จบ ป.ตรี ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 1 คะแนน
จบ ป.โท ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 2 คะแนน
จบ ป.เอก ให้มีสิทธิลงคะแนนได้ 3 คะแนน
จบราม.ให้สิทธิเลือก สส.ได้ 1 คน จบจุฬาให้สิทธิเลือก สส.ได้ 2 คน
จบเมืองนอกที่เจริญแล้วให้สิทธิเลือก สส.ได้ 3 คน
ใครไม่จบปริญญา ไม่มีสิทธิเลือก สส. แต่ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร อย่างงี้จะเอาไหม ยุติธรรมดี
ผมเรียนพี่หูดับตับไหม้อย่างนี้ครับ
คือถ้าได้ฟังหรืออ่านความเห็นของพี่ตู้ แว้บแรกคือแกชอบประชดประชัน เสียดสี มีอารมณ์ขัน
และถ้าพิจารณาดีๆ มันมีความเจ็บปวดปนอยู่ด้วยครับ
การที่พูดเรื่องคนที่ไม่ได้รับการศึกษานั้น ไม่ได้ต้องการไปตอกย้ำแต่อย่างใดครับ
หากแต่ต้องการให้ทุกๆ คนเกิดความอยากที่จะพัฒนาตนเอง แข่งขันกันเรียนรู้ แข่งขันกันสร้างสรร
เมื่อตนเองดีขึ้นแล้ว ก็ช่วยเหลือ-หยิบยื่นโอกาสให้คนรอบข้างได้ดีขึ้นด้วย แล้วก็ขยายวงออกไปทั้งสังคม
ดีจะตายไปครับ
แต่ที่ผ่านมา คนที่เราเลือกเป็นตัวแทนของเรานั้น ส่วนมากเป็นคนที่พัฒนาตัวเองแล้ว แต่ไม่ยอมมาพัฒนาคนอื่นๆ ต่อ
ไม่หยิบยื่นโอกาสให้ผู้ที่ฝากความหวังไว้กับเขา ตามที่ควรจะทำ ในบางครั้งก็กดไว้และมอมเมาด้วยสิ่งล่อใจต่างๆ
หาปลามาให้ แต่ไม่ได้สอนให้จับปลา
(หรือหาเงินมาให้ แต่ไม่ได้สอนให้หาเงิน-ก็คือซื้อนั่นแหละ)
พี่หูดับฯ คงเคยได้ยินใช่ไหมครับ
ก็ดันเลือกเข้าไปแล้ว ทำไงได้
แต่ยังไม่เข็ด สมัยหน้าก็เลือกเข้าไปใหม่ ก็ไม่ทราบอะไรมาบังตา
หรือเราใช้อารมณ์ชั่ววูบตอนเขาเข้ามาทักทายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
พอใจหรือครับที่เลือกเข้าไปตั้งหลายสมัยแล้ว เราก็ยังเจริญอยู่กับที่
เลือกตั้งแต่สมัยพ่อ จนพ่อเลิกเล่นแล้วเลือกลูกมันต่อ เราก็ยังเจริญเหมือนเดิม
อย่างนี้จะโทษคนเลือกหรือคนถูกเลือกครับ
การออกเรียกร้องสิทธิในเรื่องต่างๆ เป็นสิ่งที่ดีครับ ไม่ว่าเราจะเป็นใครตาม เพราะแสดงว่าเราไม่ใช่คนหงอ ไม่ได้จำยอม
และต้องไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิในการเลือกตั้งเท่านั้นนะครับ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพต่างๆ
ชีวิตความเป็นอยู่ การศึกษาของลูกหลาน และอีกมากมายก็ต้องไม่ลืมครับ
เราก็คงรู้อยู่แล้วว่า การที่สิทธิในการเลือกตั้งเป็นประเด็นขึ้นมา ก็ด้วยมีนักการเมืองหนุนหลังอยู่ เพราะมันเป็นช่องทางที่ทำให้เขาได้อำนาจมาอย่างชอบทำ
ถ้าคนมีสิทธิเลือกไม่พัฒนา มีหรือครับที่นักการเมืองจะพัฒนา