มแรกจวบจนปัจจุบันก็เป็นเช่นเดียวกันกับดินประเภทอื่นๆเดิมใช้ดินดำ ( Black Powder ) เป็นดินขัน ต่อมาก็ใช้ดินควันน้อยพลังต่ำ ( Bulk Smokeless Powder ) ทำหน้าที่แทน และแล้วก็ดัดแปลงให้เป็นดินควันน้อยพลังสูง ( Dense Smokeless Powder ) และในขั้นสุดท้าย, ในระหว่างปัจจุบันกำลังนิยมใช้ดินควันน้อยพลังสูงแบบเผาไหม้ได้กำลังทวีคูณ ( Dense Progressive Burning Powder ) กันอย่างแพร่หลาย
ดินดำ
ในสมัยก่อน, ดินประเภทนี้เป็นดินประเภทเดียวซึ่งความสามารถของมนุษย์จะบันดาลให้มีได้ เพื่อใช้เป็นดินขับกระสุนของปืนทุกๆชนิดโดยทั่วไป, ส่วนประกอบของดินซึ่งได้คิดปรับปรุงกันมีหลายอย่างต่างๆนานา แต่ในขั้นสุดท้ายก็สรุปกันว่าใช้ดินประสิว ( Saltpeter ) 75 ส่วน, กำมะถัน ( Sulphur ) 10 ส่วนและถ่าน 15 ส่วน เป็นหลักสูตรในการผสมที่ดีที่สุด.
สารผสมซึ่งเกิดขึ้นระหว่างกำมะถันและถ่านเมื่อถูกจุดด้วยไฟ จะเกิดการเผาไหม้ได้ดีถ้ามีอากาศเพียงพอแก่การเผาไหม้แต่ถ้าบรรจุอยู่ในที่อับอากาศ ดังเข่นในลำกล้องปืน ก็จะไม่มีการลุกไหม้จนระเบิดเป็นกำลังขับ เพราะไม่มี อ๊อคซิเจน เป็นตัวช่วยในการเผาไหม้และในการสร้างแก็ส แต่ดินประสิวเป็นสารซึ่งมี อ๊อคซิเจน เป็นจำนวนมากในตัวของมันเอง และก็จะคลาย อ๊อคซิเจน ออกเมื่อได้รับความร้อน และก็จะคลาย ออ๊คซิเจน ออกได้อย่างรวดเร็วเมื่อความร้อนได้เพิ่มทวีขึ้นนี่จะเห็นได้ว่าหลักการของดินดำอาศัย อ๊อคซิเจน จากดินประสิวซึ่งเป็นส่วนผสมของดินดำเองเป็นสำคัญเพื่อการแปรสภาพเป็นแก็สส่งกำลังขับ อ๊อคซิเจน เป็นแก็สประเภทหนึ่ง ซึ่งย่อมทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติของแก็ส นั่นคือทำการขยายตัวและหาทางออกอยู่เสมอ และก็จะขยายตัวโดยรวดเร็วและในอัตราความไวมากขึ้นเมื่อได้รับความร้อนเพิ่มทวีขึ้น
ไนโตร-กลีเซอรีน
สารระเบิดซึ่งมีชื่อว่า ไนโตร-กลีเซอรีน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปได้ถูกค้นพบขึ้นในราวปี ค.ศ. 1846 สารนี้ได้ถือกำเนิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีระหว่างส่วนผสมของ กลีเซอรีน (Glycerine) และกรดดินประสิว (Nitric Acid) ในทางปฏิบัติได้พบว่า ถ้าใช้กรดดินประสิวผสมแต่อย่างเดียว ผลที่ได้จะเป็นวัตถุระเบิดอย่างอ่อน เพราะมีน้ำซึ่งเกิดจากการเปลื่ยนแปลงทางเคมีรวมอยู่ในวัตถุที่ได้นี้ด้วย ต้องใช้กรดกำมะถัน(Sulphuric Acids) เข้าช่วยในการเปลี่ยนแปลง จึงจะได้วัตถุระเบิดที่มีกำลังแรงดี เพราะกรดกำมะถันเป็นตัวทำลายน้ำที่เกิดขึ้นในระหว่างการเปลี่ยนแปลงให้บรรเทาปริมาณลง
ไนโตร-กลีเซอรีน เป็นน้ำมันปราศจากสี, ไวต่อการกระทบกระเทือน ได้พยายามที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านเป็นวัตถุระเบิดกันมาก แต่ไม่สำเร็จผล,
จนกระทั่งในปี 1862 โนเบิลจึงเริ่มทำการผลิตขึ้นในประเทศสวีเดน ออกจำหน่ายทั่วไปเป็นครั้งแรก แต่ปรากฏว่าผู้นำไปใช้มักได้รับอันตรายอย่างร้ายแรงกันทั่วไป จึงจัดว่าเป็นวัตถุผิดกฎหมายของทุกประเทศต่อมาโนเบิลได้ค้นพบวิธีบรรเทาความร้ายแรงของสารนี้ลงได้อีกโดยใช้ดินผง ( A powdery earth ) ผสมลงไป. ดินผงนี้ก็เป็นดินบนพื้นดินธรรมดานี้เอง ผงดินสามารถดูดน้ำมันนี้ไว้ได้เป็นจำนวนมากโดยไม่ปรากฏการเปียกชื้น. ดินที่ได้นี้เป็นวัตถุระเบิดซึ่งมีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ไดนาไมท์ (Dynamite) บางคราวก็ใช้ปุยฝ้ายดูดน้ำมันนี้ไว้ ซึ่งปุยฝ้ายที่ใช้ดูดน้ำมันนี้ก็นิยมเรียกกันว่า Gun Cotton
ในระหว่างวัตถุระเบิดทั้งหลายที่มีไนโตร-กลีเซอรีนผสมนั้นมี Tri-Nitro-Toluene ซึ่งมีขื่อย่อว่า T.N.T. นับว่ามีรสนิยมแพร่หลายมาก
ในปี ค.ศ. 1875 โนเบิลได้ค้นพบหลักการใหม่ซึ่งเป็นการเริ่มต้นอันใหญ่หลวงในด้านการผลิตวัตถุระเบิดทั่วไป การค้นพบนี้เป็นการพบอย่างบังเอิญเกิดขึ้นโดยแท้. คือมือของเขาเกิดเป็นบาดแผลขึ้น เขาใช้ โคลโลเดียน ( Collodion Solution ) ทาลงบนแผลนั้นเพื่อเป็นการรักษาและป้องกันเชื้อโรค. และในวันเดียวกันหลังจากนั้นเขาได้ไปทำการค้นคว้าพิจารณาหาวิธีทำไนโตร-กลีเซอรีนให้เกิดประโยชน์แพร่หลายในทางปลอดภัยให้มากขึ้นต่อไป. ในระหว่างที่ทำการค้นคว้านั้น เขาได้สังเกตเห็นว่า โคลโลเดียน ( Collodion ) ซึ่งทาทับแผลบนมือไว้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็น วู้น อย่างหนึ่งขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับไนโตร-กลีเซอรีน. การค้นพบนี้เป็นเหตุทำให้เกิดการผลิต วุ้นระเบิด ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดประเภทหนึ่งขึ้น. โดยการใข้ Collldion ใส่ลงไปในปุยฝ้าย (Cotton) แล้วไปผสมกับไนโตร-กลีเซอรีนใช้ไนโตร-กลีเซอรีน 92% และ Collodion Cotton 8% สิ่งที่ได้กลายเป็นดินขับจำพวด วุ้นเผ่น (Blasting Gelatine) ประเภทหนึ่ง. แต่ถึงอย่างไรก็ยังใช้ทำเป็นดินปืนไม่ได้ เพราะมีอำนาจระเบิดรุนแรงเกินไป จวบจนปี ค.ศ. 1887 โนเบิลจึงพบวิธีควบคุมดินขับนี้จนสามารถบรรเทาอำนาจระเบิดอย่างรุนแรงให้ลดลง และนำมาปรับปรุงเป็นดินขับหรือดินปืนได้.
ดินขับ บอลลีสไทท์ ( Ballistite ) นับได้ว่าเป็นดินเคมีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นดินขับกระสุนได้, ตำรับแรก, โนเบิลใช้ Nitro-Glycerine กับ Collodion Cotton กวนเข้าด้วยกันโดยอาศัยน้ำและกำลังขับของอากาศเข้าข่วยในการกวนผสม แล้วนำสารเหลวที่ได้ไปรีดเป็นแผ่นและใช้ความร้อนไล่น้ำไห้กลายเป็นไอระเหยออกจนแห้งแล้วตัดเป็นแผ่นเล็กๆในลักษณะต่างๆ ออกจำหน่ายเป็นดินปืน. การควบคุมในการเผาไหม้อาศัยการประดิษฐ ขนาดเล็ก-ใหญ่-หนา-บาง ของเกล็ดดินเป็นสำคัญ ดินบอลลิสไทท์ได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงในราวปี ค.ศ. 1920-1939 จนนับได้ว่าเป็นดินขับเข้าชั้นมาตรฐาน
ดินขับ คอร์ไดท์ ( Cordite )
เป็นดินขับกระสุนไรเฟิลของอังกฤษ ประกอบด้วย Nitro-Glycerine, Gun Cotton และ Mineral Jelly ความมุ่งหมายในการใช้ Mineral Jelly ก็เพื่อให้เป็นตัวช่วยบรรเทาความร้อนของแก็สที่เกิดขึ้นให้เบาลง และก็เพื่อบรรเทาการเป็นสนิมในลำกล้องให้น้อยลง
การค้นพบหลักสูตรสร้างดินคอร์ไดท์ก็เป็นการบังเอิญอีกเช่นกัน ในขณะที่นักค้นคว้าหลักการผสมดินผู้หนึ่งได้กำลังทดลองค้นหาวิธีสร้างดินบอลลิสไทท์อยู่ในโรงงานช่างแสงของอังกฤษที่ Waltham Abbey นั้นบังเอิญหา Collodion Cotton มาทำการผสมไม่ได้จึงใช้ Gun Cotton ผสมกับ Nitro-Glycerine แทนลงไปผลที่ได้กลับกลายเป็นดินขับอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้ ;-
Nitro-Glycerine 30% Gun Cotton 65% Mineral Jelly 5%
ดินซึ่งได้ตามหลักสูตรดังกล่าวมีชื่อทราบกันทั่วไปว่าดิน Cordite M.D. (M D.=Modified) ซึ่งแตกต่างกับดิน Cordite Mark I ตรงที่ดิน Cordite Mark I มีส่วนผสมของ Nitro-Glycerine สูงถึง 58%
ไนโตร-เซลลูโลส ( Nitro-Cellulose )
เป็นวัตถุระเบิดอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเคยมีระหว่างปุยฝ้ายธรรมดาหรือ Cellulose กับกรดดินประสิว ซึ่งในทางปฏิบัติในทางประกอบนั้นก็จำต้องอาศัยกรดกำมะถันเข้าช่วยให้เป็นตัวทำลายน้ำออกเช่นกัน
นี่จะเห็นได้ชัดถึงการแตกต่างระหว่างไนโตร-กลีเซอรีนและไนโตร-เซลลูโลสได้แล้วอย่างชัดเจน ไนโตร-กลีเซอรีนใช้กลีเซอรีน ส่วนไนโตร-เซลลูโลสใช้ปุยฝ้าย ไนโตร-กลีเซอรีนมีสภาพเป็นน้ำมัน ส่วนไนโตร-เซลลูโลสเป็นสารแข็งเป็นเส้นเหมือนเส้นปุยฝ้าย และบางครั้งก็นิยมเรียกว่า Gun Cotton เช่นกัน
ดินไนโตร-เซลลูโลส ถูกนำขึ้นมาปรากฏสู่สายตาโลกโดย Schultze ในปี ค.ศ. 1865 ดินนี้ประกอบด้วยส่วนประกอบทางเคมีระหว่างเกล็ดเล็กๆของไม้และกรดดินประสิวแล้วนำไปผสมให้ฟักตัวใหม่กับ Barium Nitrate ไม้นับว่าเป็นสารประเภทเซลลูโลสอย่างหนึ่งด้วยเข่นกัน เมื่อไม้กับกรดดินประสิวผสมกันเข้าก็เปลี่ยนแปลงทางเคมีเป็น ไนโตร-เซลลูโลส ดังนั้นดินซึ่ง Schultze ได้ประดิษฐ์ขึ้นจึงเป็นดินซึ่งประกอบด้วยไนโตร-เซลลูโลสและ Barium Nitrate
ในปี ค.ศ. 1870 Volkmann ได้พบวิธีทำ ไนโตร-เซลลูโลส ซึ่งเป็นสารแข็งให้เป็นสารอ่อนนิ่มคล้าย วุ้น ได้โดยนำไนโตร-เซลลูโลสไปผสมกับตัวยาอีกอย่างหนี่งแล้วปล่อยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีขึ้นใหม่ ตัวยานี้ได้แก่ส่วนผสมของแอลกอฮอล์และอีเทอร์ การพบนี้นับได้ว่าเป็นบ่อเกิดในการผลิตดินไนโตร-เซลลูโลสซึ่งมีเนื้อนิ่มคล้ายวุ้น ซึ่งนับว่าเป็นดินสมัยใหม่จวบมาจนถึงปัจจุบัน
ดินสองสมุฎฐาน ( Double Base Pawders )
ดินบางชนิดเป็นสารประกอบ ซึ่งเกิดขึ้นโดยการรวมไนโตร-กลีเซอรีนและไนโตร-เซลลูโลสเข้าด้วยกัน,ดินประเภทนี้จึงจัดเป็นดินประเภท สองสมุฎฐาน หรืออาจจะเรียกตามภาษาสามัญทั่วไปเพื่อเข้าใจง่ายๆว่า ดินผสม หรือ ดิน ลูกผสม ดังเช่นนำไนโตร-เซลลูโลสซึ่งเกิดจากปุยฝ้ายกับกรดดินประสิวไปร่วมกับไนโตร-กลีเซอรีนแล้วปล่อยให้เปลี่ยนแปลงทางเคมีอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็นำสารที่เกิดขึ้น (Colloid) ไปทำเป็นเม็ดเป็นเกล็ดเป็นหลอดและเป็นลักษณะอื่นๆ ดินประเภทนี้บางตำราก็เรียกว่า ดินไนโตร-กลีเซอรีนเช่นกัน
ดินสมุฏฐานเดียว ( Single Brse Powder )
หรือซึ่งข้าพเจ้าตั้งชื่อให้เรียกง่ายๆว่า ดินโทน นั้นโดยทั่วไปมักเป็นการนำไนโตร-เซลลูโลสไปผสมกับแอลกอฮอล์และอีเทอร์แทนที่จะไปผสมกับไนโตร-กลีเซอรีน ดังเช่นดินของ Volkmann ดังได้กล่าวมานั้นเป็นต้น
ดินเคมีสมัยใหม่หรือดินควันน้อยมีอุปนิสัยอันแตกต่างกับดินดำเห็นได้ขัดคือ เมื่อนำดินดำและดินควันน้อยในปริมาณเท่าๆกันมากองไว้ในที่กลางแจ้งแล้วเอาไฟจุด ก็จะพบว่าดินดำลุกพรึบโดยไวและส่งควันให้คล้องออกมากมาย แต่ดินควันน้อยนั้นลุกไหม้เรื่อยๆไปในอัตราไวซึ่งต่ำกว่าการเผาไหม้ของดินดำและจะปรากฏมีควันออกมาบ้างเล็กน้อย นี่แสดงให้เห็นว่าในที่กลางแจ้งซึ่งอากาศถ่ายเทไปมาได้โดยสะดวกนั้นดินควันน้อยไม่มีพิษสงน่ากลัวแต่อย่างไร แต่ถ้านำดินนี้ไปอัดในที่จำกัดเช่นในลำกล้องปืน ดินนี้จะกลับกลายเป็นดินซึ่งลุกไหม้และแปรสภาพเป็นแก็สได้โดยว่องไว ส่งกำลังได้สูงกว่าดินดำหลายเท่า
ดังได้กล่าวมาก็จะทำให้เกิดการเข้าใจได้แจ่มแจ้งแล้วว่าดินดำนั้นถือกำเนิดมาจากสมุฏฐานอันต่ำ เพียงแต่ใช้ความร้อนและการเผาไหม้ขับไล่ เร่งและอุ่นแก็ส อ๊อคซิเจน จากดินประสิวให้ขยายตัวเป็นกำลังขับดันกระสุนเพียงแต่เท่านั้นส่วนดินควันน้อยมีสมุฏฐานอันสูงซึ่งถือกำเนิดจากวัตถุระเบิดโดยตรงเลยทีเดียว ดังนั้นขอบข่ายในการค้นหาศิลปมาทำการปรับปรุงดินเพื่อมาใช้ให้เหมาะสมกับกรณีแวดล้อม และเหตุการณ์ในด้านดินดำจึงมีขอบเขตอันจำกัด ไม่กว้างขวางเหมือนในด้านดินควันน้อย ศิลปในการค้นคิดและปรับปรุงดินควันน้อยเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อันแท้จริงอย่างหมดจดเพื่อการใช้ในต่างกรณีตั้งแต่เริ่มแรกจวบจนถึงปัจจุบัน มีอาณาเขตอย่างกว้างขวางและยังไม่มีการจบสิ้น ซึ่งศิลปทั้งหลายเหล่านี้ได้ถูกปกปิดเป็นความลับอย่างยิ่ง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 08, 2008, 08:16:21 AM โดย FABBRI »
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2008, 07:26:29 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2008, 07:34:37 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2008, 07:38:03 PM » |
|
.30-06 Springfield [ 7.62x63 mm]E205 8876 8872 8938
กระสุน .30-06 นั้น เป็นกระสุนที่ ชาว แยงกี้ มีความภาคภูมิใจ อย่างมาก ที่ได้ออกแบบกระสุน นี้ เมื่อ กว่า 100 ปี มาแล้ว (ก็อาศัย รูป แบบและ จานท้าย จาก Mauser ต้นตำหรับ ) มันสามารถ ใช้ เป็นทั้ง กระสุน สังหาร มนุษย์ และ สัตว์ ได้เป็นอย่างดี อันหาที่ติ มิได้ เลย
ในสมัยก่อน ถ้าท่าน อยาก เป็น นักเล่น ปืนไรเฟิล แล้ว ปืน ไรเฟิลขนาด .30-06 จะเป็น อันดับแรก ที่ มันแวบเข้ามาในสมอง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้อง .223 หรือ .308 ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ กระสุนหาง่ายราคาไม่แพง เนื่องจาก เป็นกระสุนที่ใช้ในทางราชการ แม้น กระสุนเชิงพานิช ก็มีมากมาย อันเนื่องจากความนิยม ในกระสุนขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อ อะไร เช่น Win Rem Norma เป็นต้น ก็จะอยู่ที่ประมาณ 12 บาท ในขณะ ที่ กระสุนลูกซอง นัดละ 2.50 บาท- 3 บาท แต่ ถ้าซื้อ กระสุน ขนาด .30-06 ยี่ห้อ RTA แบบ เป็นสาย มีหัวทาสีดำ หัวทาสีแดง สลับ หรือ แบบเป็นซองเหล็ก บรรจุ 8 นัด ก็จะ ราคาแค่ 1 บาท -1.50 บาท เท่านั้น
แต่ท่านเอ๋ย ปืน ขนาดนี้ ที่พบส่วนใหญ่ ภายนอกจะดู สวย อย่าง นางงามตู้กระจก ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง จนถึง ผี มะขาม สนามหลวง แต่ ภายในลำกล้อง ของปืนเหล่านั้น กว่า 70 % -80% จะเสียหาย หมด อันเนื่องมาจากกระสุนนัดละ 1 บาท ไม่ใช่ยิงมากจนเสีย เพราะ เกลียว และ คอรังเพลิงสึก แต่มันเกิดจาก สนิมกินจนเสีย อันเนื่องจากการ ใช้งานแล้วไม่ชำระ ให้ สะอาด หรือ สะอาดแล้ว แต่หลงลืม ตรวจดูบ่อยๆ จึงทำให้ กุดถัง เกาะกิน แต่ก็มีที่ ใช้แล้ว ล้างทำความสะอาด ให้ถูกต้อง และ หมั่นตรวจดู บ่อยๆ ก็จะไม่มีปัญหานี้
และ ในสมัยก่อนยังมีการล่าสัตว์ กันอยู่ กระสุนขนาดนี้ จัดว่าเหมาะ สำหรับ เมืองไทย เป็นอย่างยิ่ง เพราะ จะมีแต่ สัตว์ขนาด เล็ก ถึงกลาง ให้ล่า ในดงทึบ หรือ ส่องไฟ จากรถระยะไกล แต่ถ้าเป็น สัตว์ใหญ่นั้นเล่า ที่มักจะพบเห็นได้ยาก แต่ก็ไม่มีปัญหา สำหรับพราน ที่ชำนาญ ที่จะใช้มัน ทำงาน ให้ได้ผล
พวกที่ ชอบเที่ยวป่า มักจะคุยกัน ว่า ถ้าจะมีปืน เพื่อ เที่ยวป่าแล้ว จำเป็นต้องมี ปืน ขนาด ดังต่อไปนี้ เพื่อ ครอบครู ไม่ใช่ ต้อง ครอบคลุม คือ ลูกกรด .22 ลูกซอง ขนาด 12 .30-06 .375 H&H Mag และ ใหญ่ กว่า .400 ขึ้นไป ถ้า มีปืน เหล่านี้ ใน คณะท่องป่า แล้ว พบเห็นอะไรก็ จัดการ ได้หมด ยกเว้น ไดโนเสาร์ หรือ เจ้าพญา อนาคอนด้า ต้อง ใช้ ธนูติด TNT เรื่องความแม่ยำ คงไม่ต้อง พูดถึง เพราะ มันเคยถูกใช้ การแข่งขัน ยิงปืน หรือ ยิงคน ในระยะไกล มาก่อน ที่จะมีกระสุนแบบแปลกๆ ใหม่ ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ปลอกกระสุน ขนาด .30-06 ยังถูกนำไปดัดแปลง ไปทำให้เกิดกระสุน แบบใหม่ๆ ขึ้นมา อีกมาก โดยเฉพาะ Western Caetridge [ Winchester] เช่น.243 win .270 win .308win .358 win .35 whelen เป็นต้น
เรา มาอ่าน บท วิจารณ์ ของ ท่าน วิจิตต์ กันดีกว่า ถึงแม้ จะเขียนมา กว่า 50 ปี แล้วก็ตาม และขอมูลบางอย่างเปลี่ยนไป บ้างแล้ว แต่ก็ไม่ล้าสมัยเสียที่เดียว
กระสุนขนาด .30-06
กระสุนขนาด .30-06 นี้ จัดได้ทีเดียวว่าเป็นกระสุนอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ในด้านอาวุธปืนขนาด .30-06 เท่ากับ 7.62x63 ม.ม. ชีวิตของมนุษย์จำนวนแสนๆจำนวนล้านๆ ได้มอดม้วยสิ้นสุดลงเพราะกระสุนนี้ ปืนไม่น้อยกว่า 20 ล้านกระในโลกปัจจุบัน เป็นปืนที่ใช้กระสุนนี้ทั้งนั้น กองทัพบกของอเมริกาทั้งกองทัพใช้ปืนยาวไรเฟิลขนาดนี้ในการรณชัยเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 และเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้อยู่
คู่แข่งขันน่า สพึงกลัวก็คือ กระสุนขนาด .308 ซึ่งในด้านขีปนวิทยานั้น มีวิถีกระสุนเป็นแบบเดียวและอย่างเดียวกัน แต่อาวุธปืนสำหรับกระสุนนี้มีใช้ไม่มากนัก ถึงแม้ว่ากองทัพของสหประชาชาติในด้านยุโรปจะใช้เป็นอาวุธประจำของทหารราบทั้งหมดก็ตาม
ในประวัติศาสตร์ของการล่าสัตว์ของปืนไรเฟิลแล้ว กระสุนขนาด .30-06 ก็ได้ทำเกียรติประวัติอันงามที่สุด ซึ่งจัดว่าเป็นเกียรติอันงามของประวัติการล่าสัตว์ของโลกด้วยอันหนึ่ง นั้นก็คือ
เมื่อในฤดูร้อนของปี ค.ศ.1909 ณ ป่าแห่งหนึ่งในมณฑลภาคตะวันออกของประเทศแอฟริกา มีบุรุษหนวดงาม คางสี่เหลี่ยม รูปร่างแข็งแรงผู้หนึ่ง กำลังแกะรอยล่าสิงโตอยู่ ถึงแม้ว่าจะพยายามสอดส่ายสายตาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งก็ตาม แต่ก็หาสังเกตเห็นเจ้าสิงโตตัวนั้นซึ่งอยู่ในระยะใกล้ๆข้างหน้าไม่
ทันใดนั้นเอง สิงโตก็เผ่นลุกขึ้นตั้งท่ากระโจนตะครุบด้วยสัญชาตญาณของนักสู้ เขาก็ยกปืนไรเฟิลขนาด 30 แบบ 1903 สปริงฟิลขึ้นยิงถูกสิงโตตัวนั้นตรงหน้าอก ทำให้มันผงะหงายกลิ้งและดิ้นสิ้นชีวิตลงต่อหน้าเขาในขณะนั้น จากการตรวจบาดแผลดูก็ปรากฏว่า ปอดของมันเต็มไปด้วยเลือดอันเกิดจากการช็อคทางระบบน้ำนั่นเอง
ชายผู้นั้น เมื่อกลับบ้านเกิดเมืองนอนของเขาแล้ว ก็ได้ประพันธ์สารคดีชิ้นหนึ่ง ยกย่องปืนขนาดนี้เป็นอย่างยิ่ง ในวรรณกรรมนั้นได้บรรยายว่า ปืนขนาดนี้เป็นปืนซึ่งเขารักและชอบมากที่สุดในจำพวกปืนทั้งหลายทั้งหมดที่เขามีอยู่
ชายผู้นั้นคือ ท่านประธานาธิบดี รูสเวลท์ ของประเทศ อเมริกานั่นเอง
ท่านประธานาธิบดี รูสเวลท์ จัดว่าเป็นบุคคลแรกผู้หนึ่งซึ่งใช้กระสุนขนาด .30-06 ในการล่าสัตว์ใหญ่
นักล่าสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่หลายท่าน นอกจากท่านประธานาธิบดีก็ได้ค้นพบอานุภาพอันมหัศจรรย์ของกระสุนขนาดนี้ และก็พอใจและชอบใจมันเป็นอย่างยิ่ง
ในปัจจุบัน กระสุนขนาด .30-06 จัดเป็นกระสุนสำคัญที่สุดของโลก เสียงของมันดังกังวานและคำรามตลอดระยะเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 มี มันก็จะคำรามต่อไป จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่คอยดู
หัวกระสุนของกระสุนขนาด .30-06 ก็มีหลายแบบหลายอย่าง และน้ำหนักก็ต่างๆกัน เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ให้ได้มากโอกาสมากสถานการณ์ ในจำพวกกระสุนปืนด้วยกันแล้ว แบบและศิลปในการสร้างของกระสุนขนาดนี้มีมากที่สุด ดังนั้นปืนขนาดนี้จึงเป็นปืนที่นิยมใช้กันมากที่สุด
น้ำหนักของหัวกระสุนมีตั้งแต่ 110, 145, 150, 160, 172, 180, 190, 200, 220, และ 225 เกรน แต่หัวกระสุนหนัก 110, 150, 180, และ 220 เกรน เป็นหัวซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก ในระหว่างหัวกระสุนทั้ง 4 น้ำหนักที่กล่าวถึงนี้ กระสุนขนาด 110 เกรน นิยมใช้กันมากในการล่าสัตว์เล็กๆในทุ่งกว้างมีอัตราความเร็วต้นถึง 3,420 ฟุตต่อวินาที
แต่ในการล่ากวางในทุ่งกว้างนั้น มักนิยมใช้กระสุนขนาด 150 และ 180 เกรน ซึ่งได้ผลแน่นอนกว่าขนาด 110 เกรน สำหรับการล่าสัตว์ในประเทศไทย ในทัศนะของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าชอบกระสุนขนาดหนัก 220 เกรนมากที่สุด จากการที่เคยผ่านชีวิตในการทำป่าไม้ และการล่าสัตว์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้พิจารณาเห็นแล้วว่า ถ้าไม่ต้องการจะทำการล่าช้างและยิงช้างกันแล้ว ข้าพเจ้าจะสามารถเดินท่องเที่ยวไปในป่าของประเทศไทยทุกแห่งทุกตำบลด้วยความอุ่นใจด้วยปืนและกระสุนขนาดนี้ ที่กล่าวนี้ใช่ว่าข้าพเจ้ารักและชอบปืนขนาดนี้ปืนไรเฟิลที่ข้าพเจ้าชอบและรักมากที่สุด และได้ใช้ยิงมากที่สุดคือปืนไรเฟิล อัดลม ขนาด .22 แล้วปืนที่ใช้กับ กระสุน ขนาดนี้ละครับ
ปืนกระบอกนี้ เป็น ของท่าน วิจิตต์ ที่ เขียนถึง ใน เรื่อง จงอ่าน รอดตายเพราะศูนย์ กล้อง
เป็นปืนที่ไม่ธรรมดา เพราะ มันคือ ปืน win Mod 70 Pre 64 Super Grade Featherweight ที่มีจำนวนการ ผลิต 321 กระบอก และ กระบอกนี้ ก็เป็น 1 ใน 321 นั้น มาดูซิหน้าตามันเป็น อย่างไร สภาพ ภายนอก ก็ พอไปวัดไปวาได้ตอนสายๆๆ แต่ ภายใน นั้นเล่า ก็ ขนาด ผีมะขาม สนามหลวง ทำงานแล้วไม่ค่อยจะยอมล้าง ก็ เลย อมโรค จากปืนที่ไม่ธรรมดา ก็เลย เป็น ปืนอมโรค ธรรมดา ๆ ฝาปิด ซองกระสุน ก็ เป็น อัลลอย ครับ ถ้าจะบอกว่ากระสุนขนาด .45 LC และ .44 WCF [ .44-40 Winchester] เป็นกระสุนที่ สร้างชาติอเมริกา แล้วละก็กระสุนขนาด .45 ACP และ .30-06 ก็คง ต้องเป็นกระสุนที่ สร้าง ประเทศ มหาอำนาจ ให้อเมริกา หลังจาก สิ้น สงครามโลก ครั้งที่ 2 แล้ว ก็เกิดอาการ เสร็จศึก ฆ่าอาชา เสร็จนา ฆ่า โคถึก ( ผิดหรือเปล่า ถ้าผิดกรุณาช่วยท้วงติงด้วยครับ) คือ ประมาณในปี 1950 ทางกองทัพแยงกี้ เห็นว่า กระสุน .30-06 มีขนาดความยาว และหนักมากเกินไป จึงได้มีโครงการ หากระสุนที่ มีอนุภาพ การทำลายที่ไม่ต่างจาก กระสุนขนาด .30-06 แต่ มีขนาดกระทัดลัด ลง เพื่อการขนส่งกำลังบำรุง จึง เกิด โครงการ T-65 ขึ้น และในขณะนั้น ก็มี องค์การสนธิสัญญา นาโต้ ขึ้น เพื่อ ให้เป็นอันหนึ่ง ตัวเดียวกัน ก็เลยตกลง กันว่า จะให้ใช้ กระสุน ขนาดเดียวกัน เพื่อ ใช้ร่วมกัน ในการช่วยเหลือ ทำให้เกิด กระสุนขนาด 7.62 x51 mm NATO หรือ.308 win ส่วนตัวปืนนั้น ประเทศใครประเทศมัน บริษัทปืนประเทศไหน ยัดเงินอุดหนุนได้มากกว่า ก็ ซื้อจากเขาก็แล้วกัน ไม่ว่ากัน กว่าที่ แยงกี้จะรับ 7.62X 51 เข้าประจำการ ก็ล่วงเลย เอาจนปี 1957 ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ ต้องระบาย ไอ้เจ้า M 1 หรือ ปลยบ 88 ออกจาก ประเทศให้มากที่สุด เพราะ ช่วงสงครามโลก ทำไว้มาก เก็บไว้ก็หนักประเทศ จึง แต่งตัวเป็น คราบ นักสังคมสงเคราะห์ เอา ไป จำหน่าย จ่ายแจก ให้กับประเทศ ด้อยพัฒนา ได้ทั้ง เงิน ทั้งหน้า และ ระบายขยะออกไป จากประเทศ เพื่อ ที่จะรับ เจ้า M -14 กับ M 60 เข้าคอก แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น เพราะ มี กระสุน .223 ที่มาแรง ในสงคราม อเมริกาใต้และ เวียดนาม จวบจนถึงปัจจุบัน และเป็นกระสุนที่ ข้าพเจ้าไม่ชอบ เลยไม่เล่า เจ้า 7.62 NATO [.308 win] นี้ รูปทรง องค์เอว จะเหมือน หรือเกือบเหมือน กับเจ้าโคเฒ่า .30-06 ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนัก (หัวกระสุน) ความเร็ว และ การสังหารในระยะต่างๆ ตามที่ กองทัพต้องการ แต่ที่ ต่างกันกับ .30-06 ก็ เป็นเพียง ขนาดความยาวเท่านั้น ที่ .30-06 ถูกตัดให้สั้น เพื่อ การขนย้าย ให้ได้มากขึ้น นั่นในแง่ ของทางการทหาร แต่ที่จริงแล้ว กระสุนขนาดนี้ ถูกออกแบบโดย โรงงาน Winchtester เมื่อปี 1952 และ บังเอิญ ดันไปเข้า ตา กรรมการ ของโครงการ T-65 เข้าก็เลย ไปโลด เพราะ ผลประโยชน์ ร่วมกัน ขอใช้วาทะของนักการเมือง หน่อย ว่า มันโยงใย เหมือนกัน จาก ประท้วงจุดนี้ หรือ ด่ากันจุดนั้น ไม่ว่า สูงต่ำซ้ายขวา ถ้าผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว ไซ้ จูบปากกันได้ตลอดเวลา หน้าจอ ด่ากัน หลังจอ จูบปากกัน รักกันปานจะ แหก-----ดม เอาตายละหว่า กำลังคุยเรื่อง .308 อยู่ดี หาเรื่อง ให้ถูก ลบ ชื่อ แล กระทู้เสียนี่ ท่านประธาน ที่เคารพ ผมขอ พูดน้ำลาย ฟูมปากต่อนะ ขอรับ และ ปืนกระบอกแรก หรือ กลไกการ ยิงกระสุน ขนาดนี้ ก็หนีไม่พ้น Win Mod 70 Pre 64 และ Mod 88 Lever Action จนในปี1954 ก็ เข้าสู่โครงการ T-65 กว่า ปืน M 14 จะ บรรลุ จุด สุดยอดก็ เข้าไปปี 1957 ช้าจังนะเธอ แต่ ใน หมู่ นักล่า แล้วมันไม่เป็นที่ถูกใจนัก มีอย่างเดียวเท่านั้น ที่ถูกใจ ก็ คือ มีของ ฟรี หรือ ราคา ถูกไว้ยิงเล่น สาเหตุที่ไม่ถูกใจนักล่า เพราะ มันเป็นกระสุนที่ ถีบ แบบไม่มีสกุล รุนชาติ เอาเสียเลย ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ ปลอกกระสุนถูกตัดให้สั้น ทำให้ห้องเผาไหม้ดินปืนแคบลง จึงจำเป็น ให้ ต้องรีบ ๆทำให้เกิดการเผาไหม้ที่เร็วขึ้น เขื่อนก็พังถล่มทะลาย นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ แทนที่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไหนๆก็เสียเงินแล้ว รีบไปทำไม ไม่เหมือนกับ .30-06 ที่มีห้อง เผาไหม้ที่กว้าง กว่า จึงทำให้เกิดอาการช้า ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ .308นั้น เธอ ทั้งตบและถีบที่ ด้วย อารมณ์ ขุ่นมัว เพราะ รวดเร็วเกิน ไป มิใช่มีแต่ .308 win เท่านั้นยัง มี กระสุนชนิดนี้ อีกหลายแบบ เช่น .300 win .458 win เป็นต้น
และคำถามต่อมา ว่า .308 ชายเอเชียร่างเล็ก มะขามข้อเดียว นั้น จะไปฟัดกับ แหม่ม .30-06 ร่างสูงยาวเข่าดี ดั่ง พระอภัยกับนางผีเสื้อสมุทร ได้ไหม โปรดติดตามตอนต่อไป หลังจาก จบเรื่องกระสุนที่ ข้าพเจ้าชอบ ถ้าไม่ทวงถามก็ ตัวใครตัวมันนะ ขอรับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
|
Beer Hunter
ชาว อวป.
Full Member
คะแนน 14
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 150
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2008, 08:20:54 PM » |
|
ชอบมากครับ มาต่อเรื่อยๆนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
witthaya *รักในหลวง*
หวังเหวิดทุกคน
ชาว อวป.
Full Member
คะแนน 7
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 222
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2008, 06:43:58 AM » |
|
มาเก็บความรู้ครับ
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมลูกครึ่ง สุราษฎร์ + กระบี่ ครับ
|
|
|
ruchi
ชาว อวป.
Full Member
คะแนน 59
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 394
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2008, 10:18:51 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ในใจอยากได้สิบ
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 07:35:19 PM » |
|
.375 H&H Magnum เรากำลังคุยกันถึง .375 แม็ก ใหญ่ๆยาวๆ นะครับ ไม่ใช่ .357 แม็ก จุดจู๋ ถ้าเอ่ยถึง ไรเฟิล .375 แม็ก แล้วละก็ ทุกท่านจะพูดเป็นเสียงเดียว กัน ว่า ไอ้หมอนี้ มันจะเอาไปยิงช้าง ที่ใกล้จะหมด จาก ป่าไม้ ป่าไผ่ เป็นแน่ๆ นั่นมัน ยุคก่อน 1960 และ ป่า สับปะรด ที่กุยบุรี ยุค มิเลเนี่ยม แต่ไม่ยักกะหมดจาก หนอง RCA หรือ หนอง พัฒพงษ์ ใน ป่าคอนกรีต ยุค 2006 อย่าคิดมาก ทุกคนมีสิทธิ์ นึก มี สิทธิ์ คิด แต่ แต่ มีสิทธิ์ทำ มีสิทธิ์ยับยั้ง หรือไม่นั้น ก็อีกเรื่อง เอ้าถึงไหนแล้ว อ้อ ถึงว่า ทำไมปืน ขนาดนี้ จึง เป็นปืน ที่มีอยู่ในตู้ ปืน ของ พราน ทุกท่าน ที่มีปืน มากกว่า 1 กระบอก ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ มัน สามารถ ล่าสัตว์ ได้ทุกชนิด ในโลก ดั่ง พระอภัย ยิงนางเงือก จนท้อง หรือ นางผีเสื้อสมุทรจนพุงใหญ่กว่าเก่า มันไม่ใหญ่เกินไปสำหรับสัตว์ ขนาดเล็ก และ ไม่เล็กเกินไปสำหรับ สัตว์ ขนาด ใหญ่ ถึง ใหญ่มาก มันแล้วแต่ ลีลาและชั้นเชิง ใช่ไหมท่าน มันถือกำเนิด ที่ เกาะ อังกฤษ เมื่อปี 1912 โดย โรงงานปืน Holland & Holland มันเป็นหนึ่งในกระสุน ต้นแบบ ที่ มีเข็มขัด ไม่มีขอบ และ แถมเป็นกระสุน แม็กนั่ม อีกต่างหาก ปรมาจารย์ นักล่าหลายท่าน ไม่ว่า จะเป็นรุ่นเก่าเฉกเช่น John Taylor James Mellon หรือ รุ่นใหม่ อย่าง Craig Boddington Peter Capstick ทุกท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า กระสุนขนาดนี้ เป็น All round Cartridges คือมีขนาดเดียว ท่องทั่งโลก
มันเป็นกระสุนที่เล็กที่สุดที่ ทางการ ทวีปอัฟริกา อนุญาต ให้ใช้ล่า Big Five ได้ นอกจากนี้ มันยังเป็นปลอกต้นแบบ (ปลอกขนาดเดียวกับ .300 H&H Mag แต่.300จะเรียวกว่า) ที่ถูกนำไป ทำกระสุน ขนาดอื่นๆ อีกมาก มาย เช่น 7 mm Rem Mag 8mm Rem Mag .416 Rem Mag .458 Lott และเมื่อ นำปลอก .375 H&H Mag นี้ มาตัดคอออก ให้เหลือความยาว 2.5นิ้ว มันก็จะเป็น .458 Win Mag แล้วถ้าลด บ่า บีบหัว ลงก็จะได้ขนาดต่อมา .338 Win Mag .300 Win Mag .264 Win Mag เป็นต้น
ปืนขนาดนี้ที่พบในเมืองไทย มักมี 2 ลักษณะ
รูปลักษณ์ ภายนอก
1 สุดสวยใหม่เอี่ยม แม้นจะอายุมากแค่ไหน เพราะ ได้แต่ตั้ง และนอน อยู่ในตู้ เอาไว้คุย 2 สุดโทรม จนหาที่ติมิได้ เพราะ ใช้ลากถูลู่ถูกัง ในป่าดงพงไพร นอนกลางดินกลางน้ำ
แต่ที่เหมือนกัน อยู่อย่าง คือ อู่เครื่องใน จะใหม่มาก เป็นสาว เอาะๆๆ เพราะ ได้แต่พาออกงาน แต่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ยี่ห้อนั้น มีพบมากหลาย ชนิดที่ไม่น่าจะมีก็มี พวก Winchester , Remington , CZ , Sako , Ruger เป็นเรื่อง ธรรมดา ยากขึ้นไปหน่อย ก็ FN , Anschutz , Colt- Sauer, Anton Sodia Ferlach , Dakota , Mannlicher-Schoenauer M72 Heym , นอกจากนี้ก็มีที่หายากมากๆก็ H&H Westley Richards Rigby เป็นต้น
กระสุนขนาด .375 แม็กนั่ม ในความเห็น ของท่าน วิจิตต์
ถ้าใครพูดว่าปืนไรเฟิลซึ่งใช้กระสุนขนาด .375 แม็กนั่ม มีแรงสะท้อนถอยหลังไม่มากหรือไม่แรง ท่านอย่าไปเชื่อเขา มีนักล่าสัตว์ชาวตะวันตกผู้หนึ่งกล่าวว่า ความสะเทือนในการยิงกระสุนขนาด .375 แม็กนั่มนั้นทำให้ของ 4 สิ่งตกถึงพื้นดินในเวลาเดียวกัน เขาได้อธิบายว่าในฤดูหิมะตกฤดูหนึ่ง เขาใช้กระสุนนี้ยิงกวางตัวหนึ่ง เมื่อเขาลั่นปืนไปแล้วปรากฏว่าตัวเขาเองหงายท้องเพราะแรงถีบของปืน ปืนของเขากระเด็นหลุดจากมือไปทางหนึ่ง กวางซึ่งถูกกระสุนก็หงายท้องนอนตายทันที และหิมะซึ่งเกาะตามกิ่งไม้และใบไม้ของต้นไม้ซึ่งเขายืนยิงอยู่ใกล้ก็ล่วงกราวลงมายังพื้นดินหมด เพราะแรงสะเทือนของปืน
ถ้าท่านปรารถนาจะใช้ไรเฟิลเพื่อการล่าสัตว์อย่างจริงๆ และในกรณีที่ท่านมีโอกาสหาปืนประจำตัวได้เพียงกระบอกเดียวท่านควรพิจารณาใช้ปืนขนาด .375 แม็กนั่มของฮอลแลนด์แอนด์ฮอลแลนด์เถิด การเลือกปืนใช้ของท่านจะไม่ผิดเลย และจะจัดได้ว่าเป็นการเลือกที่ดีที่สุด
ถ้าท่านมีโอกาสหาปืนได้หลายกระบอกแล้วควรจะพิจารณาใช้ขนาดอื่นๆ ซึ่งเล็กกว่าและเหมาะกว่าก่อนแล้วจึงจะมาหาขนาด .375 แม็กนั่มที่หลังสุด เมื่อท่านใช้ปืนไปนานๆท่านจะพบว่าโอกาสที่จะใช้กระสุนขนาดนี้มีน้อยมาก และปืนขนาดนี้จะเป็นปืนซึ่งท่านใช้ยิงน้อยที่สุด
จากการใช้อาวุธของข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าขอกล่าวว่า แรงสะท้อนถอยหลังหรือแรงถีบของ .375 แม็กนั่มนี้น่าดูทีเดียว ถ้าจะเทียบในความรู้สึกของข้าพเจ้าแล้ว แรงถีบของมันก็มากกว่าลูกซองเดียวขนาด 12 ไม่เท่าไรนัก แต่ร่างกายของข้าพเจ้าดูเหมือนว่าจะสู้ไม่ไหว ข้าพเจ้าเคยใช้ปืนนี้ยิงเป้าในท่านั่งยิงเพียง 10 นัดติดๆกันเท่านั้น ก็รู้สึกปวดไหล่และคร้ามการยิงปืนนี้ไปอีกหลายวัน ในนัดแรกๆนัดที่ 1 นัดที่ 2 และนัดที่ 3 พอทนได้ พอนัดที่ 6 ถึงที่ 8 รู้สึกเต็มกลืนหน่อย ส่วนนัดที่ 9 และที่ 10 แล้วก็ดูเหมือนว่าฝืนใจยิงเลยทีเดียง กระสุนขนาด .375 ในปัจจุบันมี 2 แบบคือ
1. แบบของฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์ .375 H.& H. Magnum 2. แบบของเวเธอร์บี้ .375 W.M. ( Weatherby Magnum ) แบบของเวเธอร์บี้แรงกว่าของฮอลแลนด์ก็จริง แต่มีผู้นิยมใช้แบบของฮอลแลนด์มากกว่า ขนาด .375 นี้ เป็นชื่อที่นิยมหรือแต่งตั้งขึ้นมาใข้เรียกแบบของกระสุนเท่านั้น ขนาดอัน แท้จริงของกระสุนคือขนาด 9.5 มิลลิเมตรซึ่งใหญ่กว่าขนาด .38 เสียอีก ขนาด .38 เท่ากับ 9 ม.ม.
ปืนและกระสุนขนาด .375 แม็กนั่มนี้ บริษัทฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์จำกัด แห่งกรุงอังกฤษเป็นผู้คิดประดิษฐ์ขึ้นก่อนในขั้นแรกนั้นมิได้เป็นกระสุนชนิดไม่มีขอบแบบซึ่งได้เห็นและได้ใช้กันทุกวันนี้ แต่เดิมนั้นเป็นกระสุนชนิดมีขอบหรือมีริม ซึ่งเหมาะแก่การใช้ยิงในปืนไรเฟิลแฝด เนื่องจากปรากฏว่ามีผู้นิยมใช้กันมาก ดังนั้นบริษัทฮอลแลนด์จึงคิดประดิษฐ์ดัดแปลงขึ้นใหม่ซึ่งเป็นกระสุนไม่มีริมดังปัจจุบัน สำหรับใช้กับปืนไรเพิ่ลที่ต้องใช้แม็กกาซิน ดังนั้นพึงจำไว้ว่ากระสุนขนาด .375 แม็กนั่มของฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์มี 2 แบบ อย่านำไปใข้ยิงแทนกันเข้า แต่แท้จริงก็ใช้แทนกันไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบอานุภาพและกำลังแรงของดินกันในระหว่างแบบมีขอบรุ่นเก่าและแบบไม่มีขอบรุ่นใหม่แล้ว อานุภาพของกระสุนรุ่นใหม่ชนิดไม่มีขอบดีกว่าและมีกำลังแรงมากกว่า
ในด้านรสนิยมในทางล่าสัตว์ ถ้าจะเปรียบกระสุนแบบนี้กับกระสุนขนาด .30-06 แล้วก็มีผู้กล่าวว่า ปืนขนาด .30-06 เหมาะแก่การล่าสัตว์ทั่วไปในประเทศอเมริกาเท่านั้น ส่วนปืนขนาด .375 เหมาะกับการล่าสัตว์ทั่วไปในโลกเลยทีเดียว
กระสุนที่นิยมใช้กันมี 3 แบบคือ
1. กระสุนหัวอ่อน ( Soft Point ) 2. กระสุนหัวเงิน ( Silver-tip ) 3. กระสุนหัวแข็ง ( Full Patch ) ในทัศนะหรือในการใช้ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบใช้กระสุนหัวอ่อนขนาด 270 เกรน เป็นประจำอยู่สำหรับในการบรรจุกระสุนเพื่อการล่าสัตว์ ส่วนกระสุนหัวเงินหนัก 300 เกรนนั้นใช้บ้างบางครั้งบางคราวเท่านั้น ในการยิงกระทิง แต่กระสุนหัวแข็งขนาด 300 เกรนยังไม่เคยใช้ยิงในการล่าสัตว์เลย เพราะหาโอกาสใช้ได้อยากและยังไม่คิดจะใช้ กระสุนหัวอ่อนขนาด 270 เกรน มีแรงสะท้อนถอยหลัง หรือแรงถีบน้อยกว่ากระสุนหัวเงินขนาด 300 เกรน และน้อยกว่ากระสุนหัวแข็งขนาด 300 เกรน กระสุนหัวเงินและกระสุนหัวแข็งมีแรงถีบเท่ากัน เพราะน้ำหนักของหัวกระสุนเท่ากับ 300 เกรน เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
หลวงริน - รักในหลวง
ถ้าวันนี้ทำดี...เรื่องพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกังวล
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 688
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8829
อยู่คนเดียวให้ระวังความคิดอยู่กับมิตรให้ระวังวาจา
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 08:26:02 PM » |
|
ขอบคุณครับพี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
glock19
มีศีล ... มีสมาธิ ... มีสติ ... จะมีปัญญา
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 39
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1441
glock19
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 09:10:19 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Glock19
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 09:24:36 PM » |
|
เมืองไทยมีครับ ประเภท ใบป4 ถูกต้อง แต่ปืนไป ต่อ เมืองนอก
และ ปืน อยู่เมืองไทย แต่ ป4 ตกชั้นถูกลดขั้น เป็น 450
เอาไว้ยิงอะไร ก็ ยิงทุกอย่างทั้ง เคลื่อนไหวได้และไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คนยิงถูกถีบ หน้าหงาย ก่อน ผู้โดนยิงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 1960
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 22591
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2008, 11:44:36 PM » |
|
ท่านพี่ FABBRI พอมีภาพกระสุน Soft point กับ Silver-tip ขนาด .375 H.&H. Magnum เทียบกันให้ชมไหมครับ... ไม่ต้องเคาะหัว ผ่าปลอกอย่างครั้งก่อนก็ได้ครับพี่...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายต้นงิ้ว
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 479
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 4867
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2008, 12:01:58 AM » |
|
ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากเลย รอรับความรู้ต่อครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
|
|
|
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
กระทู้: 885
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2008, 08:32:57 PM » |
|
ต้องขออภัยท่าน Rute ด้วยครับ ที่หา กระสุนขนาด .375 H&H Mag Silver Tip ไม่พบ แต่มันจะเหมือน กับ .300H&H Mag ข้างๆละ ท่าน และ ได้นำ กระสุนที่เกิด จากปลอก (ไม่ใช่ถุงมีชัยนะยะ) .375 H&H Mag มาให้ดู เป็นบางส่วน ที่หา พบครับ ท่าน ชลทุกทิศ ห้ามถาม นะครับ มีกระสุนผิด กม. หรือเปล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ
|
|
|
|