1. ทราบข่าว.......
ในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 06.00 น. พลตรีหลวงเสนาณรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 นครศรีธรรมราช ได้รับโทรเลข ซึ่งนายไปรษณีย์จังหวัดนครศรีธรรมราชได้นำมาส่งให้ที่บ้านพัก ความว่าญี่ปุ่นได้ส่งเรือรบประมาณ 15 ลำ มาที่ชายทะเลสงขลา และลำเลียงพลขึ้นบก เมื่อเวลา 04.00 น. ภายหลังที่ได้รับข่าวจาก หลวงอรรถโกวิทวที อัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งแลเห็นเรือรบจำนวนมากจอดอยู่นอกฝั่งสงขลาและเตรียมยกพลขึ้นบกที่บ้านสำโรงและบ้านเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา......
2. รวมพล......
ภายหลังที่ได้รับโทรเลขฉบับนั้น ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 จึงสั่งการให้แตรเดี่ยว ณ กองรักษาการณ์ประจำกองบัญชาการ เป็นสัญญาณเหตุสำคัญให้กับ ร.พัน 39 เพื่อเตรียมตัวรวมพลที่จะไปช่วยหยุดยั้งกองทัพญี่ปุ่นที่จังหวัดสงขลา และเตรียมรับมือกับกองทัพญี่ปุ่นที่คาดว่าอาจจะบุกขึ้นนครศรีธรรมราชด้วย.......
3. เหตุการณ์แปรเปลี่ยน......
ในขณะที่ ผบ.มณฑล ได้สั่งการและมอบหมายหน้าที่ต่างๆ เพื่อเตรียมรับศึกอยู่อย่างรีบเร่งนั้น....ก็ได้รับแจ้งข่าวจาก พลฯ จ้อน ใจซื่อ และ
พลฯ เติม ลูกเสือ สังกัด หน่วย ป.พัน 15 ซึ่งเป็นเวรตรวจเหตุการณ์ที่บ้านท่าแพ (ใกล้กับค่ายวชิราวุธ) ได้พาร่างอันโชกเลือดไปด้วยคมดาบซามูไรกว่า 10 แผล เข้ามาแจ้งข่าวว่า ได้พบกองทหารญี่ปุ่นกำลังยกพลขึ้นจากเรือรบ และลำเลียงกำลังด้วยเรือท้องแบนมาตามคลองท่าแพ จะขึ้นที่ท่าแพ ในขณะที่จะพยายามกลับมารายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก็ถูกทหารญี่ปุ่นบุกขึ้นมาทำร้าย แต่ได้พยามยามหลบหนีมาได้.......
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน.....ผบ.มณฑล จึงสั่งระงับการไปช่วยจังหวัดสงขลา ให้ทหารทั้งหมดกลับมารวมกันเพื่อต้านทานกองทัพญี่ปุ่น โดยสั่งการให้เปิดคลังแสงอย่างรีบด่วนและสั่งจ่ายอาวุธปืนเล็ก ปืนกล และกระสุนปืน ให้แก่ทุกคนที่ยังไม่มีอาวุธประจำกายและประกาศให้ทุกคนทำการสู้อย่างเต็มกำลัง มิให้ทหารญี่ปุ่นบุกยึดโรงทหารและค่ายทหารได้เป็นอันขาด....และสั่งให้ ร.พัน 39 รีบไปเสริมกับกำลังของทหารปืนใหญ่ ป.พัน 15 ที่กำลังยิงต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์