สมัยที่เขมรเสียเอกราชให้ฝรั่งเศส และไทยถูกขู่และต้องยอมเสียดินแดนให้ฝรั่งเศสไปบางส่วน รัฐบาลไทยจึงเขียนแผนที่ร่วมกับฝรั่งเศส
ขีดเส้นแดนที่สันปันน้ำ สันปันน้ำคือแนวไหลของน้ำเวลาฝนตก ลองดูตามภาพแนวสันปันน้ำของเขาพระวิหารมีลักษณะเป็นหน้าผาด้วย ซึ่งตามหลักการสากลในการแบ่งแดนนิยมใช้กัน สังเกตุได้จาก ถนน คลอง แม่น้ำ หน้าผา สันปันน้ำ ไม่ว่าจะแบ่งตำบล เขตอำเภอ จังหวัด ประเทศ แม้แต่แบ่งทวีปยังใช้แนวริมทะเล ไม่ขีดเส้นตรงถ้าภูมิประเทศตรงนั้นมีสิ่งเหล่านี้อยู่
ต่อมาฝรั่งเศสกินยาไม่เขย่าขวด เห็นเขาพระวิหารเป็นครัวซอง
ขีดแผนที่ขึ้นใหม่ให้กินแดนไทยเข้ามาในบริเวณเขาพระวิหารจนสุดทะเลโดยไม่มีไทยเข้าร่วมลงนาม ไทยตอนนั้นต้องเก็บตัวเพราะฝรั่งเศษมีเรือปืนไฟ(ไฮเทกโนโลยี่สุดๆแระเรือปืนไฟเนี่ย) จนฝรั่งเศษแพ้สงคราม
เขมรมีเอกราชอีกครั้ง เกิดการแย่งชิงอำนาจกันเอง เขมรแดง เขมรเขียว จ้าวสีหนุ(จีนหนุนหลังและตอนนั้นจีนเป็นคอมมิวนิสต์) เขมรที่หนีสงครามได้มาหลบอาศัยพื้นที่ทับซ้อนที่ว่านี้ และไทยตอนนั้นจะไล่ก็น่าเกลียดเกินไปเขาหนีสงครามมา และเจ้าสีหนุ
ได้เป็นรัฐบาลในภายหลัง ศาลโลกช่วงนั้นคือประเทศโปรตุเกตุซึ่งเข้าขากันดีกับจีน ก็ช่วงนั้นเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกัน ศาลโลกเลยให้เขาพระวิหารเป็นของเขมร โดยที่ไทยไม่ยอมรับคำตัดสิน แดนไทยเลยมาอยู่ที่บันไดหัก เขมรพยามส่งเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลก แต่ยูเนสโก้ไม่รับพิจรณาเพราะไทยยังไม่ยอมรับคำตัดสิน จนมาถึงช่วงกาลีครองเมืองนี่หละ
ที่ไปลงนามยินยอม ขนาดศาลสั่งว่าเรื่องนี้ไม่ชอบด้วยกฏหมาย สั่งให้ยับยั้ง มันยังประวิงเวลา ถ่วงเวลา จนเขาพิจณาเสร็จแล้ว และประกาศเป็นมรดกเรียบร้อย มรดกโลกจะลงทะเบียนแค่ตัวอาคาร สิ่งปลูกสร้างไม่ได้ ที่ดินบริเวณนั้นจะเป็นส่วนนึ่งของมรดกโลกด้วย
ตอนนี้เขมรกั้นแดนชัดเจนแล้ว ไม่ช้ามันคงทำถนนขึ้นอ้อมมาได้ ไทยคงยืนยิ้ม อิ่มใจถ้าไทยยื่นขอร่วมเป็นเจ้าของประสาทเขาพระวิหารร่วมกันกับเขมร ทำไมไม่ยื่นร่วมกัน คำตอบน่าจะอยู่ตรงสีแดงกับสีส้มที่ผมเน้นไว้
หรือท่านว่ายังไงครับ?? อวป ทั้งหลาย
ปล. ข้อมูลอาจมีการผิดพลาดเนื่องจากเกิดไม่ทัน แต่ศึกษามาจ้า
ที่ต่ำๆนั้นหละเขมร ที่สูงๆฝั่งไทยครับ เขมรต้องเดินปีนหน้าผาขึ้นมาครับ หน้าผาคือแนวน้ำไหลครับ หรือเส้นแดนนั้นเอง น่าจะมีแม่น้ำผ่านแบบสาระวินมันจะได้อ้างไม่ออก