อันนี้ที่เคยทำเป็นสารคดี และถือเป็นอาคารโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือเปล่าครับพี่
น่าจะมีสารคดีหลายเรื่องครับ แแต่หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นไม่กี่ปีมานี้เองมีการพูดถึงโครงการ 787 ด้วย
ใช่แล้วครับ ตอนจะสร้าง 747 โบอิ้งต้องไปเปิดโรงงานใหม่ที่ เอเวอร์เร็ต ห่างออกไปจาซีแอทเทิล เป็นโรงงานที่มีความจุภายในอาคารมากที่สุดในโลก บัดนี้ก็ยังใช้ผลิตเครื่องบินอยู่ครับ
ที่น่าสนใจคือตอนเริ่มโครงการ 747 เป็นการเริ่มจากตวามต้องการของ แพน แอมฯ โดยตอนนั้นนาย ฮวน ทริป เป็นซีอีโอ แบบเผด็จการของ แพน แอมฯ ตอนนั้นไม่มีเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างที่มีทางเดินสองแถว เครื่องใหญ่ที่สุดทีใช้งานอยู่คือ 707 ลำตัวแถวเดียว เก้าอีข้างละ 3 รวม 6 ซึ่งความกว้างลำตัวของ 707 เป็นขนาดเดียวกับรุ่น 727 737 และ 757
ตอนนั้นต้องการเครื่องบินดยสารที่สามารจุผู้โดยสารได้มากขึ้นแต่ มีกระแสให้สร้างเครื่องบินโดยสาร 2 ชั้น และต้องการเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ด้วย นาย โจ ซัทเตอร์ ผู้ออกแบบ 747 ดูไปดูมาคิดว่าสร้างชั้นเดียวแต่ลำตัวกว้างมากขึ้นจะดีกว่า โดยออกแบบให้ห้องนักบินอยู่สูงอีกระดับเพื่อให้เปิดหัวเครื่องบินขนสินค้ายาว ใหญ่ เข้าไปได้ตลอกความยาว / กว้างของเครื่องบิน เมื่อห้องนักบินอยู่สูงแล้ว พื้นที่ด้านหลังที่ต้องทำเป็นแนวลาดลงมาเลยใช้เป็นห้องพักผ่อนหรือห้องผู้โดยสารเพิ่มได้
ที่น่าสนใจคือตอนนั้นโครงการ 747 เป็นโครงการลูกเมียน้อย หรือที่ฝรั่งเขียนว่า ลูกบุญธรรม ครับ เพราะโบอิ้งกำลังฟิตพัฒนาเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่โชคดีที่สเปคของทางเมกันกำหนดให้บินได้เกือบ 3 มัค และบินไกลข้ามแปซิฟิกได้ พัฒนาไป พัฒนามาจึงเห็นว่าไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในทางธุรกิจ เลยเลิกไป ส่วนทางยุโรป ตั้งสเปคแค่ให้บินประมาณ 2 มัค และบินข้ามแอตแลนติด เลยสร้างเป็น คอนคอร์ท ขึ้นมาจริงๆ ตอนแรกก็ดีใจกันใหญ่ว่าดังแน่ ผลปรากฎว่า ผลิตขึ้นมาทั้งหมดแค่ 20 เครื่อง นำไปใช้บินรับส่งในสายการบินจริงๆ 14 เครื่อง ส่วน 747 สร้างขายมาได้ ประมาณ 1,400 เครื่อง แล้ว
เขาว่า คอนคอร์ท มีแต่ที่นั่งแคบๆ 100 ที่ ขนของแทบไม่ได้ ใช้น้ำมันเท่ากับ 747 ที่นั่ง เกือบ 400 ที่ ผู้โดยสารต้องจ่ายมากกว่า 4 เท่าเพื่อค่าความเท่ เคยนั่งเครื่องบินเร็วกว่าเสียง
ที่จริงแล้วประวัติเครื่อง B747 นั้นเป็นโครงการที่เกือบทำให้ Boeing ล้มละลาย เนื่องจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯไม่ผ่านการโครงการเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล เนื่องจากราคาสูงเกินไป ก่อนที่จะมาเป็น B747 ทุกวันนี้ ในรูปแบบของเครื่องบินทิ้งระเบิดนั้นปีกจะอยู่ด้านบนเหมือนกับ C-5 Galaxy พอไม่ผ่าน Boeing เลยให้วิศวกรย้ายปีกมาไว้ด้านล่าง..(นอกเรื่อง..วิศวกรย้ายปีกมาไว้ด้านล่างอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน..วันนั้นเมาจัด...เดินไปฉี่..มองจู่ตัวเองเลยตัดด้านบนหมด..แล้วออกแบบให้เป็น.....มองดีๆเหมือนครับ..สมัยที่บิน747อยู่โดนพรรคพวกแดกดันว่าเจี้ยวบินได้...) แล้วดำเนินการสร้างเครื่องต้นแบบทดสอบการบิน..และประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
เรื่องของความกลัวเครื่องบิน....มันยังมีอยู่ในทุกๆๆคนทุกชาติภาษา..ถึงแม้ว่ากิจการการบินจะดำเนินมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว..ส่วนใหญ่ที่กลัวกันนั้นจะกลัวการบินเข้าสภาพอากาศแปรปรวน พูดง่ายๆคือตกหลุมอากาศ ปัจจุบันนี้เครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดอย่าง 7e7 (787) A380 ยังไม่มีเครื่องตรวจวัดความแปรปรวน(Turbulence)ของสภาพอากาศ ถึงแม้ว่าวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็ตาม...มันจะมีการแปรปรวนของอากาศ..เนื่องจากความกดอากาศ..อุณหภูมิที่พื้นดิน...ความชื้นที่พี้นดิน...กระแสลมในชั้นบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป...ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการบินอ้อมหรือเปลี่ยนเพดานบิน
ผมเองมีอาการกลัวความสูงขนาดยืนบนรั้วบ้านยังขาสั่น..แต่เมื่ออยู่บนเครื่องบินกลับมีความมั่นใจมากขึ้นเพราะตัวเครื่องบินมันห่อหุ้มเราให้เกิดความปลอดภัย
ลองขจัดความกลัวง่ายๆ โดยให้คิดว่า ถ้าเรานั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่..มีความเสี่ยงสิบถึงสิบเอ็ดชั่วโมง..แต่ถ้าเรานั่งเครื่องบินเสี่ยงแค่ห้าสิบนาทีเท่านั้น มันก็จะขจัดความกลัวลงไปได้บ้าง... ผมไม่แนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอผสม..เพราะเมื่อท่านกลัวบางครั้งอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวหรืออาจจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทบนเครื่องก็ได้อันเนื่องมาจากจิตใต้สำนึก เมื่อนั่งบนเครื่องบินพยายามหาอะไรทำ เช่นอ่านหนังสือ...เล่นเกมส์...เอาคอมพิวเตอร์มาใช้งานหรือจะเล่นเกมส์ดูหนัง..ฟังเพลงส่วนตัว..จะช่วยลดอาการกลัวได้มาก... อย่าทานอาหารให้อิ่มมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ท้องอืด(ส้มตำควรละเว้นก่อนขึ้นเครื่องบินเพราะมะละกอกับส่วนผสมเป็นตัวก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากที่สุด)...ไม่ควรทานยาแก้เมาเครื่อง..เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับอาการกลัวเครื่องบิน ยาแก้เมาเครื่องบินมันก็เหมือยาแก้เมาเรือ เอาไว้ทานเมื่อมีอาการเมาเครื่องหรือเมาเรือเท่านั้น หรือนอนหลับในกรณีที่บินนานๆ และสิ่งที่ไม่ควรละเลยคือรัดเข็มขัดตลอดเวลาที่นั่งบนเครื่องบิน..ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ขอให้สนุกกับการนั่งเครื่องบินครับ