เรื่อง สปัสซั่ม นั้นจากที่หามานั้น รู้สึกจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยคับ
การประเมินผลการตรวจบาดแผลกระสุนปืน
จำนวนบาดแผล ทิศทางการยิง และระยะยิงอาจจะช่วยการแปลผลเกี่ยวกับพฤติการณ์การตายเช่น
1. ถ้าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลกระสุนปืนมักจะมีนัดเดียว
2. การฆ่าตัวตายจะยิงที่จุดตาย 2 ครั้งไม่ได้ เช่น ยิงเข้าสมองทั้ง 2 นัด
3. การฆ่าตัวตายวิถีกระสุนมักจะหน้าไปหลัง และวิถีกระสุนจะไม่ตรงแต่เอียงซ้ายขวาหรือเฉียงขึ้นลงเสมอ
4. การยิงตนเองให้เกินระยะ 1.5 ฟุตได้ยาก ยกเว้นปืนขนาดเล็กมาก
5. การยิงจนหมดแม็กกาซีนจนขึ้นแม็กฯใหม่ (reloaded) แสดงเจตนาในการฆ่า
6. บางครั้งอาจจะพบบาดแผลฆ่าตัวตายยิงทะลุเสื้อผ้า
7. การแตกของกะโหลกศีรษะอาจจะบอกได้ว่านัดไหนยิงก่อนยิงหลัง
8.ในสมัยก่อน สอนว่าการยิงตัวตาย กระสุนตัดจุดศูนย์กลางการเคลื่อนไหว(Motor area)ในสมองทันที ทำให้เกิดคาดาเวอริค สปัสซั่ม(Cadaveric spasm)กำปืนอยู่ในมือนั้น ในปัจจุบัน นิติพยาธิแพทย์ไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะจากการชันสูตรพลิกศพ ในรายยิงตัวตาย(ที่สมอง) เกือบไม่พบคาดาเวอริค สปัสซั่มเลย ปัจจุบันคงเชื่อว่า คาดาเวอริคสปัสซั่มเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมากก่อนตายเพียงอย่างเดียว 9.การยิงตัวตายมีโอกาสพบปืนยังคงอยู่ในมือศพ(โดยที่ไม่ใช่การเกิดคาดาเวอริคสปัสซั่ม) ประมาณ 25%(เป็นการยิงตัวตายในท่านั่งหรือนอน 76%)และ 69%ปืนยังติดอยู่บนร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง
จาก
http://www.ifm.go.th/articles/article006_007p3.phpท่านใดที่สนใจเรื่องนิติเวช เว็บนี้อธิบายไว้เยอะมากคับ
ผมไม่ได้มีความจงใจหักล้างหรอกนะคับ แค่หาความรู้แล้วไปเจอมา