จำได้ว่าเคยอ่านผ่านตา น่าจะเป็นความเห็นเชิงรำพึงของผู้การสุพินท์
ท่านเขียนทำนองว่า เงินสองล้าน จำนวนมันน่าคิดมาก
เพราะดูเหมือนจะมากเกินไปที่จะติดสินบนระดับเจ้าหน้าที่ธุรการของศาล ซึ่งไม่มีหน้าที่หรืออิทธิพลใดๆต่อการตัดสินคดี
แต่ก็ดูน้อยเกินไปหากบังอาจคิดติดสินบนผู้พิพากษา
ผมมองเห็นทฤษฎีขึ้นมาว่า เงินสองล้าน มุ่งให้เจ้าหน้าที่ธุรการนั่นแหละ
อาจจะดูมาก แต่เดิมพันของคนที่จ่ายเงินมันสูงจนคุ้ม
มันเกี่ยวกับการมาปรากฏตัวฟังคำพิพากษา
ซึ่งไม่มี 3 ศาลเหมือนคดีเลี่ยงภาษีของคุณหญิงเมื่อวานนี้
ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้วมีผลทันที
ถ้าผิดต้องเข้าคุก ตอนเช้าใส่สูท ตอนเย็นก็เปลี่ยนไปเป็นชุดนักโทษได้แบบทำใจไม่ทัน
ถ้าเงินสองล้านนั่นสามารถเปิดทางให้เข้าถึงกลุ่มเจ้าหน้าที่ธุรการกลุ่มหนึ่ง
อาจมีการจ่ายเพิ่มอีก หรืออาจพอเพียงด้วยเงินสองล้านนั่นแหละ
เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็น หรืออาจจะได้พิมพ์ ได้ตรวจทานเอกสารคำพิพากษาของศาล
สมมติว่าข้อมูลนี้รั่วออกมาก่อนไม่ต้องนานมาก
สัก 8 ชั่วโมงก่อนกำหนดนัดอ่านคำพิพากษา
ผู้จ่ายเงินก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะไปศาล หรือจะไปขึ้นเรือเร็วที่จังหวัดสมุทรปราการดี
เงินสองล้านหรือสิบล้าน สำหรับคนที่มีเป็นแสนล้านคิดยังไงยังไงก็คุ้มอยู่ดี
ปล. ทฤษฎีนี้คิดโดยคนที่ไม่เคยรู้ว่าเวลาองค์คณะผุ้พิพากษาท่านพิมพ์คำพิพากษาท่านพิมพ์เอง หรือมีเจ้าหน้าที่ศาลช่วยพิมพ์นะครับ
หากมีผู้รู้ช่วยไขจุดที่ผมไม่รู้นี้ด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง
และมีคำถามเรื่องการดำเนินคดีของศาลเพิ่มเติมครับ
1. ถ้าจำเลยถูกนัดมารายงานตัววันที่ 11 สิงหาคม แต่ไม่กลับมาจากต่างประเทศ คดีที่ค้างอยุ่ในศาลดำเนินต่อลับหลังจำเลยได้ไหมครับ หรือต้องหยุดไว้ก่อนจนกว่าจะตามตัวจำเลยมาได้ ทั้งคดีที่ดินรัชดา คดีหวยบนดิน และคดีเงินกู้เอกซิมแบงค์
2. ถ้าจำเลยคนที่ต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ถูกจำคุก 3 ปี หายตัวไปจากเมืองไทย ตามหาไม่พบ เขาหรือกลุ่มทนายยังมีสิทธิ์อุทธรณ์คดีที่ศาลชั้นต้นตัดสินไปและมีกำหนดอุทธรณ์ภายใน 30 วันได้อยู่หรือเปล่า อันนี้แยกเป็นสองประเด็นว่าได้ยื่นอุทธรณ์ก่อนที่จะตามหาตัวไม่พบ หรือตามหาตัวไม่พบแล้วแต่ได้มอบให้ทนายมายื่นอุทธรณ์ภายหลังการหายตัว หากเขาไม่ยอมกลับมาขึ้นศาล การอุทธรณ์จะยังมีผลไหม
เฮ่อ ขอรำพึงหน่อยเถอะครับ ตอนนี้ดูเหมือนสังคมไทยจะเริ่มพูดกันแล้วว่า มีรายการ กำนันเป๊าะภาค2 หรือมีรายการวัฒนาภาค2 แน่นอน
และก็ดูเหมือนจะพูดกันจนเชื่อกันไปทั้งสังคมว่าถ้าเป็นอย่างนั้น สังคมก็ต้องยอมรับสภาพ ทำอะไรบ่มิได้
กลไกของตำรวจ หรือของ ตม. ไม่มีทางป้องกันเหตุการณ์แบบนี้เลยหรือครับ เราขอร้องหรือกดดันตำรวจไม่ได้เลยเชียวหรือ