เรื่องเกือบ ๗๐% ผมอาจจะดูผิด แต่ผมเขียนว่า รัฐบาล ซึ่งผมหมายถึงรัฐฯ ไม่ใช่กระทรวงการคลังที่เดียว ....
เอ... ตอนนั้น ปตท. เข้าตลาด ไม่รู้ว่าเอาเงินไปทำอะไร (ตัว ปตท. เอง) คงไม่ได้เข้าตลาดเพื่อกระจายหุ้นดี ๆ ให้คนไม่ถึง ๑ % ของประเทศกระมังครับ
ครั้งหนึ่ง เจ้าพ่อกาแฟ เพื่อนนายกทักษิณ เอาบริษัทของตัวเองเข้าตลาด โดยให้เหตุผลว่า อยากให้รายย่อยได้มีหุ้นดี ๆ ถือ .... ผมฟังแล้วไม่สนใจเลย ..... ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะเมื่อเจ้าของได้เงินแล้ว ก็ปล่อยให้บริษัทขาดทุนไป (ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเลขต่อ)
การนำ ปตท. เข้าตลาด ย่อมมีเหตุผล ... เงินที่ได้จากการขายหุ้น (สิทธิความเป็นเจ้าของ) ก็ต้องถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ....
มูลค่าของปตท. ที่เพิ่มขึ้นหลังจากเข้าตลาด ไม่ได้เกิดจากการปั่นราคาหุ้นของตลาดรอง แต่เกิดจากการดำเนินงานของตัวบริษัทเอง เมื่อคนในตลาดหุ้นเห็นผลการดำเนินงานดี ก็สนใจเป็นเจ้าของเอง .... เมื่อคนสนใจมาก แต่ของมีจำกัด ราคามันก็ขึ้น
เรื่องพื้น ๆ แบบนี้คงไม่ต้องบอกผมเคยอ่านจากที่ไหนสักแห่ง เขาบอกว่า .... รายได้จากเงินปันผลของ ปตท. เมื่อเข้าตลาดแล้ว มากกว่า รายได้จากเงินนำส่งตอนที่ ปตท. เป็นของรัฐฯ ๑๐๐% อีกครับ .... ท่านว่าความเติบโตแบบนี้ มันงอกขึ้นเองโดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่มหรือไม่ เรื่องวัตถุประสงค์ของการตั้ง ปตท. .... ผมมองว่ายังเหมือนเดิม (เหมือนตอนที่เป็นของรัฐ ๑๐๐%) โดยดูจากการที่ ปตท. "ยอม" ซื้อ LPG ราคา ๙๐๐ มาขายในราคา ๓๐๐ โดยไม่ได้มีการทำสัญญาให้มั่นเหมาะกับรัฐบาลก่อน ว่าจะต้องหาเงินมาชดเชยอย่างไร (ช่วงนั้นเห็นแต่สัญญาลม ๆ) และการ "ยอม" ลดราคาขายน้ำมันดีเซลลงลิตรละ ๑ บาท (ราคาหน้าโรงกลั่น) .... ถ้าเป็นเอกชนจ๋า จะทำแบบนี้หรือไม่ ..... ดูเจ๊เกียวเป็นตัวอย่าง น้ำมันแพง ขึ้นราคา น้ำมันลด หาตัวไม่เจอ
ผมถึงเห็นว่าการนำเอากำไรของบริษัทจากปีที่ผ่านมา ปีที่เราบอกกันว่าน้ำมันแพงหูตูบ และบริษัทน้ำมันต้องกำไรกันตูดบาน ชนิดขูดได้เป็นขูด รีดได้เป็นรีด ... ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไร ....
ท่าน Chayanin ช่วยผมหาหน่อยครับว่า ปตท. ขายหุ้นเข้าตลาดนั้น เขาเอาเงินไปทำอะไร .... ถ้าไม่ขายเอาเงิน กู้ธนาคารได้หรือไม่ .... สีแดง ผมรู้ดี แต่ไม่ใช่คำตอบที่ไขข้อคาใจ
ส่วนเรื่องที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการที่ดีนั่นแหละที่น่าห่วง สู้เป็นเศษกระดาษแล้วปั่นไปปั่นมาน่าจะดีกว่า คนเจ็บจังๆคงไม่กี่หมื่นคน
ไม่เข้าใจครับ ไม่เข้าใจว่าข้องใจตรงไหน .... ผมแค่เล่าเรื่อง เพื่อแสดงว่า การนำหุ้นเข้าขายในตลาด มันควรจะมีจุดประสงค์ทางการเงินบางอย่าง เช่น นำเงินไปล้างหนี้ นำเงินไปสร้างโรงงาน .... ใครที่บอกว่าอยากขายให้คนอื่นถือหุ้นดี ๆ พวกนี้ให้คิดได้เลยว่าโกหก .... คนขายล็อตเตอรี่ชอบบอกว่า นำรางวัลมาให้ .. ก็ถ้ามันถูกรางวัล ทำไมไม่เก็บไว้เองล่ะ
ส่วนข้อความ "ส่วนเรื่องที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการที่ดีนั่นแหละที่น่าห่วง" ยิ่งทำให้ผมงงครับ ....
... ถ้าไม่รังเกียจช่วยขยายความให้ฟังก็ดีครับ
สีเขียว ปตท.เสกเงินไม่ได้หรอกครับ คุณพูดถูกที่สุดเลย กำไรที่ได้มามันมาจากอะไร รายได้ที่เพิ่มขึ้น แล้วอะไรที่ลดลง รวมถึง ปันผลให้วัดครึ่งกรรมการครึ่งนึงซึ่งเติบโตสูงนั้น เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับคุณ ผมไม่กล้าเถียง
อะไรที่ลดลงครับ ....
และในปี 2545 ซึ่งเป็นปีแรกของการเปลี่ยนระบบจากการจ่ายเงินนำส่งเข้าสู่รัฐ เป็นการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินปันผล ปตท.ได้จ่ายเงินให้รัฐเป็นจำนวน 17,240 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2544 ที่มีการนำเงินส่งรัฐ 11,269 ล้านบาท
และในครึ่งปีแรกของปี 2548 นี้ ปตท.และบริษัทในเครือได้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินปันผล เป็นเงิน 25,911 ล้านบาท
อ้อ... กรรมการไม่ได้ปันผลนะครับ ของแบบนี้ คงทราบอยู่แล้ว ....
สีม่วง ผมมันคนทำงานกับตัวเลข ผมจะสนใจกำไรสุทธิทางบัญชี และกำไรที่เป็นกระแสเงินสด จากงบที่ผู้สอบบัญชีรับรอง
แล้วดูว่ามันไปหา ก. คลังกี่บาท ไปหา เอกชนบางกลุ่มกี่บาท ไอ้โฆษณาทวงบุญคุณ เสียงหล่อๆ ที่ออกทีวี มันไม่เข้ารูหูผมเท่าไหร่
นโยบายจ่ายปันผลของ ปตท. ดูเหมือน ไม่ต่ำกว่า ๒๕% ของกำไรสุทธิ หลังหักสารพัดแล้ว .... จะว่าไปท่านก็ทราบอยู่แล้วว่ากระทรวงการคลังมีกี่หุ้น งวดนี้ปันผล ๒ บาทต่อหุ้น ก็คูณเข้าไป ....
โฆษณาผมก็ไม่ชอบดูครับ แต่ดูจากการกระทำ ....
สีเทา ถ้าผมจะฮุป ปตท. หาก ปตท. หาเงินกู้ได้ แล้วผมจะฮุปได้หรือ ดูอย่าง TPI สิครับ
ตกลงตอนนี้กระทรวงการคลัง ถือหุ้นเท่าไหร่แล้วครับ
ถึงผมก็ทำงานกับตัวเลข แต่มันเป็นเลขฐานสอง จึงไม่ค่อยเข้าใจว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน นี่มันเป็นอย่างไร มากดี หรือน้อยดีครับ ช่วยอธิบาย
หลังปี 2540 ทุกบริษัทประสบปัญหาขาดทุน และภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะค่าเงินบาทตกต่ำลง ทำให้ภาระหนี้เมื่อคิดเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงขาลง หลายบริษัทอยู่ในขั้นไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้
ปตท.เองก็อยู่ในภาวะต ึงตัว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในอัตรา 5:1แต่ประโยชน์ที่ได้จากการแปรรูป และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ ทำให้ ปตท.ได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 26,000 ล้านบาท โดย ปตท.ได้นำมาลดหนี้สินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบางส่วน ซึ่งมีผลให้โครงสร้างทางการเงินของ ปตท. แข็งแรงขึ้น มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 : 1 ในระยะแรก
และมีเงินสดเพียงพอ สำหรับให้ความช่วยเหลือบริษัทในเครือที่ประสบปัญหาทางการเงิน