ผมเขียนคอลัมน์นี้หลังจากที่ได้ฟัง นายสมัคร สุนทรเวช ออกมาแถลงประกาศสู้กับกลุ่มพันธมิตร พร้อมกับแต่งตั้งให้ พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกฯและรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบสั่งการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงมหาดไทย แต่เพียงผู้เดียว เพื่อผลักดันให้ผู้ชุมนุมออกจากสถานที่ราชการ และดำเนินคดีผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายทั้งหมด
ก็ไม่รู้คืนวันอังคารจนถึงรุ่งเช้าวันพุธเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรที่เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีของกรมประชาสัมพันธ์
เท่าที่ทำข่าวมาหลายสิบปี การสลายม็อบทุกครั้ง ตำรวจมักจะใช้เวลาหลังเที่ยงคืนตอนค่อนรุ่ง แต่ครั้งนี้คงจะไม่ง่ายเหมือนเดิมเพราะม็อบกลุ่มพันธมิตรมีเสนาธิการระดับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้วางแผนรับมือ และรู้วิธีการสลายม็อบเช่นเดียวกับฝ่ายสลายม็อบ
ผมได้แต่ภาวนา ขอให้ทุกอย่างจบลงอย่างไร้ความรุนแรง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่าทำให้ประเทศไทยบอบช้ำสุดๆอีกครั้งเมื่อตกเป็นข่าวให้สารพัดสื่อรายงานไปทั่วโลก ภาพพจน์เมืองไทยยับเยินแค่ไหนคงไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว นักท่องเที่ยว นักลงทุน เผ่นกระเจิง
เห็นสภาพบ้านเมืองที่อเนจอนาถแล้ว ผมก็พานคิดถึง อาเพศประเทศไทย 10 ประการ ของคุณพี่ บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขึ้นมาทันที ท่านพูดไปเมื่อหลายเดือนก่อน และบอกว่า นี่คือปัญหาของชาติ แม้จะได้คนดีๆมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยิ่งบริหารบ้านเมืองก็ยิ่งมีปัญหา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ผมขออนุญาตนำ อาเพศประเทศไทย 10 ประการ ที่ พล.อ.ชวลิต สรุปไว้ลงให้อ่านกันอีกครั้งดังนี้
1. การเมืองปัจจุบัน เป็นการเมืองเรื่องตัณหา ไม่ใช่การเมืองเรื่องคุณธรรม
2. พรรคการเมือง ทำเป็นแต่หาเสียงเลือกตั้ง แต่จัดตั้งประชาธิปไตยไม่เป็น
3. ส.ส. เป็นได้แต่ผู้แทนผลประโยชน์ของปัจเจกชน แต่เป็นผู้แทนผลประโยชน์ของปวงชนไม่ได้
4. ทหาร ทำเป็นแต่รัฐประหาร แต่ทำการปฏิวัติไม่เป็น
5. นักเคลื่อนไหว ทำเป็นแต่ม็อบ แต่ทำมวลชนไม่เป็น
6. นักวิชาการ คิดเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่คิดลัทธิประชาธิปไตยไม่เป็น
7. ผู้นำ นำเป็นแต่ม็อบและองค์กร แต่นำทางการเมือง ความคิดจิตวิญญาณไม่เป็น
8. รัฐบาล สร้างเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่สร้างประชาธิปไตยไม่เป็น
9. สื่อมวลชน สะท้อนได้แต่ปรากฏการณ์ แต่สะท้อนธาตุแท้ไม่เป็น
10. รัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นนโยบาย แต่ไม่ทำหน้าที่เป็นกฎหมาย
ความจริงอาเพศประเทศไทยอาจ ไม่ถึง 10 ประการ อย่างที่ พล.อ. ชวลิต สรุปไว้เพราะ ต้นตอใหญ่ที่ทำให้เกิดอาเพศอื่นๆ ตามมาก็คือ 3 ข้อแรก นั่นแหละ
การเมืองเรื่องตัณหา ทำให้ ส.ส.เป็นได้แค่ผู้แทนผลประโยชน์ ที่เป็นส่วนบุคคล แต่เป็นผู้แทนผลประโยชน์ของปวงชนไม่ได้ เมื่อเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง จึงแสวงหาแต่ประโยชน์เข้าตัวและเข้าพวก ทุจริตคอรัปชันโกงกินกันมูมมาม โดยไม่สนใจประโยชน์ ของประชาชนและบ้านเมือง มันจึงวิปริตอาเพศอย่างที่เห็น
ผมเห็นด้วยกับ พล.อ.ชวลิต ว่า นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ประเทศไทย ขาดผู้นำทางความคิดที่ถูกต้อง โดยเฉพาะ ผู้นำประเทศ ทำให้การเมืองไทยตกอยู่ในสภาพที่ มีรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ มีหลักการปกครองแบบเผด็จการ ทำให้อำนาจอธิปไตยตกอยู่ในมือของคนส่วนน้อย
ปัญหาใหญ่ในวันนี้วันหน้าก็คือ เราจะฝ่า อาเพศ นี้ออกไปได้อย่างไร.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=1021281. การเมืองปัจจุบัน เป็นการเมืองเรื่องตัณหา ไม่ใช่การเมืองเรื่องคุณธรรม
ถูก2. พรรคการเมือง ทำเป็นแต่หาเสียงเลือกตั้ง แต่จัดตั้งประชาธิปไตยไม่เป็น
ถูก3. ส.ส. เป็นได้แต่ผู้แทนผลประโยชน์ของปัจเจกชน แต่เป็นผู้แทนผลประโยชน์ของปวงชนไม่ได้
เป็นผู้แทนพวกตัวเอง4. ทหาร ทำเป็นแต่รัฐประหาร แต่ทำการปฏิวัติไม่เป็น
ก็ถูกอีก5. นักเคลื่อนไหว ทำเป็นแต่ม็อบ แต่ทำมวลชนไม่เป็น
อืมเนอะทำไม่แทนที่จะปลุกม็อบไม่ปลุกจิตสำนึกมวลชนให้เลิกพฤฒิกรรมที่เลือกผู้แทนเพราะเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า6. นักวิชาการ คิดเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่คิดลัทธิประชาธิปไตยไม่เป็น
กฏหมายประเทศอื่นเค้าไม่เห็นบัญญัติเอาไว้เยอะขนาดนี้บางปรเทศใช้จารีตประเพณีด้วยซ้ำอันไหนถูกทำนองคลองธรรมอันนั้นแหละถูกกฏหมาย 7. ผู้นำ นำเป็นแต่ม็อบและองค์กร แต่นำทางการเมือง ความคิดจิตวิญญาณไม่เป็น
ท่านเปรมเป็นผู้นำในทางที่ดีคนสุดท้าย หลังจากท่านเปรมก็มีแต่ผู้นำห่วยๆ เป็นตัวอย่างเลวๆกับประชาชนไทยทั้งนั้น นาย ช. เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น นาย บ.ขี้โกง นาย ชช.ปลิ้นปล้อน นายช.ล. ก็ไม้หลักปักขี้เลนเอาแน่เอานอนไม่ได้ นายทักกี้เอาความเลวของทุกคนมารวยกัน
8. รัฐบาล สร้างเป็นแต่รัฐธรรมนูญ แต่สร้างประชาธิปไตยไม่เป็น
9. สื่อมวลชน สะท้อนได้แต่ปรากฏการณ์ แต่สะท้อนธาตุแท้ไม่เป็น อืมสื่อเดี๋ยวนี้หาจรรยาบรรณยากเต็มที สังคมไทยที่มันฟอนเฟะขนาดนี้ก็เพราะสื่อเป็นเหตุหนึ่งที่ชี้นำสังคม
10. รัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นนโยบาย แต่ไม่ทำหน้าที่เป็นกฎหมาย