ในความเห็นของผมนะครับ ตร.ที่ไปทำหน้าที่ได้รับปืนและแก็สน้ำตาที่หน่วยงานจัดไว้ให้คงไม่รู้ว่าลูกไหนยิงไปแล้วผลจะเป็นอย่างไร ผู้ที่เตรียมไว้หรือผู้จัดหาเท่านั้นที่จะรู้อณุภาพของมัน (แต่ถ้าเป็นปืนส่วนตัวก็อีกเรื่องครับ) เพราะอย่างนี้เราไม่ควรหลงประเด็นโดยโกรธตร.ทั้งหมดอาจทำให้เกิดความแตกแยกได้ จากการวางแผนของคนไม่กี่คน ตร.ที่มาอาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าแก็สน้ำตาโดนแล้วรู้สึกอย่างไร ผมเจอตร.ที่สนามยิงปืนยศจ่าหลายคนยังใช้ปืนออโต้ไม่เป็น เช่นค้างสไลด์ยังไง เอาลูกออกอย่างไร ทำไมยิงแล้วลำกล้องด้านบนทำไมมีรอย ลดนกอย่างไร(เพราะพึ่งได้ปืนมาจากสหกรณ์ได้ปืนก่อนผ่อนที่หลังก่อนหน้านี้ผ่อนก่อนถึงได้ปืน)
ในนี้มีหลายประเด็นครับ...
1)
"ตร.ที่ไปทำหน้าที่ได้รับปืนและแก็สน้ำตาที่หน่วยงานจัดไว้ให้คงไม่รู้ว่าลูกไหนยิงไปแล้วผลจะเป็นอย่างไร"เขาเขียนเอาไว้ข้างลูกระเบิด และข้างลูกปืนครับ หากอ่านไม่ออกก็น่าจะสังเกตสัญญลักษณ์สากล เช่น รูปเครื่องหมายอันตราย ฯลฯ... หากยังไม่รู้ ก็ไม่ควรเป็นตำรวจ...
2) "
อณุภาพ"
เขียนผิดครับ แปลว่ารูปเล็กๆ... ที่ถูกต้องอานุภาพ...
3) "
ผมเจอตร.ที่สนามยิงปืนยศจ่าหลายคนยังใช้ปืนออโต้ไม่เป็น เช่นค้างสไลด์ยังไง เอาลูกออกอย่างไร ทำไมยิงแล้วลำกล้องด้านบนทำไมมีรอย ลดนกอย่างไร"
ไปเจอเอาตำรวจสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐานครับ... ไม่ควรเป็นตำรวจ ลงว่าไม่รู้จักอาวุธได้ถึงขนาดนี้ ก็เหมือนกับพนักงานขับรถยนต์ที่ขับรถยนต์ไม่เป็นแหละครับ...
มีแถมอีก...
สังเกตว่าช่วงเช้ามีขาขาดหนึ่งคน แสดงว่าตำรวจอาจยังไม่ทราบ เลยเผลอทำขาคนขาด... คนมันโง่ก่อนฉลาดกันได้...
แต่พอช่วงค่ำๆ... มีขาขาดอีกสอง มีน้องโบว์เสียชีวิต...
แปลว่ารู้แล้วว่าทำยังไง ยิงยังไงขาคนขาด... เลยชอบใจเอาอีก เอาอีก... ชักมันส์ รู้แล้วนี่ ว่าทำอยางไร...
ผู้บังคับบัญชาก็ไม่ห้าม... เพื่อนตำรวจก็ไม่ห้าม ไม่สงสัยว่าทำไมขาคนขาดหว่า... ปล่อยให้ทำอย่างเดิมอีก...
ตกหัวค่ำเลยเล่นซะ... ขาคนก็เลยขาดเพิ่มอีก...
มีคนตาย... มีคนตาย... มีคนตาย... มีคนตาย...
แล้วแบบนี้จะให้คนอื่นเขาไม่โกรธแค้นยังไงไหวครับ...
นี่ถ้าไม่มีการโวยวายกันข้นมา... นายสมชายเชื่อว่าคงค้นพบวิธียิงแบบใหม่...
เช่นลูกเดียวขาดได้สองสามคนพร้อมกัน... กลายเป็นเอามันส์เอาสนุก..
ที่นายสมชายเขียนอย่างนี้... เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ไม่มีใครแสดงความเสียใจ...
ตำรวจใหญ่ยังออกมาสัมภาษณ์หาว่าพกระเบิดมาเองเสียแน่ะ...