ระหว่างการแถลงข่าวตอบข้อซักถามของ ผบ.ทบ. เมื่อวานนี้
มีคำถามเด็ดๆโดนใจ ตอบยากหลายข้อ ไม่ว่าจะเรื่องเป็นหนังหน้าไฟ ถูกหลอกใช้ ฯลฯ
แต่คงไม่มีคำถามใดตรงใจไปกว่า คำถามของสุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของ AP
"ถ้าจะต้องแลกระหว่างการเอาทหารมาปะทะกับประชาชน
กับนายกฯ เฮงซวย เฮงซวย แค่คนเดียว ท่านจะเลือกอย่างไหนครับ"
ท่านผบ.ทบ. ตอบได้อย่างกินใจว่า "ทหารยืนยันจะอยู่เคียงข้างประชาชนครับ"
..
.
.
มาดูกันดีกว่าว่า สุทิน วรรณบวรคือใคร
.
.
.
.
.
.
.http://hilight.kapook.com/view/19681สุทิน วรรณบวร นักข่าว กับคำถามที่ไม่ควรถาม!?
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก Oknation
เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมสุโขทัย มีการแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้สโลแกน "รวมพลังเพื่ออนาคตที่สดใส" ของ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคประชาราช อย่างไรก็ตามหลังจากตัวแทน 6 พรรค แถลงเหตุผลเสร็จ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม และจากเหตุการณ์นี้ก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เมื่อ สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสจาก AP ตั้งคำถามที่ถามสมัครเห็นว่าไม่ควรถาม
ผู้สื่อข่าว : ทุกพรรคยืนยันได้หรือไม่ว่าจะเลือกคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี
สมัคร: คำถามแบบนี้คุยกันไม่สนุก (มีเสียงหัวเราะ) ผมเคยได้รับคำถามแบบนี้ก็ไปย้อนเขา จนได้รับคำเตือนจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค ว่าคนที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรักษาถ้อยคำและท่าที เพราะฉะนั้นคำถามนี้ฟังแล้วไม่น่าถาม
ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน วรรณบวร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี) การจัดตั้งรัฐบาลถ้าไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ แล้วจะให้ถามเรื่องอะไร เพราะเมื่อจะจัดตั้งรัฐบาลก็ควรจะเปิดเผยว่า ใครจะมาเป็นนายกฯ รัฐบาลจะเอาหางมาก่อนไม่มีหัวหรือ หรือทุกคนอายที่จะให้คุณสมัครมาเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ ถึงไม่กล้าตาม
สมัคร: (พยายามพูดแทรก) นี่! คุณรู้หรือเปล่าว่าตามรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ต้องไปเลือกในสภา พอหรือยัง
ผู้สื่อข่าว : จะมีความชัดเจนในการเลือกนายกฯ เมื่อไหร่
สมัคร: เขาให้เวลา 1 เดือน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้กำหนดการ ดังนั้น ยังไม่ทราบ ถามแบบนี้เขาเรียก ถามข้ามช็อต
ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชนและจะเลือกใครเป็นนายกฯ
สมัคร: คุณตะบันเล่นถามกันแบบนี้ ผมบอกแล้วว่าคำถามนี้ต้องไปเลือกในสภา
ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน) แต่ชาวบ้านต้องการรู้ว่าจัดตั้งรัฐบาลแล้วใครจะเป็นนายกฯ
สมัคร: (น้ำเสียงหงุดหงิด) ไม่รู้วันนี้แล้วเดือดร้อนใช่มั้ย
ผู้สื่อข่าว : (นายสุทิน พยายามถามซ้ำ แต่ถูกทีมงานนายสมัครห้ามไว้)
สมัคร: (หัวเราะ) ครับๆ คำถามอื่น
ผู้สื่อข่าว : คิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านจะไม่ได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล
สมัคร: (มีอารมณ์หงุดหงิด) คุณถามยั่วยวนกวนประสาทนี่ ถามทำไมคำถามนี้ ถามทำไม เขามาพร้อมใจกัน 6 พรรค บอกว่าจะตั้งรัฐบาล และเขาบอกว่าสนับสนุนให้พรรคเสียงมากเป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้วมานั่งถามอะไรที่ไม่เป็นสาระแบบนี้ ถามยั่วยวนให้ผมตอบรุนแรงหรือไง
ผู้สื่อข่าว : มีความกังวลกับอุปสรรค หรืออุบัติเหตุทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
สมัคร: ถามแบบนี้แล้วรู้หรือไม่ว่า พรุ่งนี้ ฝนตกหรือแดดออก
ผู้สื่อข่าว : แล้วแต่สภาพอากาศ
สมัคร: (ย้อนตอบทันที) คำถามนี้ผมไม่ใช่ หมอดู ไม่ใช่กรมอุตุนิยมวิทยา ที่จะมาตอบในสิ่งที่ถามล่วงหน้า ถ้าอยากรู้ก็ให้ไปถามนายลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูฟันธงเอา ผมตอบแบบนี้ไม่ได้ ยั่วยวนนะ แต่ถามในสิ่งที่มีเหตุผลหน่อย
ผู้สื่อข่าว : จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา กังวลว่ารัฐบาลผสมจะเกิดปัญหาหรือไม่
สมัคร: รัฐบาลมีเสียง 315 เสียง ก็ควรจะอยู่ทำงานด้วยกันนานๆ ให้เวลา 4 ปี ช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และที่นินทาว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี จะแก้กันมั้ย
ผู้สื่อข่าว : พรรคร่วมทั้ง 5 พรรค จะยึดหลักการใดที่จะให้นายสมัครมาเป็นนายกฯ และจะยอมรับในคุณสมบัติของนายสมัครหรือไม่ และต้องการคุณสมบัตินายกฯ แบบไหน
สมัคร: (ชิงตอบแทนทั้ง 5 คน) คำถามยาว ไม่อยากตอบ ก็บอกย้ำแล้ว ยังถามต้องการอะไรอีก (ช่วงนั้นกองเชียร์พรรคพลังประชาชนได้ลุกขึ้นพูดว่า ขอสนับสนุน 6 พรรค ในการตั้งรัฐบาล เพื่อให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต ทำให้นายสมัครยิ้มและหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ต้องอย่างนี้สิ คนคนนี้ ไม่ใช่คนของผมนะ)
ผู้สื่อข่าว : คุณสมัครจะทำตามเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินได้หรือไม่
คำถามดังกล่าวนายสมัครไม่ได้ตอบ แต่กองเชียร์พรรคพลังประชาชนตะโกนว่า ไม่ตอบแล้วคำถามแบบนี้ ทำให้นายสมัครรีบชิงปิดแถลงข่าวทันที ขณะที่กองเชียร์ได้ตะโกนด่าสื่อมวลชนด้วยถ้อยคำหยาบคาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการณ์แถลงข่าวดังกล่าวแล้ว หลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวที่(ช่าง)กล้าถามนายสมัคร ว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะต้องเสนอชื่อ และมีการโหวต ขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับนายสุทิน เนื่องจากก่อนการแถลงข่าวดังกล่าว นายสมัครและพรรคพลังประชาชนต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี และคำถามดังกล่าวก็สมควรถามในฐานะสื่อมวลชน เพื่อหาคำตอบมาให้กับประชาชน
เมื่อเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำถามของสุทิน ก็ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นนักข่าวที่คนอยากทำความรู้จักมากที่สุดในเวลานี้
สุทิน วรรณบวร นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว AP ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี การทำหน้าที่เป็นนักข่าวสายโจรแห่งสำนักข่าวเอพี เขาต้องประสบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หาข่าวท่ามกลางลูกกระสุนมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วนตลอด เขาเป็นหนึ่งในนักข่าวเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรรอบชายแดนไทย ทั้ง ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ แม้ภายหลังย้ายทำข่าวสายการเมือง คุณสุทินก็ยังคงยืนหยัดในเจตนาอันบริสุทธ์ของความเป็นนักข่าว บวกกับปฏิภาณไหวพริบอันเยี่ยมยอด ส่งผลให้เขารอดพ้นเหตุการณ์วิกฤตและได้ข่าวที่โดดเด่นเหนือชั้นอยู่เสมอ
คุณสุทิน เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานข่าวสายโจรว่า คำว่านักข่าวสายโจรมีที่มาจากช่วงที่ผมเริ่มทำงานเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงที่สงครามอินโดจีนยังรุนแรงอยู่ รอบชายแดนไทยมีพวกกองโจรอยู่ทั่วไป ผมต้องประจำทำข่าวอยู่ที่นั้น พอสงครามสงบต้องย้ายกลับลงมาทำงานในเมือง ก็เจอคำถามว่าผมทำงานสายไหน ผมไม่มีสายที่ชัดเจนเหมือน สายการเมือง สายเศรษฐกิจ ผมเลยสรุปบอกเขาไปว่า ผมเป็นนักข่าวสายโจร
ตอนที่ผมทำงานในช่วงสงครามอินโดจีนนั้น มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้นำกองโจรหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ขุนส่า จีนเป็ง หรือโบเมี๊ยะ ทั้งในส่วนที่เขามาเชิญให้ผมไปสัมภาษณ์ เพราะเขาต้องการสื่อสารกับคนของเขา และในส่วนที่ผมบุกเข้าไปสัมภาษณ์เขาด้วยตัวเอง แต่กว่าเขาจะมั่นใจว่าเราเป็นนักข่าวจริงๆ ก็โดนกักตัวเพื่อตรวจสอบอยู่นาน มีหลายครั้งที่ต้องเข้าไปทำข่าวในช่วงที่เขากำลังรบกันอยู่พอดี การรบแบบกองโจร มีเสียงที่ดังน่ากลัวมาก ต่างฝ่ายต่างยิงใส่กันแบบมองไม่เห็นหน้า มีกระสุนบินว่อนเป็นร้อยๆ นัด แต่สุดท้ายก็แทบจะไม่มีใครตาย ผมเองก็ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตรอดอยู่ในบังเกอร์ พร้อมกับพวกโจรคนอื่นๆ อาศัยความตั้งใจในการทำงานจึงไม่เคยกลัวอะไร
ต่อมาสุทินก็ย้ายมาทำงานเป็นนักข่าวสายการเมือง ซึ่งหลังจากที่มาเป็นนักข่าวสายการเมือง ก็ยังมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเพราะผมก็ยังคงเป็นนักข่าวใจกล้า พูดจาแดกดันตรงไปตรงมา หลายครั้งหวิดโดนซ้อม หวิดโดนอุ้ม จากการปะทะคารมกับนักการเมือง แต่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและดีที่สุด เราจึงต้องมีวิธีการบางอย่างที่เป็นเคล็ดลับเฉพาะตัว (เทปบันทึกรายการเจาะใจ ที่ออกอากาศเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2550 ทาง ททบ.5)
นอกจากสุทิน จะทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนคอยหาข้อมูลข่าวสารมาให้ประชาชนแล้ว เขายังมีผลงานแปลอื่น ๆ อีกมากมาย ถึง 26 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมการเมือง อย่างไรก็ตามชื่อนักข่าวนาม สุทิน ทำให้นักการเมืองหลายๆ คนต่างกลัวและไม่อยากตอบคำถามมาแล้วหลายท่าน
.
และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตั้งคำถามกับสมัคร ย้อนเวลากลับไปกว่าสิบปี หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 เพียง 3 วัน เขาเคยตั้งคำถามและปะทะคารมกับสมัครในกลางทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว โดยสุทิน เล่าว่า ผมถามคุณสมัครว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ตกลงพรรคประชากรไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลหรือจะลาออกจากรัฐบาล คุณสมัครตอบว่า ก็เห็นบุชสั่งฆ่าคนตายเป็นเบือในสหรัฐฯยังไม่เห็นใครถามเหมือนที่คุณถามเลย ผมก็บอกว่าคุณสมัครผมไม่ได้ถามว่าบุชฆ่าใครหรือยังไง
และคุณเอาตัวเองไปเปรียบกับบุชมันคนละเรื่องคนละประเด็น แต่ผมถามว่าตกลงคุณจะถอนตัวหรือไม่ นายสมัคร ไม่ตอบแต่หันไปให้นักข่าวฝรั่งถาม ปรากฎว่านักข่าวฝรั่งบอกว่าเขาจะถามเหมือนที่ผมถาม ผมจึงถามต่อคำถามเดิมแต่เป็นภาษาอังกฤษ แกก็หันมาตวาดใส่ผมว่า ให้ผมหุบปากเสียบ้างสิ ผมก็บอกว่า มึงก็ควรจะหุบปากด้วย นายสมัครก็ตอกกลับผมว่า งั้นคุณมาถามผมหาหอกอะไร ผมก็บอกว่า แล้วคุณส.ใส่เกือกมาแถลงข่าวทำไมล่ะ
เมื่อมีประเด็นปะทะคารมระหว่างสมัครกับสุทินมาก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคำถามครั้งนี้และมองว่า สุทินมีอคติ อาฆาต นายสมัคร ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าเป็นการตั้งคำถามธรรมดาทั่วๆ ไป ที่นักข่าวควรจะถาม ถ้านายสมัครไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามดังกล่าว ทำไมต้องมาเปิดเวทีแถลงข่าวและให้สื่อมวลชนถาม ก่อนที่จะเปิดแถลงข่าวก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่านักข่าวต้องถามถึงประเด็นการวางตัวคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน
แต่ทำไมนายสมัคร ในฐานะที่คาดว่าจะเป็นผู้นำประเทศเรื่องแค่นี้ก็เก็บมาเป็นอารมณ์ ทำให้หลายคนมองว่า นายสมัคร ไม่มีวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำ และพูดจากวนนักข่าวเอง
นอกจากจะมีวีรกรรมกับนายสมัครแล้ว นักข่าวอย่างสุทิน ในฐานะที่เป็นนักข่าวอาวุโสและทำด้านสายการเมือง ยังมีวีรกรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะกับนักการเมือง สุทิน ดับอหังการของนักการเมืองมาแล้วนักต่อนัก ด้วยความที่ไม่ยอมให้นักการเมืองบิดพริ้วชิวหา กลับกลอกหลอกชาวบ้านไปวัน ๆ เขาจึงตะลุยถามตรง ๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงประเด็น ตรงคำถาม ห้ามเฉไฉ สไตล์ของสุทิน ถ้าไม่ได้ข่าวก็จะ เจาะยาง ทันที ไม่มี เกรงใจ ลีลาแบบนี้ทำให้ตลอดชีวิตการทำข่าวของเขาเพาะศัตรูไว้มากมายเหลือเกิน
ครั้งหนึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา พูดในสภาว่ามีการตระบัดสัตย์กัน พอแกเดินออกมานอกห้องประชุม นักข่าวก็กรูเข้าไปถามว่ามันเรื่องอะไร แกก็วิ่งหนี พอดีผมอยู่ตรงนั้น ผมก็ล็อกแกไว้ แล้วแกตัวเตี้ยกว่าผม ผมเลยบีบไปที่ไหล่ แล้วถามว่าตระบัดสัตย์อะไร ใครเป็นคน ใครเป็นสัตว์ ตอบหน่อย หลังจากนั้นนักการเมืองหนีผมหมด มีนักการเมืองคนหนึ่งเป็นดารา พอเจอหน้าผมวิ่งมุดโต๊ะแถลงข่าวที่สภาหนีไปเลย สุทินกล่าว
นอกจากนี้ สุทิน บอกว่า ผมโทรศัพท์ไปหาคุณเฉลิม อยู่บำรุง เพื่อเช็คเรื่องที่เขาเคยปราศรัยที่สนามหลวงว่าคุณทักษิณ จะกลับมาวันที่ 14 ก.พ. ตอนแรกแกไม่รับสายให้เลขารับแทน ผมก็บอกว่าจะถามเรื่องนี้ เลขาก็ปัดไม่ยอมให้คุย ผมก็บอกว่าคุณเฉลิมเป็นคนพูดเรื่องนี้เองปฎิเสธได้อย่างไร เท่านั้นแหล่ะ เลขาไปรายงานคุณเฉลิม แกโทรกลับมาหาผมทันที แล้วบอกว่าที่พูดวันนั้นเป็นการพูดแบบการเมืองเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไร ผมก็โมโห บอกว่า อ๋อเนนักการเมืองนี่คิดจะถ่มถุยอะไรออกมาก็ได้ งั้นเหรอ
ผมไม่ยอมให้นักการเมืองใช้สื่อถ่มถุยอะไรก็ได้โดยไม่รับผิดชอบ แล้วสื่อก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ผมเคยตั้งคำถามจนคุณวัฒนา อัศวเหม บอกว่าตกลงผมจะมาหาข่าวหรือมาเรื่อง ผมก็บอกว่าอยากจะได้ทั้ง 2 อย่างแต่เอาอย่างแรกก่อนก็ได้ คุณวัฒนา ก็บอกว่ามีเรื่องกับเขาไม่ดีหรอก ผมก็บอกว่าแล้วมีเรื่องกับใครถึงจะดีหล่ะ อยากมีอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สุทินก็เคยตั้งคำถามเสนาะ เทียนทอง หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และงานนี้ก็ทำเอานายเสนาะไม่ตอบคำถามมาแล้วเช่นกัน
สุทิน : อดีตรัฐมนตรีที่ถูกยึดทรัพย์มาก่อนจะเสียสละไม่รับตำแหน่งครั้งนี้หรือไม่
เสนาะ : กับนักข่าวเรารักกันมานานแล้ว คุณมาจากไหนที่มาถามแบบนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยต่อสู้กับเผด็จการมาด้วยกันเมื่อไล่เผด็จการออกไปแล้วทำไมยังมาหาเรื่องกันแบบนี้
สุทิน : ช่วยตอบให้ชัดเจนหน่อยว่าที่ไล่เผด็จการออกไปนั้นเป็นคุณหรือประชาชนกันแน่
. เงียบ
ไม่มีเสียงตอบจากท่านนักการเมือง และทั้งหมดนี้คือตัวตัวแห่งความเป็นนักข่าวของผู้ชายที่มีนามว่า สุทิน วรรณบวร