เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 08, 2024, 06:45:06 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "นายกเฮงซวยกับประชาชน" วลีเด็ดของ สุทิน วรรณบวร นักข่าวสายโจร  (อ่าน 3612 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 04:48:42 AM »

ระหว่างการแถลงข่าวตอบข้อซักถามของ ผบ.ทบ. เมื่อวานนี้

มีคำถามเด็ดๆโดนใจ ตอบยากหลายข้อ ไม่ว่าจะเรื่องเป็นหนังหน้าไฟ ถูกหลอกใช้ ฯลฯ

แต่คงไม่มีคำถามใดตรงใจไปกว่า คำถามของสุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของ AP

"ถ้าจะต้องแลกระหว่างการเอาทหารมาปะทะกับประชาชน
กับนายกฯ เฮงซวย เฮงซวย แค่คนเดียว ท่านจะเลือกอย่างไหนครับ"

ท่านผบ.ทบ. ตอบได้อย่างกินใจว่า  "ทหารยืนยันจะอยู่เคียงข้างประชาชนครับ"

..
.
.
มาดูกันดีกว่าว่า สุทิน วรรณบวรคือใคร
.
.
.
.
.
.
.



http://hilight.kapook.com/view/19681

สุทิน วรรณบวร นักข่าว กับคำถามที่ไม่ควรถาม!?





เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก Oknation


             เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมสุโขทัย มีการแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้สโลแกน "รวมพลังเพื่ออนาคตที่สดใส"  ของ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคประชาราช อย่างไรก็ตามหลังจากตัวแทน 6 พรรค แถลงเหตุผลเสร็จ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม และจากเหตุการณ์นี้ก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เมื่อ สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสจาก AP ตั้งคำถามที่ถามสมัครเห็นว่าไม่ควรถาม …




             ผู้สื่อข่าว : ทุกพรรคยืนยันได้หรือไม่ว่าจะเลือกคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี

             สมัคร: คำถามแบบนี้คุยกันไม่สนุก (มีเสียงหัวเราะ) ผมเคยได้รับคำถามแบบนี้ก็ไปย้อนเขา จนได้รับคำเตือนจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค ว่าคนที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรักษาถ้อยคำและท่าที เพราะฉะนั้นคำถามนี้ฟังแล้วไม่น่าถาม

             ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี) การจัดตั้งรัฐบาลถ้าไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ แล้วจะให้ถามเรื่องอะไร เพราะเมื่อจะจัดตั้งรัฐบาลก็ควรจะเปิดเผยว่า ใครจะมาเป็นนายกฯ รัฐบาลจะเอาหางมาก่อนไม่มีหัวหรือ หรือทุกคนอายที่จะให้คุณสมัครมาเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ ถึงไม่กล้าตาม

             สมัคร: (พยายามพูดแทรก) นี่! คุณรู้หรือเปล่าว่าตามรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ต้องไปเลือกในสภา พอหรือยัง

             ผู้สื่อข่าว : จะมีความชัดเจนในการเลือกนายกฯ เมื่อไหร่

             สมัคร: เขาให้เวลา 1 เดือน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้กำหนดการ ดังนั้น ยังไม่ทราบ ถามแบบนี้เขาเรียก ถามข้ามช็อต

             ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชนและจะเลือกใครเป็นนายกฯ

             สมัคร: คุณตะบันเล่นถามกันแบบนี้ ผมบอกแล้วว่าคำถามนี้ต้องไปเลือกในสภา

             ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน) แต่ชาวบ้านต้องการรู้ว่าจัดตั้งรัฐบาลแล้วใครจะเป็นนายกฯ

             สมัคร: (น้ำเสียงหงุดหงิด) ไม่รู้วันนี้แล้วเดือดร้อนใช่มั้ย

             ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน พยายามถามซ้ำ แต่ถูกทีมงานนายสมัครห้ามไว้)

             สมัคร: (หัวเราะ) ครับๆ คำถามอื่น

             ผู้สื่อข่าว : คิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านจะไม่ได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล

             สมัคร: (มีอารมณ์หงุดหงิด) คุณถามยั่วยวนกวนประสาทนี่ ถามทำไมคำถามนี้ ถามทำไม เขามาพร้อมใจกัน 6 พรรค บอกว่าจะตั้งรัฐบาล และเขาบอกว่าสนับสนุนให้พรรคเสียงมากเป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วมานั่งถามอะไรที่ไม่เป็นสาระแบบนี้ ถามยั่วยวนให้ผมตอบรุนแรงหรือไง

             ผู้สื่อข่าว : มีความกังวลกับอุปสรรค หรืออุบัติเหตุทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหรือไม่

             สมัคร: ถามแบบนี้แล้วรู้หรือไม่ว่า พรุ่งนี้ ฝนตกหรือแดดออก

             ผู้สื่อข่าว : แล้วแต่สภาพอากาศ

             สมัคร: (ย้อนตอบทันที) คำถามนี้ผมไม่ใช่ หมอดู ไม่ใช่กรมอุตุนิยมวิทยา ที่จะมาตอบในสิ่งที่ถามล่วงหน้า ถ้าอยากรู้ก็ให้ไปถามนายลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูฟันธงเอา ผมตอบแบบนี้ไม่ได้ ยั่วยวนนะ แต่ถามในสิ่งที่มีเหตุผลหน่อย

             ผู้สื่อข่าว : จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา กังวลว่ารัฐบาลผสมจะเกิดปัญหาหรือไม่

             สมัคร: รัฐบาลมีเสียง 315 เสียง ก็ควรจะอยู่ทำงานด้วยกันนานๆ ให้เวลา 4 ปี ช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และที่นินทาว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี จะแก้กันมั้ย

             ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมทั้ง 5 พรรค จะยึดหลักการใดที่จะให้นายสมัครมาเป็นนายกฯ และจะยอมรับในคุณสมบัติของนายสมัครหรือไม่ และต้องการคุณสมบัตินายกฯ แบบไหน

             สมัคร: (ชิงตอบแทนทั้ง 5 คน) คำถามยาว ไม่อยากตอบ ก็บอกย้ำแล้ว ยังถามต้องการอะไรอีก (ช่วงนั้นกองเชียร์พรรคพลังประชาชนได้ลุกขึ้นพูดว่า ขอสนับสนุน 6 พรรค ในการตั้งรัฐบาล เพื่อให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต ทำให้นายสมัครยิ้มและหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ต้องอย่างนี้สิ คนคนนี้ ไม่ใช่คนของผมนะ”)

             ผู้สื่อข่าว : คุณสมัครจะทำตามเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินได้หรือไม่

             คำถามดังกล่าวนายสมัครไม่ได้ตอบ แต่กองเชียร์พรรคพลังประชาชนตะโกนว่า “ไม่ตอบแล้วคำถามแบบนี้” ทำให้นายสมัครรีบชิงปิดแถลงข่าวทันที ขณะที่กองเชียร์ได้ตะโกนด่าสื่อมวลชนด้วยถ้อยคำหยาบคาย

             อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการณ์แถลงข่าวดังกล่าวแล้ว หลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวที่(ช่าง)กล้าถามนายสมัคร ว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะต้องเสนอชื่อ และมีการโหวต ขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับนายสุทิน เนื่องจากก่อนการแถลงข่าวดังกล่าว นายสมัครและพรรคพลังประชาชนต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี และคำถามดังกล่าวก็สมควรถามในฐานะสื่อมวลชน เพื่อหาคำตอบมาให้กับประชาชน  … เมื่อเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำถามของสุทิน ก็ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นนักข่าวที่คนอยากทำความรู้จักมากที่สุดในเวลานี้ 

             สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว AP ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี การทำหน้าที่เป็นนักข่าวสายโจรแห่งสำนักข่าวเอพี เขาต้องประสบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หาข่าวท่ามกลางลูกกระสุนมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วนตลอด เขาเป็นหนึ่งในนักข่าวเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรรอบชายแดนไทย ทั้ง ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ แม้ภายหลังย้ายทำข่าวสายการเมือง คุณสุทินก็ยังคงยืนหยัดในเจตนาอันบริสุทธ์ของความเป็นนักข่าว บวกกับปฏิภาณไหวพริบอันเยี่ยมยอด ส่งผลให้เขารอดพ้นเหตุการณ์วิกฤตและได้ข่าวที่โดดเด่นเหนือชั้นอยู่เสมอ 

             คุณสุทิน เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานข่าวสายโจรว่า คำว่านักข่าวสายโจรมีที่มาจากช่วงที่ผมเริ่มทำงานเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงที่สงครามอินโดจีนยังรุนแรงอยู่ รอบชายแดนไทยมีพวกกองโจรอยู่ทั่วไป ผมต้องประจำทำข่าวอยู่ที่นั้น พอสงครามสงบต้องย้ายกลับลงมาทำงานในเมือง ก็เจอคำถามว่าผมทำงานสายไหน ผมไม่มีสายที่ชัดเจนเหมือน สายการเมือง สายเศรษฐกิจ ผมเลยสรุปบอกเขาไปว่า ผมเป็นนักข่าวสายโจร

             ตอนที่ผมทำงานในช่วงสงครามอินโดจีนนั้น มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ ทั้งในส่วนที่เขามาเชิญให้ผมไปสัมภาษณ์ เพราะเขาต้องการสื่อสารกับคนของเขา และในส่วนที่ผมบุกเข้าไปสัมภาษณ์เขาด้วยตัวเอง แต่กว่าเขาจะมั่นใจว่าเราเป็นนักข่าวจริงๆ ก็โดนกักตัวเพื่อตรวจสอบอยู่นาน  มีหลายครั้งที่ต้องเข้าไปทำข่าวในช่วงที่เขากำลังรบกันอยู่พอดี การรบแบบกองโจร มีเสียงที่ดังน่ากลัวมาก ต่างฝ่ายต่างยิงใส่กันแบบมองไม่เห็นหน้า มีกระสุนบินว่อนเป็นร้อยๆ นัด แต่สุดท้ายก็แทบจะไม่มีใครตาย ผมเองก็ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตรอดอยู่ในบังเกอร์ พร้อมกับพวกโจรคนอื่นๆ อาศัยความตั้งใจในการทำงานจึงไม่เคยกลัวอะไร

             ต่อมาสุทินก็ย้ายมาทำงานเป็นนักข่าวสายการเมือง ซึ่งหลังจากที่มาเป็นนักข่าวสายการเมือง ก็ยังมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเพราะผมก็ยังคงเป็นนักข่าวใจกล้า พูดจาแดกดันตรงไปตรงมา หลายครั้งหวิดโดนซ้อม หวิดโดนอุ้ม จากการปะทะคารมกับนักการเมือง แต่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและดีที่สุด เราจึงต้องมีวิธีการบางอย่างที่เป็นเคล็ดลับเฉพาะตัว (เทปบันทึกรายการเจาะใจ ที่ออกอากาศเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2550 ทาง ททบ.5)

             นอกจากสุทิน จะทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนคอยหาข้อมูลข่าวสารมาให้ประชาชนแล้ว เขายังมีผลงานแปลอื่น ๆ อีกมากมาย ถึง 26 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมการเมือง อย่างไรก็ตามชื่อนักข่าวนาม สุทิน ทำให้นักการเมืองหลายๆ คนต่างกลัวและไม่อยากตอบคำถามมาแล้วหลายท่าน ….



             และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตั้งคำถามกับสมัคร ย้อนเวลากลับไปกว่าสิบปี หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 เพียง 3 วัน เขาเคยตั้งคำถามและปะทะคารมกับสมัครในกลางทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว โดยสุทิน เล่าว่า ผมถามคุณสมัครว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ตกลงพรรคประชากรไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลหรือจะลาออกจากรัฐบาล คุณสมัครตอบว่า ก็เห็นบุชสั่งฆ่าคนตายเป็นเบือในสหรัฐฯยังไม่เห็นใครถามเหมือนที่คุณถามเลย ผมก็บอกว่าคุณสมัครผมไม่ได้ถามว่าบุชฆ่าใครหรือยังไง

             และคุณเอาตัวเองไปเปรียบกับบุชมันคนละเรื่องคนละประเด็น แต่ผมถามว่าตกลงคุณจะถอนตัวหรือไม่ นายสมัคร ไม่ตอบแต่หันไปให้นักข่าวฝรั่งถาม ปรากฎว่านักข่าวฝรั่งบอกว่าเขาจะถามเหมือนที่ผมถาม ผมจึงถามต่อคำถามเดิมแต่เป็นภาษาอังกฤษ แกก็หันมาตวาดใส่ผมว่า ให้ผมหุบปากเสียบ้างสิ ผมก็บอกว่า มึงก็ควรจะหุบปากด้วย นายสมัครก็ตอกกลับผมว่า งั้นคุณมาถามผมหาหอกอะไร ผมก็บอกว่า แล้วคุณส.ใส่เกือกมาแถลงข่าวทำไมล่ะ

             เมื่อมีประเด็นปะทะคารมระหว่างสมัครกับสุทินมาก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคำถามครั้งนี้และมองว่า สุทินมีอคติ อาฆาต นายสมัคร ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าเป็นการตั้งคำถามธรรมดาทั่วๆ ไป ที่นักข่าวควรจะถาม ถ้านายสมัครไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามดังกล่าว ทำไมต้องมาเปิดเวทีแถลงข่าวและให้สื่อมวลชนถาม  ก่อนที่จะเปิดแถลงข่าวก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่านักข่าวต้องถามถึงประเด็นการวางตัวคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน … แต่ทำไมนายสมัคร ในฐานะที่คาดว่าจะเป็นผู้นำประเทศเรื่องแค่นี้ก็เก็บมาเป็นอารมณ์ ทำให้หลายคนมองว่า นายสมัคร ไม่มีวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำ และพูดจากวนนักข่าวเอง

             นอกจากจะมีวีรกรรมกับนายสมัครแล้ว นักข่าวอย่างสุทิน ในฐานะที่เป็นนักข่าวอาวุโสและทำด้านสายการเมือง ยังมีวีรกรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะกับนักการเมือง สุทิน ดับอหังการของนักการเมืองมาแล้วนักต่อนัก ด้วยความที่ไม่ยอมให้นักการเมืองบิดพริ้วชิวหา กลับกลอกหลอกชาวบ้านไปวัน ๆ เขาจึงตะลุยถามตรง ๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงประเด็น ตรงคำถาม ห้ามเฉไฉ สไตล์ของสุทิน ถ้าไม่ได้ข่าวก็จะ เจาะยาง ทันที ไม่มี เกรงใจ ลีลาแบบนี้ทำให้ตลอดชีวิตการทำข่าวของเขาเพาะศัตรูไว้มากมายเหลือเกิน

            ครั้งหนึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา พูดในสภาว่ามีการตระบัดสัตย์กัน พอแกเดินออกมานอกห้องประชุม นักข่าวก็กรูเข้าไปถามว่ามันเรื่องอะไร แกก็วิ่งหนี พอดีผมอยู่ตรงนั้น ผมก็ล็อกแกไว้ แล้วแกตัวเตี้ยกว่าผม ผมเลยบีบไปที่ไหล่ แล้วถามว่าตระบัดสัตย์อะไร ใครเป็นคน ใครเป็นสัตว์ ตอบหน่อย หลังจากนั้นนักการเมืองหนีผมหมด มีนักการเมืองคนหนึ่งเป็นดารา พอเจอหน้าผมวิ่งมุดโต๊ะแถลงข่าวที่สภาหนีไปเลย สุทินกล่าว

             นอกจากนี้ สุทิน บอกว่า ผมโทรศัพท์ไปหาคุณเฉลิม อยู่บำรุง เพื่อเช็คเรื่องที่เขาเคยปราศรัยที่สนามหลวงว่าคุณทักษิณ จะกลับมาวันที่ 14 ก.พ. ตอนแรกแกไม่รับสายให้เลขารับแทน ผมก็บอกว่าจะถามเรื่องนี้ เลขาก็ปัดไม่ยอมให้คุย ผมก็บอกว่าคุณเฉลิมเป็นคนพูดเรื่องนี้เองปฎิเสธได้อย่างไร เท่านั้นแหล่ะ เลขาไปรายงานคุณเฉลิม แกโทรกลับมาหาผมทันที แล้วบอกว่าที่พูดวันนั้นเป็นการพูดแบบการเมืองเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไร ผมก็โมโห บอกว่า อ๋อเนนักการเมืองนี่คิดจะถ่มถุยอะไรออกมาก็ได้ งั้นเหรอ 

             ผมไม่ยอมให้นักการเมืองใช้สื่อถ่มถุยอะไรก็ได้โดยไม่รับผิดชอบ แล้วสื่อก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ผมเคยตั้งคำถามจนคุณวัฒนา อัศวเหม บอกว่าตกลงผมจะมาหาข่าวหรือมาเรื่อง ผมก็บอกว่าอยากจะได้ทั้ง 2 อย่างแต่เอาอย่างแรกก่อนก็ได้ คุณวัฒนา ก็บอกว่ามีเรื่องกับเขาไม่ดีหรอก ผมก็บอกว่าแล้วมีเรื่องกับใครถึงจะดีหล่ะ อยากมีอยู่เหมือนกัน

             อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สุทินก็เคยตั้งคำถามเสนาะ เทียนทอง หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และงานนี้ก็ทำเอานายเสนาะไม่ตอบคำถามมาแล้วเช่นกัน

          สุทิน : อดีตรัฐมนตรีที่ถูกยึดทรัพย์มาก่อนจะเสียสละไม่รับตำแหน่งครั้งนี้หรือไม่

           เสนาะ : กับนักข่าวเรารักกันมานานแล้ว คุณมาจากไหนที่มาถามแบบนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยต่อสู้กับเผด็จการมาด้วยกันเมื่อไล่เผด็จการออกไปแล้วทำไมยังมาหาเรื่องกันแบบนี้

          สุทิน : ช่วยตอบให้ชัดเจนหน่อยว่าที่ไล่เผด็จการออกไปนั้นเป็นคุณหรือประชาชนกันแน่

           …. เงียบ … ไม่มีเสียงตอบจากท่านนักการเมือง และทั้งหมดนี้คือตัวตัวแห่งความเป็นนักข่าวของผู้ชายที่มีนามว่า  สุทิน วรรณบวร



บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 04:54:53 AM »

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087788

“สุทิน วรรณบวร” คู่ปรับ นายกฯหอกหัก 
 
โดย ผู้จัดการรายวัน 28 กรกฎาคม 2551 10:17 น.





เขาคือนักข่าวรุ่นเก๋าคู่ปรับตลอดกาลของ‘สมัคร สุนทรเวช’ ตั้งแต่ครั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 จนกระทั่งลมเพลมพัดส่งนายสมัครขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ยังมีการเผชิญหน้าอย่างท้าทาย ตามแบบลูกผู้ชายที่ชื่อ ‘สุทิน วรรณบวร’ ยิ่งกว่านั้นการปะทะคารมของคนทั้งคู่ยังนำไปสู่ที่มาของฉายา ‘นายกฯ หอกหัก’
       
       การตั้งคำถามแบบถึงลูกถึงคนซึ่งทำให้นักการเมืองใหญ่และนายทหารหลายคนไม่พอใจดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวีรกรรมเสี่ยงตายเมื่อครั้งเข้าไปทำข่าวกลุ่มกองกำลังต่างๆในช่วงสงครามอินโดจีน หลายครั้งที่แหล่งข่าวถือกระบอกปืนยืนข่มขู่ให้เขางดเสนอข่าว แต่เขาก็ยืนกราน ปฏิเสธ พร้อมทั้งยืนยันว่านี่คือการทำหน้าที่ของ ‘สื่อมวลชน’ ที่ต้องนำเสนอความจริง มิใช่ซุกกายแอบอิงอยู่ใต้ร่มเงาผู้มีอำนาจ
       
       ในยุคที่สื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ตีค่าตนเองให้เป็นเพียงกระบอกเสียงของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมืองหรืออำนาจทางการเงิน แต่นักข่าวผู้นี้กลับยืนหยัดอหังการกับการทำหน้าที่‘สื่อ’ที่ถือว่าการเปิดโปงความจริงคือสิ่งที่ต้องยึดถือสำหรับสื่อมวลชน ตลอดระยะเวลา 30 ปีในการทำงานเขาผ่านมาทั้งดงระเบิด ควันโขมงจากปลายกระบอกปืน การข่มขู่คุกคามของผู้มีอำนาจ รวมถึงบรรยากาศตึงเครียดขณะปะทะคารมกับนักการเมืองระดับประเทศ แต่เขาก็หาได้ยี่หระ
       
       ณ วันนี้ ‘สุทิน วรรณบวร’ แห่งสำนักข่าวเอพี ยังคงมุ่งมั่นกับการทำหน้าที่‘คนข่าว’ ที่พร้อมจะเดินหน้าท้าชนเพื่อค้นหาความจริง และบอกกล่าวให้ผู้คนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้
       
       30 ปีที่หยัดยืน
       
       สุทินเริ่มชีวิตการทำข่าวเมื่อ 30 ปีที่แล้วกับสำนักข่าวยูพีไอ (UPI- United Press International) ในช่วงที่สงครามอินโดจีนกำลังคุกรุ่น เขาจึงถูกส่งตัวไปคลุกคลีหาข่าวตามตะเข็บชายแดน และหลายครั้งที่ข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อติดตามสถานการณ์การสู้รบ จึงนับเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากที่สุด หลายครั้งที่ถูกฝ่ายรัฐบาลและนายทหารคุกคามห้ามเสนอข่าว เขาและช่างภาพเคยถูกทหารเวียดนามกักตัวเพื่อต่อรองให้มอบฟิล์มที่บันทึกภาพกองกำลังเวียดนามที่ซ่องสุมอยู่ในกัมพูชา ชื่อของสุทินจึงเป็นที่รู้จักของกลุ่มกองกำลังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเขมร 3 ฝ่าย , โจรจีนมลายู , กลุ่มพูโล , กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในพม่า ไปจนถึง‘ขุนส่า’ราชายาเสพติด
       
       “ ผมทำข่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศมาตลอด ที่แรกคือสำนักข่าวยูพีไอซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สนุกและตื่นเต้นที่สุดเพราะกำลังเกิดสงครามอินโดจีน การต่อสู้ตามแนวชายแดนกำลังคุกรุ่นทั่วทั้งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย รวมทั้งตามแนวชายแดนในประเทศไทยด้วย เราได้เข้าไปอยู่กับกองโจรเขมรแดง บางทีก็ลงไปอยู่กับกองโจรจีนมลายา เข้าไปอยู่กับเขา 7-8 วัน บางทีก็เป็นเดือน แล้วไม่ใช่ว่าเราแอบเข้าไปทำข่าวนะ แต่เขาเชิญเราเข้าไป คือสงครามยุคใหม่ในช่วงหลังจากสงครามเย็นมันไม่ใช่สงครามที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธหรือสู้กันในสนามรบอย่างเดียว แต่มันต่อสู้กันด้วยสงครามข่าวสารด้วย
       
       การเผยแพร่ข่าวสารออกไปจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่ให้เงินสนับสนุนเขา สมมติว่ากองกำลังเขมรแดงเข้ายึดหมู่บ้านหนึ่งได้ก็ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเขาพาผู้สื่อข่าวเข้าไป ไปเห็นว่าเขายึดได้จริง มีการถล่มหมู่บ้าน มีผู้อพยพ ข่าวนั้นเมื่อเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ ข่าวมันก็จะออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน อาเซียน หรือประเทศในแถบตะวันตก มันเป็นอำนาจการต่อรองทางการเมืองเวลาเจรจาตกลงสันติภาพกัน อย่างขุนส่าซึ่งเป็นราชายาเสพติด ช่วงที่ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกหมายจับ ตั้งค่าหัวถึง 2 ล้านดอลล่าร์ ตลาดการค้าของขุนส่าก็ปั่นป่วนไปหมด เขาก็ให้นักข่าวเข้าไปทำข่าว ไปถ่ายโรงงานของเขา พอข่าวออกไปลูกค้าก็มั่นใจว่าขุนส่ายังมีชีวิตอยู่ ยังมีเพาเวอร์ (หัวเราะ) คือกลุ่มที่เป็นกองโจร พวกนักปฏิวัติ หรือผู้ก่อการร้ายระดับสากล ระดับโลก เขาจะรู้วิธีติดต่อสื่อ คนที่เป็นมือเป็นไม้ของผู้ก่อการร้ายเนี่ยเขาไม่ได้อยู่ในป่าอย่างที่เราเข้าใจกันหรอก ถ้ารู้แล้วจะแปลกใจว่าโรงแรมใหญ่ๆในไทยบางแห่งเป็นของผู้ก่อการร้าย” สุทิน เล่าถึงเบื้องหลังในการเข้าไปทำข่าวกลุ่มกองกำลังตามแนวชายแดน
       
       วินาทีเสี่ยงตาย
       
       หลายห้วงเวลาที่สุทินและทีมงานต้องท้าทายกับความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า เพราะแน่นอนว่ามิใช่ทุกข่าวที่แหล่งข่าวเต็มใจให้เผยแพร่ นักข่าวมาดเข้มหยิบยกบางส่วนของช่วงเวลาระทึกขวัญมาเล่าขานให้ฟังว่า
       
       “ มีอยู่ครั้งหนึ่งรัฐบาลทหารกัมพูชาเชิญผมและนักข่าวไทยอีก 2-3 คนไปทำข่าว เพราะเห็นว่าช่วงนั้นมีแต่ข่าวของฝ่ายเขมรแดงออกมา ระหว่างที่นั่งเรือจากตราดไปเกาะกง เรือเราก็ถูกทหารเขมรปล้น รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารที่นั่งมาด้วยเขาก็อาย เขาก็คุยกันเป็นภาษาเขมรว่าตอนนี้มีนักข่าวอยู่ในเรือ ถ้าจะเอาเงิน ค่อยไปเอาบนบก ให้ไปติดต่อที่บ้านผู้ว่าฯ (หัวเราะขำ) ทหารที่มาปล้นมันก็โมโห ยิงปืนลงน้ำชุดใหญ่ พอเห็นทหารยิงปืนพวกรัฐมนตรีก็รีบโยนกระเป๋าสตางค์ โยนของมีค่าลงในเรือ พอเรือของทหารพวกนี้ออกไปผู้ว่าฯเกาะกงซึ่งแกพูดภาษาไทยได้แกก็บอกว่า...คุณสุทิน นี่มันเป็นพวกทหารนอกแถวนะ อย่าถือเป็นสาระ อย่าเอาไปลงข่าวเลยนะ ผมก็บอกว่า..ผู้ว่าฯครับ ตั้งแต่เรามากัน 8 ชั่วโมงเนี่ย นี่เป็นข่าวชิ้นเดียวที่ผมรายงานได้ ผมก็รายงานไป ปรากฏว่าเขาโกรธผมใหญ่ แล้วก็ทิ้งผมกับช่างภาพไว้ที่แซมปึน
       
       พอเราถูกทิ้งด้วยสัญชาตญาณของนักข่าวเราก็หาข่าวทำไปเรื่อย ก็รอว่าวันไหนมีเรือประมงหรือเรือผู้อพยพผ่านมาเราก็จะขออาศัยเขาไปด้วย ก็ไปเจอทหารเขมรคนหนึ่ง พูดภาษาไทยได้ เขาจะรับจ้างพาไปที่ค่ายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งยืนยันว่ายังมีทหารเวียดนามอยู่ คือตอนนั้นรัฐบาลเขมรเขาประกาศว่าทหารเวียดนาม 250,000 คนที่เข้ามายึดกัมพูชาออกไปหมดแล้ว ไปถึงช่างภาพก็ถ่ายรูปรถถัง อาวุธยุทโธปกรณ์ เราก็ได้คุยกับทหารที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ได้เค้าว่ากองทัพเวียดนามยังอยู่ เราคุยไปสักพักหนึ่งได้ ก็มีทหารซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะเป็นทหารเวียดนามาเชิญไปคุยที่สำนักงานในค่าย เขาก็บอกว่าผมจำเป็นต้องขอฟิล์มคุณนะ เราก็ไม่ให้ คุยไปสักพักบรรยากาศเริ่มเครียดแล้ว ก็เจรจาต่อรองกัน เขาก็บอกว่าถ้าไม่ให้ฟิล์มเขาก็จำเป็นต้องกักตัวเรา ไม่รู้ยังไงอยู่ๆช่างภาพก็ยอมให้ฟิล์ม แต่ผมไม่รู้ว่าช่างภาพเขาสลับฟิล์มเก็บไว้ก่อนแล้ว (หัวเราะ) ผมเองก็แอบอัดเทปตอนที่คุยกันเอาไว้ พอกลับมาถึงที่พักช่างภาพก็บอกว่า พี่...ยังไงวันนี้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ เพราะผมแอบเปลี่ยนฟิล์ม เดี๋ยวทหารมันไปเปิดดูล่ะตายเลย(หัวเราะร่วน) คือเราก็รู้ว่ามันอันตรายนะ แต่อะไรที่เป็นข่าวก็ต้องนำเสนอ ซึ่งสิ่งนี้ต้องมีอยู่ในสื่อทุกคน” สุทินพูดถึงปรัชญาในการทำงานที่เขายังคงยึดมั่นมาถึงทุกวันนี้
       
       ที่มาของฉายา‘นายกฯ หอกหัก’
       
       สุทินทำข่าวอยู่ที่สำนักข่าวยูพีไอได้ 12 ปีก็ย้ายไปสังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์(Reuters) และล่าสุดเขามีสถานะเป็นผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวเอพี(AP- The Associated Press) โดยข่าวที่เขานำเสนอนั้นเป็นข่าวระดับมหภาค ทั้งข่าวสงคราม เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม สุทินในวัย 59 ปี ยังคงเส้นคงวากับสไตล์การทำข่าวแบบถึงลูกถึงคนชนิดยอมหักไม่ยอมงอ เขากล้าที่จะต่อกรกับแหล่งข่าวระดับบิ๊ก ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพลในสังคม และหนึ่งในนักการเมืองที่เข่นเคี่ยวและปะทะคมรมกันมาหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งเรียกว่าเป็นคู่ปรับกันก็ว่าได้ก็คือ ‘นายสมัคร สุนทรเวช’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทยนั่นเอง ว่ากันว่าการปะทะคารมระหว่างนักข่าวหัวแข็งกับนักการเมืองฝีปากกล้ากลายเป็นที่มาของฉายา ‘นายกฯ หอกหัก’ ที่นายสมัครถูกเรียกขานมาถึงทุกวันนี้
       
       “ จริงๆแล้วผมเคยปะทะคารมกับคุณสมัครมาตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็นนักข่าว แต่เขาจำผมไม่ได้ ผมเจอคุณสมัครครั้งแรกที่สนามเสือป่า ตอนนั้นประมาณปี 2519 คุณสมัครไปพูดว่าคนตรังไปรู้เลือก ส.ส.มายังไง ส.ส.เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่ง ส.ส.ที่คุณสมัครพูดถึงตอนนั้นก็คือคุณชวน หลีกภัย ทีนี้เขาก็ไปปลุกระดมว่าทั้งประเทศเขามีลูกเสือชาวบ้านกันแล้วแต่จังหวัดตรังไม่มี ผมเองเป็นคนจังหวัดตรัง ก็เลยเกิดการปะทะระหว่างผมกับคุณสมัคร ผมก็ยืนยันว่าจังหวัดตรังมีลูกเสือชาวบ้าน ส่วนเขาจะเลือก ส.ส.มายังไงนั้นถือเป็นวิจารณญาณของเขาที่เขาเห็นว่าเป็นคนดี ไม่ใช่คนเลวทรามบัดซบอย่างนี้ จากนั้นก็มีการเผชิญหน้าและถกเถียงกันมาตลอด
       
       ครั้งที่ 2 คือหลังเหตุนองเลือดช่วงพฤษภาทมิฬ ปี 2535 นักข่าวก็ไปดักสัมภาษณ์คุณสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร คุณสุจินดามาถึงทำเนียบฯแกเห็นนักข่าวเยอะ แกก็เผ่นแน่บไปเลย นักข่าวก็วิ่งไปดัก คุณสมัครซึ่งเป็นรองนายกฯก็วิ่งมาขวางแล้วบอกว่าจะแถลงข่าวเอง ผมก็ถามว่าคุณสมัครเมื่อเกิดเหตุนองเลือดขึ้นแล้วเนี่ย พรรคประชากรไทยของคุณจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไหม แกก็บอกว่า เออ..ทีจอร์จบุชมันฆ่าคนในเหตุจลาจลในอเมริกาไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย ผมก็บอกว่ามันคนละเรื่องกัน ผมถามว่าคุณจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไหม แกก็เห็นนักข่าวฝรั่งเยอะแกก็บอกให้ฝรั่งถามบ้าง ปีเตอร์ซึ่งเป็นนักข่าวฝรั่งเขาก็บอกว่าผมก็จะถามเหมือนที่คุณสุทินถามน่ะแหล่ะ ผมก็ถามย้ำว่าจะถอนตัวหรือเปล่า แกหันขวับมาบอกว่าคุณหุบปากได้แล้ว ผมก็เลยสวนไปว่ามึงก็หุบปากสิวะ แกก็บอกว่าถ้างั้นคุณมาถามผมทำหอกอะไร ผมก็บอกว่าแล้วคุณมาเป็นรองนายกทำส้น....อะไร เท่านั้นแหล่ะวงแตกเลย ตอนนี้พอแกมาเป็นนายกฯก็เลยมีคนตั้งฉายาแกว่า ‘นายกฯหอกหัก’ (หัวเราะขำ)
       
       ล่าสุดก็เถียงกันอีกตอนแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ผมก็ถามคุณสมัครว่าทุกพรรคยืนยันหรือเปล่าว่าจะเลือกคุณสมัครเป็นนายกฯ แกก็บอกว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม ผมก็บอกว่าการจัดตั้งรัฐบาลถ้าไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯแล้วจะให้ถามเรื่องอะไร หรือทุกคนอายที่จะให้คุณสมัครเป็นนายกฯถึงไม่ให้ถาม นักข่าวคนอื่นเขาก็ถามทำนองเดียวกันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยอมรับในคุณสมบัติของคุณสมัครหรือเปล่า แกก็โมโหใหญ่ สุดท้ายก็ยกเลิกการแถลงข่าว (หัวเราะ)” สุทินเล่าถึงการปะทะคารมระหว่างเขาและนายสมัคร
       
       สาวไส้สื่อ
       
       สุทินยังแสดงความวิตกต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยในปัจจุบันว่า สิ่งที่น่าห่วงคือสื่อส่วนใหญ่มักนำเสนอข่าวเข้าข้างผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมือง อำนาจการทหาร หรืออำนาจทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังนำมาสู่ ‘วิกฤตสื่อ’ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการทำลายสังคมไทย
       
       “นักข่าวส่วนใหญ่ไม่กล้าถามคำที่รู้ว่าถามแล้วนักการเมืองจะไม่พอใจ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่สังคมควรรู้ รวมถึงไม่กล้าเสนอข่าวที่เป็นลบต่อนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจด้วย ที่น่าเศร้าคือนักข่าวที่ว่าเนี่ยล้วนแต่เป็นนักข่าวอาวุโส ซึ่งแนวคิดแบบนี้มันเป็นสิ่งที่สั่งสมมานานจนกลายเป็นวัฒนธรรม เท่าที่เห็นนักข่าวใหม่ๆหลายคนก็พยายามลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่ว่าถูกกดดันจากนักข่าวระดับเจ๊ ระดับ 18 อรหันต์ ซึ่งมักแสดงความไม่พอใจนักข่าวรุ่นน้องที่ถามคำถามที่นักการเมืองขัดเคืองใจ
       
       อย่างตอนที่มีปัญหาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ สุทิน คลังแสง พากลุ่ม นปก.เข้าไปแถลงข่าวในรัฐสภา และมีการถ่ายรูปนักข่าวในลักษณะข่มขู่คุกคาม นักข่าวก็ไม่พอใจ คุณเหวง โตจิราการ ก็บอกว่าเอาล่ะ เรื่องนี้ขอกันกินมากกว่า ก็มีนักข่าวรุ่นใหม่ๆเขาย้อนมาว่าใครไปขอคุณกิน แสดงให้เห็นว่านักข่าวเริ่มลุกขึ้นมาสู้ แต่การสู้ของเขาไม่สามารถทัดทานกับนักข่าวระดับบนที่มีอำนาจตัดสินใจในการนำเสนอข่าว แม้นักข่าวในพื้นที่จะรายงานว่าบนเวทีพันธมิตรฯ มีการแฉเรื่องการทุจริตของนักการเมืองในรัฐบาลนี้ แต่บรรณาธิการข่าวไม่เอาข่าวนี้มาออกอากาศ กลับเสนอแต่ข่าวเชิงบวกของรัฐบาล ตอนนี้มันจึงเกิดปรากฏการณ์สื่อทำร้ายสังคม ซึ่งตรงนี้นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง” สุทินกล่าวตบท้ายด้วยน้ำเสียงที่หดหู่



**********

จาก manager online...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2008, 04:58:59 AM โดย ทัดมาลา » บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 06:57:27 AM »

ขอคารวะครับ ในอุดมการณ์......

อยากให้สื่อหลุดพ้น............
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 07:31:51 AM »

 เยี่ยม..... เยี่ยม....... เยี่ยม
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
flyingkob-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 361
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2396


"สุวิชาโน ภวัง โหติ" ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 07:49:08 AM »

เมื่อวานได้ดูสดๆๆๆๆ..........เป็นคำถามที่สะใจ...ดูดเสียงไม่ทัน....หลังจากนั้นนักข่าวจะถามก็จะมีรปภ.ยืนประกบตลอด....คงกลัวจะเจอกับคำถามที่ตรงๆแบบนั้น
บันทึกการเข้า

ตึกยาวหลังนี้ สอนให้เรารู้สำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 07:58:45 AM »


        เคียงคู่กับ ชัย ราชวัตร ....... ยกนิ้วให้ครับ

บันทึกการเข้า

                
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 08:02:00 AM »

ขอบคุณครับ จำได้ตรงที่ตอบว่าสมัคร "คุณละหุบปาก"
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 08:16:24 AM »

สุดยอด... เยี่ยม
บันทึกการเข้า
dig5712
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 119
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1801



« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 08:17:13 AM »

          ขอบคุณครับพี่ทัดมาลา  ไหว้ Cheesy
 
          หนังสือที่คุณสุทินเขียนเล่มนี้(ปกแดง)อ่านแล้วดีครับ... ได้มุมมองในอีกมิติหนึ่งที่ผู้บริโภคสื่อเมืองไทยจะได้รับทราบ....

          เมื่อวานตอนที่ นาย ก แถลงข่าวที่ บก.กองทัพฯ ตอนที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถาม ผมก็นึกถึงคุณสุทิน ที่เปรียบเปรยความแตกต่างของสื่อมวลชนไทยกับเทศ....
บันทึกการเข้า
visith
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 474
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9438



« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 08:23:21 AM »

..ขอแสดงความนับถือครับ..
บันทึกการเข้า



"ร่วมส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิการใช้อาวุธปืนของประชาชน"
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 09:02:46 AM »

คำถาม ผมถือว่า OK สำหรับความหมาย.....................

แต่ใช้คำพูดคำจา"ทราม" และ"ถ่อย"เกินไป...............สำหรับคนที่มีการศึกษาขั้นนี้
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
ฮิวโก้
Hero Member
*****

คะแนน 118
ออฟไลน์

กระทู้: 2516



« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 09:09:28 AM »

ถ้าไม่มีกองหนุนช่วยตอบแทน  รับรองน๊อตหลุดแน่ๆเลย  หอกหัก ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง...ยังมีคนที่เก่งกว่าเรานักะติ๊ Club ขยับจะยิงแต่รักจริงนะ อึ๊บๆ
๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 381
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2086



« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 09:40:47 AM »

ยังอ่านไม่จบ ต้องขอบอกว่า ช่างกล้านะตัวเอง
แต่ก็สุ๊ดยอด ครับ
บันทึกการเข้า



สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวด ดีกว่าเจ็บปวดไม่สิ้นสุด
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 09:44:14 AM »

ขอบคุณมากครับคุณโอ๊ค เดี๋ยวจะหาหนังสือมาอ่านมั่ง
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 10:01:31 AM »

คำถามที่ตรงกับที่เราอยากถามเองนั่นแหละ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.177 วินาที กับ 21 คำสั่ง